ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่300 หลิงตัน
ตอนที่300 หลิงตัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ฮวาโหล่วมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตกอกตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่จะถามฉีเล่ยก็คงไม่ได้คำตอบอะไร แต่หากให้เดาจากท่าทีของเจ้าลิงน้อยแล้ว มันคงจะเรียกให้มาช่วยลิงตัวใหญ่นี้อย่างแน่นอน
“นี่แกไปเรียกฉันให้มาช่วยลิงตัวใหญ่นี้สินะ?”
ฉีเล่ยพึมพำออกมา ในขณะที่ลิงตัวใหญ่นี้ก็กำลังแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว และส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งถ้ำ ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวไม่น้อยทีเดียว
ฮวาโหล่วเกาะแขนฉีเล่ยไว้แน่น เพราะกลัวว่าลิงใหญ่ตรงหน้านี้จะพุ่งเข้ามาทำร้ายตนเอง และด้วยขนาดของมัน หากเธอถูกมันจู่โจมเข้า ก็คงยากจะรับมือได้อย่างแน่นอน
เจ้าลิงน้อยดูเหมือนจะเข้าใจในคำพูดของฉีเล่ย มันพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางลิงใหญ่ จากนั้น จึงได้เดินเข้ามาหาฉีเล่ยพร้อมกับดึงกางเกงของเขา คล้ายอยากจะบอกให้เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ฉันรู้แล้วๆ ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะพยายามหาทางช่วยเอง!”
แม้ว่าฉีเล่ยจะมีทักษะทางการแพทย์สูงส่ง แต่เขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรักษาสัตว์มาก่อนเลยในชีวิต
“นี่! แล้วนายจะทำได้มั้ย?”
ฮวาโหล่วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า “ถ้านายทำไม่ได้ ฉันทำให้เองก็ได้นะ!”
ความจริงแล้ว ฮวาโหล่วก็รู้สึกกลัวไม่น้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของฉีเล่ย เธอก็เกิดความกล้าขึ้นมาทันที และยินดีที่จะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ แม้สีหน้าจะดูหวาดกลัวมากก็ตาม และนั่นทำให้ฉีเล่ยถึงกับต้องหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ผมทำได้!”
ฉีเล่ยถอนหายใจยาว ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาลิงตัวใหญ่ ที่กำลังร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ต่างก็มีหนึ่งชีวิตเหมือนกันทั้งนั้น!
แม้ว่ามันจะเป็นแค่ลิงตัวหนึ่ง แต่มันก็รักชีวิตของมันไม่น้อยไปกว่ามนุษย์เลย!
ฉีเล่ยค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้ลิงใหญ่อย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันก็แอบควบคุมพลังหยิน และหยางที่ฟื้นฟูกลับคืนมาบ้างแล้วไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง เพราะหากเกิดอันตรายอะไรขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถป้องกันตนเองได้
ฮวาโหล่วเองก็จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดวิตก และกลัวว่าลิงใหญ่นั้นจะพุ่งเข้าจู่โจมฉีเล่ย แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะมันกลับนั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าท่าทางเหน็ดเหนื่อย
“ไม่ต้องตกใจไปนะ ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยแก!”
ฉีเล่ยเอ่ยบอกเจ้าลิงตัวใหญ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะฟังที่เขาพูดเข้าใจหรือไม่?
เจ้าลิงตัวใหญ่นั้นนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว และค่อยๆหลับตาลง ฉีเล่ยเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสามารถเข้าใกล้ และควบคุมมันไว้ได้
แต่ดูเหมือนแผนการจะไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะในขณะที่ฉีเล่ยกำลังจะเข้าใกล้เจ้าลิงตัวใหญ่นั้น มันก็ลืมตาขึ้นมาพอดี และเมื่อมันเห็นฉีเล่ยเข้ามาใกล้ มันก็ร้องคำรามออกมาข่มขู่ทันที
ตอนแรกฉีเล่ยก็ตกใจกลัวจนถึงกับกระโดดถอยหลังหนีไปหนึ่งก้าว แต่ต้องขอบคุณที่มันไม่ได้คิดที่จะจู่โจม เขาจึงรีบตั้งสติ และบอกกับมันไปว่า
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันเป็นหมอ ฉันจะช่วยแกเอง!”
