ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่286 เสียหน้า
ตอนที่286 เสียหน้า
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก แต่ฉีเล่ยก็ตระหนักได้ว่า เวลาของเขาน่าจะเหลืออีกไม่มากแล้ว
แต่นับว่าโชคดีที่ตอนนี้เขาได้พบร่องรอยของพลังลึกลับนั่นแล้ว เขาจึงได้พยายามควบคุมพลังหยิน และหยางค้นหาพลังลึกลับในร่างของชายชราต่อไป
และในที่สุดนั้นเอง ฉีเล่ยก็ได้พบพลังบางอย่างเข้าจนได้!
และมันก็คือพลังสีดำนั่นเเอง!
ในวินาทีที่พลังสีดำพบเห็นพลังหยินและหยางเข้านั้น ฉีเล่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังลึกลับนั่นว่า มันมีความรู้สึกหวาดกลัว และต้องการที่จะหลบหนี
อาจเป็นเพราะว่า พลังลึกลับนั่นรู้สึกสบาย และปลอดภัยที่ได้แฝงตัวอยู่ในร่างของชายชรามาเป็นเวลานาน และคงคิดไม่ถึงว่า จู่ๆ จะมีอันตรายคืบคลานเข้าใกล้อย่างกะทันหันเช่นนี้
แต่ฉีเล่ยก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจพลังลึกลับนั่นเลยแม้แต่น้อย เพราะมันคือต้นเหตุที่ทำให้ชายชราต้องมานอนหมดสติอยู่บนเตียงเช่นนี้มานานหลายวัน เขาจึงไม่รีรอ และรีบสั่งให้พลังหยินและหยางตรงเข้ากลืนกินพลังลึกลับนี้เข้าไปทันที
คงต้องพูดว่าสมแล้วที่พลังหยินและพลังหยางนั้น เป็นพลังก่อร่างทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอื่นๆที่ไม่ว่าจะดูแข็งแกร่งเพียงใด มันกลับกลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปทันที
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดพลังหยินและพลังหยางก็สามารถกำจัดพลังสีดำลึกลับนั่นได้!
เมื่อจัดการกับทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว จิตใจของฉีเล่ยจึงค่อยๆสงบลง และความกล้าหาญที่ทำให้เขายืนหยัดได้อยู่ก่อนหน้านี้ ก็ได้พังทลายลงในทันที
แต่นับว่าโชคดีที่พลังหยินและหยางนั้น ถูกดึงกลับเข้าร่างของฉีเล่ยได้ทันเวลา และตัวเขาเองก็รู้สึกว่า ร่างกายของตนเองในตอนนี้ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่บางทีอาจเป็นเพราะคิดไปเองก็เป็นได้
ฉีเล่ยไม่อยากคิดเรื่องอื่นมากในเวลานี้ เขาค่อยๆก้มหน้าลงจ้องมองชายชรา ที่ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“อาวุโส ในที่สุดก็ตื่นซะทีนะครับ!”
หลังจากผ่านไปราวสัปดาห์กว่าๆ ในที่สุดชายชราที่นอนหลับไหลมานานหลายวัน ก็เปิดเปลือกตาขึ้นมา และกำลังจ้องมองฉีเล่ยด้วยแววตาซาบซึ้งใจ
“พ่อหนุ่ม นี่เธอช่วยชีวิตของฉันไว้ใช่ไหม?”
เป็นเพราะว่าชายชรานอนหลับไปนาน เมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแออย่างที่สุด น้ำเสียงของเขาจึงได้เบากว่าปกติมาก
ฉีเล่ยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับค่อยๆย่อตัวลงข้างเตียง เขาสงบจิตใจตัวเองครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากพูดกับชายชราไปว่า
“นี่เป็นเรื่องที่ผมสมควรต้องทำครับ ไม่ทราบว่าอาวุโสต้องการให้ผมเรียกคนข้างนอกเข้ามาเลยไหมครับ? ทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของอาวุโสมากเลยทีเดียว”
ความจริงแล้ว ตอนนี้ฉีเล่ยอยากจะถามผู้เฒ่าจินว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาไปพบใครมาก่อนบ้าง?
นั่นเพราะสิ่งที่เกิดกับชายชราในตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ของซือไถที่อยู่เจียงหลิง เพราะมันมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก
แต่เมื่อเห็นสภาพจิตใจของชายชราในตอนนี้ ฉีเล่ยจึงได้แต่อดกลั้นความอยากรู้นั้นไว้ก่อน
“อืมมๆ”
ชายชราทำเสียงรับรู้อยู่ในลำคอพร้อมกับยิ้มให้ฉีเล่ย
แม้ว่าชายชราจะเพิ่งลืมตาขึ้นมาครั้งแรกหลังจากหมดสติไปนาน แต่ในแววตาของเขากลับเป็นประกายวิบวับปรากฏให้เห็น
ฉีเล่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง เพื่อที่จะเรียกให้คนข้างนอกเข้ามา แต่เมื่อไปถึงประตู เขากลับรู้สึกสะดุดใจคล้ายว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในตอนนี้ ชายชราดูแก่กว่าความเป็นจริงไปหลายปี ราวกับว่าถูกดูดชีวิตออกไป!
