ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 128 ความซื่อสัตย์ที่ตรงไปตรงมา
คำพูดของเย่เชียนก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่พูดจากจุดที่เขายืนอยู่ในมุมมองของเขาเองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เย่เชียนจะไม่มีทางยอมให้เรื่องระหว่างสองฝ่ายต้องบานปลายอย่างแน่นอน เพราะสงครามเย็นระหว่างหงเหมินกรุ๊ปและชิงกรุ๊ปอาจจะนำไปสู่การรุกรานจากต่างชาติได้
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะออกจากประเทศจีนไปตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก แต่ความรักที่มีต่อประเทศชาติและแผ่นดินเกิดของเขานั้นก็ไม่มีทางลบเลือนหรือจางหายไปได้ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มเขี้ยวหมาป่าไม่ค่อยออกไปปฏิบัติภารกิจในประเทศจีนนัก รวมถึงการที่พวกเขายื่นมือเข้าไปช่วยรัฐบาลจีนหลายต่อหลายครั้งนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากจิตใต้สำนึกของพวกเขากับแผ่นดินเกิดนั่นเอง
มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยนั่นก็คือ การที่หูวเค่อแสดงออกเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อย่างฉุนเฉียวมากเกินไป มันยิ่งทำให้เย่เชียนสงสัยในตัวตนของเธอมากยิ่งขึ้น เธอเคยบอกกับเขาว่าเธอเป็นเพียงผู้บริหารสำนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกระวนกระวายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เย่เชียนจึงคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของหูวเค่อนั้นคงจะไม่ใช่ผู้บริหารธรรมดา ๆ ของสำนักงานทั่วไปอย่างแน่นอน
ฉินหยูไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอเพียงแค่บอกให้เย่เชียนระวังอย่าไปนอนทับแขนตัวเองในขณะที่เขาหลับ แล้วเธอจะขับรถพาเขาไปโรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้น จากนั้นเธอก็ขึ้นไปชั้นบน
ส่วนจ้าวหยานั้น ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปเสียสนิทว่าเธอเพิ่งจะเผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรงมาเมื่อไม่นานมานี้ เธอชี้ไปที่เย่เชียนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่นาย…! ทำไมนายถึงต้องไปทำให้เค่อเอ๋อร์โกรธด้วยล่ะ ?”
เย่เชียนจ้องมองเธออย่างหมดหนทาง เขาพยายามที่จะอธิบายว่าตัวเขาเองไม่ได้ต่อต้านหูวเค่อหรือมีอคติอะไรเลย แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอธิบายให้จ้าวหยาฟังอย่างไร เธอก็ไม่ยอมเข้าใจเสียที ในที่สุดเขาจึงทำหน้าตาเฉยเมยและพูดว่า “เอาเถอะ… แล้วแต่เธอเลยแล้วกัน ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
จ้าวหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ยอมฟังอะไรอีกต่อไปแล้วจึงสะบัดหน้าหนีและเดินขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน
เย่เชียนยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยความรู้สึกที่มืดมนและขมขื่น ลึก ๆ แล้วเขาแอบเสียใจอยู่เล็กน้อย เขาต้องเหนื่อยแทบตายเพื่อไปช่วยจ้าวหยา จึงคิดเอาเองว่าอย่างน้อยเขาควรจะได้รับการต้อนรับกลับบ้านอย่างอบอุ่นเป็นการตอบแทน
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย! เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องของเขา
หลังจากที่หูวเค่อกลับไปที่ห้องนอนของเธอแล้ว เธอก็ยังคงมีความรู้สึกโกรธเคืองเย่เชียนอยู่ เดิมทีตัวเธอเองรู้สึกดีและประทับใจในตัวเย่เชียนอย่างมาก เธอหวังว่าเขาจะสามารถแบกความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่ฟังจากคำพูดของเย่เชียนในวันนี้ มันกลับไม่เป็นดั่งที่เธอหวังเอาไว้
ขณะที่เธอกำลังโกรธเกรี้ยวอยู่นั้น จู่ ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หูวเค่อหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาและตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเล็กน้อย
“ใครน่ะ ?”
“โอ๊ะ! ใครทำให้หลานสาวตัวน้อยของปู่ต้องโกรธขนาดนี้ ? ไหนบอกมาซิว่า… คุณปู่คนนี้จะช่วยให้หลานคลายความโกรธลงได้ยังไงบ้าง ?” เสียงที่ฟังดูใจดีของชายชราคนหนึ่งดังมาตามสาย
หูวเค่อตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอรีบตอบทันทีว่า “อ้าว! คุณปู่นี่เอง… ทำไมถึงเป็นคุณปู่ที่โทรมาหาหนูได้ล่ะคะ ?”