แต่ดูเหมือนเจ้าลิงตัวใหญ่จะไม่เข้าใจคำพูดของฉีเล่ย ไม่เพียงมันจะร้องคำรามข่มขู่ แต่ดูเหมือนจะพยายามดิ้นรนลุกขึ้นทำร้ายเขาอีกด้วย
และในตอนนั้นเองที่ฉีเล่ยได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าลิงใหญ่ตัวนี้!
แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีเลือดไหลพุ่งออกมาอีกแล้ว แต่จากบาดแผลที่มีรอยเลือดแห้งกรังอยู่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยเลย
“ใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆ ฉันจะช่วยรักษาบาดแผลให้แกเอง!”
ฉีเล่ยค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เจ้าลิงตัวใหญ่ ปากก็คอยร้องปลอบประโลมไปไม่หยุด ส่วนมือก็ล้วงเอายาสมุนไพรที่นำติดตัวออกมา และเมื่อเข้าไปใกล้ในระยะที่พอจะเอื้อมถึง ฉีเล่ยก็ค่อยๆใช้ยาสมุนไพรทาที่บาดแผลของมัน
ร่างของเจ้าลิงใหญ่ค่อยๆสงบนิ่ง และหลับตาลงด้วยความรู้สึกที่สบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น
ฉีเล่ยถึงกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก เขาไม่รู้ว่าบาดแผลของมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นับว่ายังโชคดีที่เลือดหยุดไหลแล้ว ไม่อย่างนั้น ระหว่างทายาสมุนไพรมันคงจะต้องเจ็บปวดอย่างมากทีเดียว
หลังจากทายาที่รูขนาดใหญ่บนขาของมันแล้ว ฉีเล่ยก็เดินข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อสำรวจดูตามร่างกายของเจ้าลิงตัวใหญ่ว่ายังมีบาดแผลที่ไหนอีกบ้าง
เมื่อเห็นว่าตามร่างกายไม่มีบาดแผลแล้ว ฉีเล่ยก็แนบฝ่ามือข้างหนึ่งไว้บนร่างของมัน และค่อยๆถ่ายเทพลังหยินและหยางลงไปให้กระจายทั่วร่าง ในที่สุดเขาก็พบเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ
ภายในร่างของเจ้าลิงใหญ่เวลานี้ มีพลังงานสีดำไหลเวียนอยู่เหมือนกับผู้เฒ่าจินไม่มีผิด และดูเหมือนพลังงานสีดำนี้ กำลังพยายามที่จะทำลายระบบการทำงานภายในร่างกายของมันด้วย
ฉีเล่ยหันไปมองรูขนาดใหญ่ที่ขาของมันอีกครั้ง แล้วความตกใจก็พลันปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขาทันที
‘เป็นไปได้ว่า อาจมีคนทำร้ายเจ้าลิงตัวนี้ แล้วก็ปล่อยพลังงานสีดำนี้เข้าไปในร่างของมัน ผ่านรูใหญ่ที่ขา’
เมื่อครั้งที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลจิน ฉีเล่ยก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะต้องมาพบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้บนเทือกเขาจิ่วเหลียนด้วย
‘คนพวกนี้เป็นใครกันนะ?’
ฉีเล่ยไม่ต้องการที่จะครุ่นคิดอะไรมากในตอนนี้ เขาเริ่มลงมือรักษาเจ้าลิงใหญ่นี้ด้วยวิธีการเดียวกันกับที่ใช้รักษาผู้เฒ่าจิน เขาค่อยๆ ถ่ายเทพลังหยินและหยางเข้าไปในร่างของมัน และใช้พลังทั้งสองห่อหุ้มพลังงานสีดำที่อยู่ภายในไว้ จากนั้นจึงต้อนมันไปไว้ที่มุมหนึ่งของร่างกาย แล้วจึงทำลายมันทิ้งเสีย
กระบวนการรักษาไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะฉีเล่ยสามารถควบคุมพลังหยิน และหยางได้คล่องขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว แต่หลังจากจัดการกับพลังงานสีดำนั้นได้ เขาก็ถึงกับทรุดลงนั่งหายใจหอบอยู่กับพื้นทันที
“นายเป็นยังไงบ้าง?”