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่ความคิดคาดเดาของเขาเท่านั้น ถึงอย่างไรเสีย การที่ชายชราตื่นขึ้นมา ย่อมต้องดีกว่านอนหลับไหลอยู่แบบนั้นแน่ เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉีเล่ยจึงได้เปิดประตูห้องออกทันที
ทุกสายตาจับจ้องมาทางฉีเล่ยแน่นิ่ง และทุกคนต่างก็กำลังรอฟังคำพูดของเขาอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนในตอนนี้นั้น คงจะมีตัวเองเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใครๆ
“ผู้เฒ่าจินฟื้นแล้ว!”
ฉีเล่ยไม่พูดอะไรยืดยาว เขาพูดเพียงแค่สั้นๆแต่ตรงประเด็น
ซุนต้าเฉิงถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเหตุผลที่เขายอมใช้ความน่าเชื่อถือของตนเอง ที่ได้จากการทำงานอย่างซื่อสัตย์ให้กับตระกูลจินมาหลายปี ออกหน้าปกป้องฉีเล่ยนั้นก็เพราะว่า เขาชื่อมั่นในตัวฉีเล่ยอย่างยิ่งนั่นเอง
และทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปากของฉีเล่ย ซุนต้าเฉิงก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ส่วนจูกวงหลงก็ได้เดินเข้าไปหาฉีเล่ย พร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่เขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ปากก็เอ่ยชมออกไปไม่หยุด
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก! เธอไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลยจริงๆ!”
ตรงกันข้าม ทั้งด็อกเตอร์สมิธ ซือฉี และแพทย์แผนตะวันตกคนอื่นๆ กลับมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก พวกเขาได้ขนเอาเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาอย่างครบครัน มิหนำซ้ำยังมาถึงก่อนทีมแพทย์แผนจีนหลายวันด้วย แต่ผลงานที่ทำออกมา กลับไม่ดีเท่าผลงานของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงได้เพียงแค่สองสามวัน
ซือฉีจ้องมองฉีเล่ยด้วยความเดือดดาล ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “ก็ไม่เลวเลยนี่ ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างซะมากกว่า!”
เวลานี้ ฉีเล่ยรู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับใครได้อีก เขาจึงรีบพยักหน้าส่งสัญญาณให้ทุกคนรีบเข้าไปในห้อง เพื่อที่เขาจะได้กลับไปพักผ่อนบ้างหลังจากนี้
นั่นเพราะก่อนหน้านี้ ฉีเล่ยได้ใช้พลังงานไปอย่างมาก หากการรักษาดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เขาก็คงจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแบบนี้ แต่เพราะต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา เขาจึงต้องเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นจากเดิม และมันก็เกินกว่าที่ร่างกายของเขาจะรับได้ไหวอีก
……….
เมื่อฉีเล่ยกลับไปถึงห้องพัก เขาก็ล้มตัวลงบนเตียง และหลับไปในทันที
ข่าวคราวเรื่องที่ผู้เฒ่าจินฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น ได้แพร่ไปเข้าหูของสมาชิกตระกูลจินทุกคนอย่างรวดเร็ว และเวลานี้ ทุกคนต่างก็ทั้งรู้สึกดีใจและประหลาดใจปะปนกัน
ที่ผ่านมา สมาชิกคนตระกูลจินทุกคนต่างก็เข้าใจ และรับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะเกิดกับผู้นำตระกูลดี แต่ตอนนี้ เมื่อผู้นำตระกูลของพวกเขาได้กลับมายืนหยัดอีกครั้ง พวกเขาจะไม่รู้สึกยินดีได้อย่างไรกันเล่า
ทางด้านซือฉีผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลางประจำเมืองหยานโจวนั้น หลังจากที่ฉีเล่ยเป็นฝ่ายรักษาผู้เฒ่าจินได้ ทำให้เขาต้องชวดเงินรางวัลสามล้านหยวน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ และรีบเก็บข้าวของกลับออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลจินในทันที
สำหรับเรื่องชวดเงินสามล้านหยวนนั้นยังไม่นับเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องเสียหน้านั้น เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจทนได้จริงๆ!
