ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 115 ความโกรธของฉินหยู
แจ็คอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียน เพราะมันค่อนข้างจะแตกต่างจากตัวตนเดิมของเย่เชียนที่เขาเคยรู้จัก เขาไม่คิดว่าคนอย่างอู่หยางเทียนหมิงจะทำให้เย่เชียนต้องเป็นกังวลใจถึงเพียงนี้ เย่เชียนเพิ่งจะโทรมาหาเขาและสั่งให้สืบเรื่องของอู่หยางเทียนหมิงเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วตอนนี้เขาก็โทรมาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
แจ็คนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม คลังแสงแห่งความคิดอันดับหนึ่งของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า เพราะฉะนั้นแจ็คเองก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
“ผมส่งคนออกไปสืบแล้วบอส ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรคืบหน้าเลย แต่บอสมั่นใจได้เลยว่าเราจะฝังไอ้เด็กตัวแสบนั่นก่อนพรุ่งนี้เช้าอย่างแน่นอน!” แจ็คพูดอย่างแน่วแน่และถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าบอส ?”
“ใช่… เพื่อนของฉันคนนึงหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน… และฉันก็มีลางสังหรณ์ว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของอู่หยางเทียนหมิง เพราะงั้น… นายต้องรีบหาข้อมูลเกี่ยวกับอู่หยางเทียนหมิงมาให้เร็วที่สุด! ฉันกังวลว่าถ้าขืนเรายังชักช้าอยู่อย่างงี้ต่อไป อาจมีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่”
แน่นอนว่าแจ็ครู้ว่าเย่เชียนมีเพื่อนและคนสนิทอยู่กี่คนในประเทศจีน เขากำลังคิดว่าอู่หยางเทียนหมิงนั้นจะโง่เขลาและคิดจะลักพาตัวคนสนิทคนหนึ่งของเย่เชียนไปจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ ? เพราะนั่นมันเท่ากับการฆ่าตัวตายชัด ๆ
แจ็คคิดว่าเพื่อนที่เย่เชียนพูดถึงคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากผู้หญิงของเย่เชียนเอง ถ้าหากมีการแพร่กระจายข่าวออกไปว่าคนรักของราชาหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ถูกลักพาตัว มันก็จะทำให้กลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องเสียหน้าและอับอายอย่างมาก และหากมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับจ้าวหยาขึ้นมา กลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็จะไม่มีหน้าไปทำอะไรได้อีก ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว แจ็คก็รีบพูดว่า “โอเคครับบอส… เดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปตรวจสอบเพิ่มทันที เราจะพบเบาะแสของอู่หยางเทียนหมิงในไม่ช้านี้ครับ”
“ดี” พูดจบเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่เย่เชียนทำได้ก็คือการรอคอย เขาได้แต่ภาวนาให้จ้าวหยายังคงปลอดภัยดีอยู่ในตอนนี้ เพราะเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความบาดหมางระหว่างเขาและอู่หยางเทียนหมิง คนที่อู่หยางเทียนหมิงต้องการกำจัดจริง ๆ มันก็คือตัวของเขาเอง
จ้าวหยาเป็นหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง เธอไม่เคยต้องพบเจอกับความลำบากหรือเรื่องที่เลวร้ายมาก่อนเลยในชีวิต เย่เชียนกังวลอยู่อย่างเดียวว่า อู่หยางเทียนหมิงอาจจะทรมานเธอเพื่อล่อให้เขาออกมา นั่นมันเป็นสิ่งที่เย่เชียนกลัวที่สุดและเขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงเลย…
เมื่อเย่เชียนหันกลับมา เขาก็พบว่าฉินหยูยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะผงะถอยหลังไปด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าฉินหยูมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณได้ยินทั้งหมดแล้วใช่มั้ย ?” เขาถาม
การแสดงออกของฉินหยูเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีขณะที่เธอถามว่า “หึ… มันเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ สินะ… ฉันได้ยินนายพูดถึงอู่หยางเทียนหมิงเมื่อกี๊นี้ นี่มันยังไงกันน่ะ ? เขาติดคุกอยู่ไม่ใช่เหรอ ?”