ฮวาโหล่วรีบเดินเข้าไปประคองร่างของฉีเล่ย พร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นอะไร!”
ฉีเล่ยโบกมือปฏิเสธ ในขณะเดียวกันก็จ้องมองไปทางร่างของเจ้าลิงใหญ่ เวลานี้ดูเหมือนมันจะหายเจ็บปวด และสีหน้าของมันก็ดูสบายและสงบขึ้นมาก
“มันเป็นอะไรเหรอ?”
หลังจากได้เห็นวิธีการรักษาของฉีเล่ย ฮวาโหล่วดูเหมือนจะรู้ได้ทันทีว่า เจ้าลิงใหญ่นี้ไม่น่าจะแค่ได้รับบาดเจ็บภายนอกธรรมดาๆ
ฉีเล่ยได้แต่ส่ายหน้า และตอบกลับไปว่า “ผมยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ในตอนนี้ พวกเรารีบกลับไปที่เต็นท์กันก่อนดีกว่า ไว้ค้นหาคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงพบเมื่อไหร่ ผมจะอธิายให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกที”
ในเมื่อฉีเล่ยยังไม่ต้องการที่จะเล่า ฮวาโหล่วก็ฉลาดพอที่จะไม่คะยั้นคะยอถามเช่นกัน และเพียงแค่พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะช่วยพยุงฉีเล่ยให้ลุกขึ้นยืน
หลังจากตรวจดูอาการของเจ้าลิงใหญ่อยู่อีกครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ฉีเล่ยก็ได้เตรียมตัวที่จะจากไป เพราะเขาเองก็ออกจากเต็นท์มานานแล้ว และเกรงว่าจะมีตัวอะไรบุกรุกเข้าไปพังเต็นท์ของตนเองเสียก่อน
“ไปกันเถอะ!”
ระหว่างที่ฮวาโหล่วกำลังพยุงร่างของฉีเล่ยเดินออกมานั้น จู่ๆ เจ้าลิงใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาพอดี พร้อมกับร้องคำรามออกมา ฉีเล่ยรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่กลับเห็นเจ้าลิงใหญ่นั้นยกมือขึ้นชี้ไปทางเจ้าลิงน้อย พร้อมกับร้องคำรามเสียงต่ำ คล้ายกับกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างกับมัน
จากนั้น เจ้าลิงน้อยก็เดินเข้าไปยืนข้างกายฉีเล่ยอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับเอียงคอจ้องมองเขา
‘นี่มันกำลังทำอะไรกันแน่?’
ฉีเล่ยได้แต่ยืนงุนงง และไม่เข้าใจว่าเจ้าลิงน้อยกำลังจะบอกอะไรกับเขากันแน่ ฮวาโหล่วเองก็หันไปมองฉีเล่ยงงๆเช่นกัน
เจ้าลิงตัวใหญ่ลุกขึ้นเดินไปหาเจ้าลิงน้อย และพูดอะไรบางอย่างกับมัน ฉีเล่ยเห็นเจ้าลิงน้อยมีท่าทีลังเล และดูคล้ายจะไม่เต็มใจนัก และในที่สุดมันก็ร้องเจี๊ยกๆ ออกมาสองสามครั้ง ท่าทางของมันคล้ายกับคนกำลังร้องไห้เสียใจ
“เจ้าลิงน้อย นี่เจ้าร้องไห้ทำไมกัน?”
ฉีเล่ยรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ปกติ แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะพูดต่อนั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างของเจ้าลิงใหญ่
แสงสว่างสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน และกำลังส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งถ้ำ จึงแทบเป็นไม่ได้เลยที่ฉีเล่ยกับฮวาโหล่วจะลืมตามองได้
ท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้านั้น ก็มีเสียงร้องคำรามต่ำของเจ้าลิงใหญ่ดังขึ้น ผสมผสานกับเสียงร้องที่น่าเวทนาของเจ้าลิงน้อย
ฉีเล่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะแสงสว่างสีขาวเจิดจ้านั้น ทำให้เขาไม่สามารถลืมตาได้ชั่วครู่ แต่หลังจากที่เขาลืมตาขึ้นมาได้นั้น เหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เขาถึงกับต้องตกใจสุดขีด
“ท่านผู้มีคุณ ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้กับท่าน!”