ส่วนด็อกเตอร์สมิธผู้หยิ่งจองหองเอง ก็รู้สึกอับอายราวกับถูกอีกฝ่ายตบหน้ากลางสาธารณชน เพราะกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากอาวุโสตระกูลจินหลายคน และอยู่ในตระกูลจินมานานกว่าหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับไม่สามารถทำผลงานปรากฏให้เห็นได้เลย
แต่แน่นอนว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ฉีเล่ยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะหลังจากที่เขากลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองแล้ว ก็นอนหลับไหลไปตลอดทั้งวันทั้งคืน
ครั้งนี้ นับว่าเขาใช้พลังหยินและหยางในร่างไปอย่างเกินกำลังมาก และได้แต่คิดว่า หลังจากนี้หากเขายังไม่สามารถควบคุมพลังหยินและหยางได้ดีกว่านี้ คงจะไม่กล้าใช้มันอย่างเกินกำลังเช่นนี้อีกแน่
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากสามารถรักษาผู้เฒ่าจินให้หายได้ ฉีเล่ยก็มั่นใจว่า เส้นทางการแพทย์ของเขาในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?
สภาแพทย์แผนจีนจะยังคงเป็นกำลังหลักที่แข็งแกร่งของเขาเช่นเดิม แต่ตอนนี้ มีพลังหยินและพลังหยางมาเพิ่ม จะช่วยให้เขาสามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น และสามารถรักษาได้ถูกจุดมากขึ้น
ฉีเล่ยรู้สึกว่า ในระยะเวลาสิบปี เขาจะมีโอกาสกลายเป็น ‘หมอเทวดา’ ได้อย่างแท้จริง!
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดของฉีเล่ยที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะหลับไป และตอนนี้เขาก็ยังคงนอนหลับไหลอยู่ภายในห้องพัก กระทั่งซุนต้าเฉิงนำอาหารมาให้ที่ห้อง เขาก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับประธานฉีกันแน่นะ?”
ซุนต้าเฉิงได้แต่ยืนพึมพำอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง
เวลานี้ เขามีความสุขอย่างมาก เพราะการที่ทีมแพทย์แผนตะวันตกทั้งหมด ต้องเก็บกระเป๋ากลับไปอย่างเสียหน้าแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกพใจอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง!
จูกวงหลงเห็นสีหน้าของพ่อบ้านซุนเข้า ก็ได้แต่หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่พ่อบ้านซุน คุณไม่เห็นสีหน้าท่าทางของฉีเล่ยตอนออกมาจากห้องผู้เฒ่าจินหรอกเหรอ? เขาดูเหนื่อยล้าอย่างมาก ปล่อยให้เขานอนหลับพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ก็คงจะตื่นเองล่ะ!”
……..
ฉีเล่ยนอนหลับไหลไปเป็นเวลานาน และเมื่อตื่นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่ากี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว
เขาเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านออกดู และพบว่าข้างนอกยังคงเป็นเวลากลางคืน เขายกมือขึ้นลูบท้องตนเองเบาๆ เพราะเริ่มรู้สึกหิว จึงได้ลุกขึ้นจากเตียง และเตรียมที่จะออกไปหาอะไรกินรองท้อง
ฉีเล่ยเป็นคนไม่ยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน อาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับชีวิตที่เคยลำบากยากเย็นในอดีตมา จึงกลายเป็นคนกินง่าย แต่เมื่อฉีเล่ยเดินเข้าไปในห้องอาหาร กลับพบว่าไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้ให้เขาพอจะใส่ท้องได้เลย
หลังจากที่อาการของผู้เฒ่าจินดีขึ้น ระบบการรักษาความปลอดภัยภายในคฤหาสน์ตระกูลจินก็ผ่อนคลายลงไปมาก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะไม่ต้องมีบอดี้การ์ดคอยตรวจตามจุดต่างๆเหมือนเมื่อก่อน และเขาเองก็สามารถเดินไปไหนต่อไหนภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงออกไปข้างนอกด้วย
ฉีเล่ยจึงได้เดินออกไปข้างนอกเพื่อหาร้านอาหารใกล้ๆ
เมืองเจี้ยนคังนับเป็นเมืองเก่าแก่จึงยังคงกลิ่นอายของความโบราณไว้ และเมื่อฉีเล่ยเดินเข้าไปใกล้กับกำแพงเมืองโบราณ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมไหวที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
แม้ก่อนหน้านี้ฉีเล่ยจะใช้พลังหยินและหยางในร่างไปอย่างเกินกำลัง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเท่านั้น และฉีเล่ยก็ค่อนข้างมั่นใจว่า หลังการรักษาผู้เฒ่าจินในครั้งนี้ เขาจะสามารถเข้าใจ และควบคุมพลังหยินและหยางในร่างกายได้ดีขึ้น
“อืมม ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก!”