เย่เชียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “คือ… ผมบังเอิญเจอกับท่านหวังปิงก่อนที่จะมามหาวิทยาลัยน่ะ… เขาบอกผมว่าอู่หยางเทียนหมิงหลบหนีออกมาจากคุกเมื่อสองสามวันก่อน แล้วผมก็มารู้จากคุณอีกว่าจ้าวหยาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน… ผมก็เลยกังวลว่าเขาอาจจะลักพาตัวจ้าวหยาไปเพื่อที่พยายามจะยั่วยุและหลอกล่อผม แต่ตอนนี้มีคนกำลังสืบหาอยู่แล้วและผมน่าจะได้รับข่าวเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ผม… ผมขอโทษนะ… ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะผมเอง… ถ้ามันไม่ใช่เพราะผมเรื่องบ้า ๆ พวกนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้นกับจ้าวหยาหรอก”
การแสดงออกของฉินหยูเปลี่ยนไปเป็นมืดมนทันที เธอเงียบอยู่นานก่อนที่จะถามขึ้นมาอีกว่า “เย่เชียน! ไหนนายบอกกับฉันว่านายเป็นแค่บอดี้การ์ดที่พ่อของหยาเอ๋อร์จ้างมาไง แล้วอู่หยางเทียนหมิงไปมีปัญหาอะไรกับนายล่ะ ? ฉันน่ะสงสัยเกี่ยวกับตัวนายมาตลอดเลยนะว่านายน่ะเป็นใคร แล้วมีความเป็นมายังไงกันแน่ แต่ฉันก็ไม่เคยถามนายเลย… เย่เชียน! หยาเอ๋อร์เป็นน้องสาวของฉันนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหยาเอ๋อร์ล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นายไปตลอดชีวิตเลยคอยดู!”
เย่เชียนไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี เขาจึงได้แต่เงียบและถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าใจ
แต่ทว่าฉินหยูนั้นไม่ได้แยแสเย่เชียนเลย เพราะเมื่อเธอพูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรออกทันที
“คุณ! ไปสืบหาที่อยู่ล่าสุดของอู่หยางเทียนหมิงมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ… ฉันต้องการรู้ที่อยู่ของเขาก่อนค่ำวันนี้ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แล้วก็ไปกระโดดแม่น้ำหวงผู่ตายซะ”
น้ำเสียงของฉินหยูเต็มไปด้วยโทสะ คำพูดของเธอฟังแล้วน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเธอพูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปอย่างไม่ใยดี
เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับตัวตนของฉินหยูมาก แต่เขาก็ยังไม่เคยส่งคนไปสืบ อีกทั้งเขายังไม่เคยแม้แต่จะถามจากแจ็คเลยด้วยซ้ำ เพราะเมื่อย้อนกลับไปในงานการประมูลเครื่องประดับของแมรี่ เย่เชียนยังจำคำที่แจ็คพูดกับเขาได้ว่าแจ็ครู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉินหยูแล้ว
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ถึงภูมิหลังของฉินหยู แต่เย่เชียนก็พอจะเดาได้ว่าในเซี่ยงไฮ้ ครอบครัวของฉินหยูต้องมีอิทธิพลอย่างมากแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็เพิ่งเริ่มเข้ามาสร้างสาขาในประเทศจีน ดังนั้นรากฐานข้อมูลต่าง ๆ ของพวกเขาในที่นี่น่าจะยังมีไม่มากและไม่ค่อยครอบคลุมเท่าไหร่ และเมื่อเทียบกับครอบครัวของฉินหยูแล้ว มันก็เป็นไปได้มากว่าฉินหยูอาจจะได้รับข่าวสารและข้อมูลของอู่หยางเทียนหมิงเร็วกว่าทางเขาก็เป็นได้
“ไปกินข้าว!” จู่ ๆ ฉินหยูก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเธอได้