และไม่รู้ว่าเจ้าลิงใหญ่นี้พูดภาษาคนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หลังร้องบอกฉีเล่ยแล้ว ก็มีแสงสีขาวทรงกลมพุ่งออกมาจากปากของเจ้าลิงใหญ่ และกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
ฉีเล่ยจ้องมองแสงสีขาวทรงกลมนั้นด้วยความตกตะลึงอยู่นาน ยังไม่ทันที่เขาจะหายตกใจ ที่จู่ๆก็ได้ยินลิงพูดภาษาคน มันก็พ่นลูกกลมๆสีขาวออกมาจากปากอีกแล้ว
“ข้าคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ”
เจ้าลิงใหญ่ไอออกมา และท่าทางของมันก็ดูราวกับคนสูงอายุ ที่ผ่านโลกผ่านชีวิตมาอย่างยาวนาน
“มีใครบางคนกำลังคิดร้ายต่อข้า พวกมันต้องการหลิงตันของข้า ข้าจึงขอมอบมันให้กับผู้มีคุณแทน!”
เจ้าลิงใหญ่วางลูกกลมๆสีขาวนั้นไว้บนฝ่ามือของฉีเล่ย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตายิ่งนัก ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ยอมรักษาอาการบาดเจ็บให้กับข้าแน่ แต่ว่า.. ชีวิตของข้าคงจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก”
นั่นเพราะหลังจากที่มันได้รับความทรมานอยู่เป็นเวลานาน ร่างกายของมันก็ค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ ซึ่งฉีเล่ยเองก็พอจะรู้อยู่บ้างแล้ว เพราะในระหว่างที่เขาใช้พลังหยินและหยางตรวจดูภายในร่างกายของมันนั้น เขาพบว่า อวัยวะภายในของมันนั้นไม่เพียงชราภาพมากแล้ว แต่ยังอ่อนแออย่างมากอีกด้วยหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ
“ฉะนั้นแล้ว.. นับแต่นี้เป็นต้นไป ข้าขอฝากลูกของข้าให้ท่านช่วยเลี้ยงดูจนเติบโตด้วย!”
ลิงใหญ่เอ่ยบอกฉีเล่ยแล้ว มันก็ยิ้มกว้างให้กับเขา พร้อมกับย้ำว่า “ข้าขอมอบหลิงตันของข้า แทนคำขอบคุณต่อท่านผู้มีคุณ!”
แม้ฉีเล่ยจะไม่รู้ว่าหลิงตันมีประโยชน์อย่างไร แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่า มันจะต้องเป็นอะไรบางอย่างที่ล้ำค่าอย่างมาก!
และหลังจากที่ลิงใหญ่พูดจบ มันก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลง
เจ้าลิงน้อยโผเข้าลิงใหญ่ มันวิ่งวนไปมาพร้อมกับส่ายหน้าร้องเจี๊ยกๆไม่หยุด ดูแล้วช่างน่าเวทนายิ่งนัก กระทั่งฮวาโหล่วยังถึงกับน้ำตาไหลริน แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป
หลังจากที่เจ้าลิงน้อยยืนอยู่ข้างกายร่างที่แน่นิ่งของลิงใหญ่อยู่นาน ในที่สุดมันก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาฉีเล่ย แต่เมื่อก้าวไปหนึ่งก้าว มันก็หันหลังกลับไปมองลิงใหญ่ เจ้าลิงน้อยทำอยู่เช่นนี้ตลอดทางจนกระทั่งเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉีเล่ย
“มานี่สิเจ้าลิงน้อย!”
ฉีเล่ยก้มลงอุ้มร่างของเจ้าลิงน้อยไว้ข้างกาย พร้อมกับใช้ฝ่ามือลูบขนของมันแทนการปลอบโยน
คงไม่มีใครอยากให้เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับตน แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ และฉีเล่ยก็ตั้งใจว่า กลับไปปักกิ่งเมื่อไหร่ เขาก็จะให้หลินชูวโม่ช่วยดูแลเจ้าลิงน้อยแทนเขา
แต่เมื่อฉีเล่ยเดินออกมาถึงหน้าถ้ำ เขาก็ถึงกับต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อพบสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า!