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเศร้าโศกระคนขมขื่น ก่อนที่เขาจะเดินตามหลังฉินหยูไปอย่างสำนึกผิด อย่างไรก็ตาม เย่เชียนคุ้นเคยกับน้ำเสียงที่เย็นชาของฉินหยูอยู่แล้ว แต่บางครั้งลักษณะการพูดการจาของเธอมันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโกรธเกลียดหรือเคียดแค้นอะไร เธอก็แค่เป็นตัวของตัวเองในแบบฉบับของเธอเท่านั้น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายังมีผู้ชายอีกมากมายหลายคนในเซี่ยงไฮ้นี้ที่โหยหาและฝันถึงโอกาสที่จะได้มารับประทานอาหารร่วมกันกับฉินหยูโดยที่ไม่สนใจว่าน้ำเสียงของเธอจะเป็นเช่นไร ในทางกลับกันนพวกผู้ชายเหล่านั้นอาจจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่ฉินหยูยอมพูดด้วย แต่แน่นอนว่าเย่เชียนไม่เหมือนกับพวกผู้ชายคนอื่น ๆ เขาไม่มีวันลดตัวลงไปคิดเช่นนั้นแน่
อย่างไรก็ตาม เย่เชียนก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถให้อภัยได้ เพราะผู้หญิงจะต้องมีอารมณ์ที่หงุดหงิดฉุนเฉียวและความหยิ่งยโสอยูเสมอ อีกอย่าง ท้ายที่สุดแล้วเรื่องของจ้าวหยา ยังไงเย่เชียนก็ยังเป็นฝ่ายผิดอยู่ดี
พวกเขาทั้งสองทานอาหารเย็นกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยโดยอยู่ในส่วนของห้องส่วนตัวเล็ก ๆ
เมื่อนักศึกษาบางคนเห็นเย่เชียนและฉินหยูเดินไปด้วยกัน พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยไปต่าง ๆ นานา
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันน่ะ…? ดูเหมือนว่าเขากับอาจารย์ฉินจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรบางอย่างกันนะว่ามั้ย… มันดูคลุมเครือและน่าสงสัยมากเลย” นักศึกษาคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“เขาไม่ใช่แฟนของอาจารย์ฉินใช่มั้ยเนี่ย ? ทำไมอาจารย์ฉินที่สุดแสนจะเย็นชาถึงมีแฟนได้ล่ะ ?”
“นี่พวกแกไม่รู้เหรอ ? ฉันจะบอกพวกแกให้นะว่าผู้ชายคนนั้นน่ะเขาเรียนคลาสเดียวกับเราไง น่าจะชื่อเย่เชียนหรืออะไรทำนองนี้แหละ… ฉันเคยเห็นเขาคนนี้แค่สองครั้งเองตั้งแต่ที่เขาย้ายเข้ามา ครั้งแรกคือวันที่เขาย้ายเข้ามาใหม่และครั้งที่สองก็วันนี้นี่แหละ”
“ห๊ะ ? เขาเป็นนักศึกษาเหรอ ? โห… อาจารย์กับลูกศิษย์งั้นเหรอ…? ฉันไม่คิดเลยว่าอาจารย์ฉินจะมีรสนิยมแบบนี้”
“ดอกไม้ที่แสนสวยงามเช่นนี้ถูกวัวตัวหนึ่งคาบไปครอง… โหย…! โลกมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ”
สัมผัสการได้ยินของหูเย่เชียนนั้นดีมาก เขาได้ยินหมดทุกอย่าง จากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้ ๆ ฉินหยูอย่างจงใจ ฉินหยูได้แต่จ้องมองเพราะเธอไม่รู้ว่าเย่เชียนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอทำไม เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
บรรยากาศตลอดการทานอาหารเย็นนั้นค่อนข้างตึงเครียดตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินหยูเอาแต่นั่งทานข้าวไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ และทุกครั้งที่เย่เชียนกำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ผู้หญิงคนนี้ก็จะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ดังนั้นเย่เชียนจึงปิดปากของเขาและเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลย
เขาหมดหนทางจริง ๆ!
แต่ในที่สุด ด้วยความหน้าด้านของเย่เชียน เขาลองเล่นมุขตลก ๆ ดู แต่ฉินหยูก็ยังไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย มันจึงทำให้เย่เชียนสิ้นหวังและหมดหนทางกว่าเดิม และเขาก็เริ่มตระหนักแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้คงกำลังคิดว่าเขาเห็นเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องตลกเล็ก ๆ น้อย ๆ