“แล้วทำไมถึงจะไม่เป็นปู่ล่ะ ? มันแปลกตรงไหนที่คนเป็นปู่จะโทรมาหาหลานสาวตัวน้อย ๆ ของตัวเอง โอ้… ใช่แล้ว! หลานยังไม่ได้บอกปู่เลยว่าใครรังแกหลาน ใครกันที่กล้ามารังแกหลานสาวสุดหวงของปู่ ? เดี๋ยวปู่จะจัดการมันให้เอง” ปู่หูวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก
“เปล่าค่ะ… ไม่มีใครรังแกหนูหรอกค่ะคุณปู่” หูวเค่อรีบตอบ “เอ้อ… คุณปู่คะ คุณปู่ช่วยหนูสืบหาข้อมูลของคนคนนึงให้หนูหน่อยได้ไหมคะ ?”
“ใครรึ ?” ปู่หูวถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง
“คุณปู่ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ… คุณปู่แค่หาผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังของเขาแค่นั้นก็พอแล้ว” หูวเค่อตอบด้วยท่าทางน่ารัก น้ำเสียงของเธอฟังดูเอาแต่ใจนิด ๆ
“ได้… ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คนเป็นปู่ก็ต้องทำตามคำสั่งของหลานสาวที่มีค่าของเขาอยู่แล้ว… ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ปู่หูวพูดพลางหัวเราะ
“คุณปู่รอหนูสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูจะส่งรูปของเขาไปให้คุณปู่ตอนนี้เลย คุณปู่เปิดคอมพิวเตอร์รอรับมันได้เลยค่ะ” หูวเค่อพูดแล้ววางสายไป หลังจากนั้นเธอก็รีบไปเปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
หูวเค่อเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือของเธอเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วนำภาพของเย่เชียนจากโทรศัพท์มือถือคัดลอกใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นเธอก็ส่งไปที่อีเมลของคุณปู่หูว
เมื่อเธอส่งรูปเสร็จ จู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูห้องของเธอ
“นั่นใครน่ะ ?” หูวเค่อถาม
เสียงที่ประตูห้องเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็มีเสียงพึมพำอยู่ข้างนอกห้องว่า “เอ่อ… ผมเอง… เย่เชียน”
เย่เชียนกลับไปที่ห้องของเขาก่อนหน้านี้เพื่อตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าจิตใต้สำนึกของเขาจะยังเชื่อว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดไป แต่ทว่าหูวเค่อนั้นเป็นหญิงสาวที่น่ารักและฉลาดหลักแหลม บางทีสิ่งที่เขาพูดไปก็อาจจะมีบางอย่างผิดพลาดจนเป็นการไปยั่วยุเธอให้โกรธเคืองโดยไม่ตั้งใจก็ได้ และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องไปขอโทษเธอ
เย่เชียนไม่ใช่ผู้ชายไร้น้ำใจ ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับเธออย่างตรงไปตรงมา
หูวเค่อรีบปิดคอมพิวเตอร์ของเธออย่างรวดเร็ว เพราะเธอนั้นได้แอบตรวจสอบข้อมูลภายในของเขาและพบกับรายละเอียดบางอย่างเข้า ถ้าหากเย่เชียนเข้ามาเห็นว่าเธอกำลังสืบเรื่องของเขา มันก็คงจะไม่ดีแน่ ถึงเธอจะรู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่เธอแอบสืบเรื่องเขาก็ตาม แต่เธอก็อดไม่ได้
“เข้ามาเถอะ” หูวเค่อปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั่งลงบนเตียง
เย่เชียนเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในช้า ๆ พลางยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น ท่าทางของเขาในตอนนี้เหมือนกับคนซื่อบื้อไม่มีผิด
เมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องก็พบว่าห้องของผู้หญิงคนนี้ถูกตกแต่งออกมาได้อย่างน่ารัก ผ้าม่านและชุดเครื่องนอนทั้งหมดเป็นสีชมพูอ่อน มันถูกประดับไปด้วยขอบลูกไม้ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่น
หูวเค่ออยู่ในชุดนอนสีชมพู เธอเอนกายลงบนเตียงอย่างสบาย ๆ โดยมีผ้านวมคลุมร่างของเธอเอาไว้เล็กน้อย แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เผยให้เห็นผิวขาวเนียนบริสุทธิ์
เมื่อเห็นอย่างนั้น เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดซุกซนกับตัวเองในใจว่า ‘ชุดชั้นในของผู้หญิงคนนี้จะเป็นสีชมพูและมีลูกไม้ด้วยหรือเปล่านะ ?’
ด้วยความเผลอตัวเผลอใจ เย่เชียนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจ้องมองส่วนที่เปิดเผยของเธออยู่อย่างโจ่งแจ้ง
“อะแฮ่ม…” หูวเค่อกระแอมไอเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นว่าเย่เชียนกำลังจ้องมองเธอด้วยสวยตาที่ไม่น่าอภิรมย์นัก
เย่เชียนหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะพูดตะกุกตะกักว่า “แหะ ๆ ๆ คุณยังไม่นอนอีกเหรอ ?”
หูวเค่อมองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึงและคิดในใจว่าเขาไม่มีอะไรจะถามเธอแล้วหรือยังไง ถึงมาถามด้วยคำถามโง่ ๆ แบบนี้
“คุณคิดว่าไงล่ะ ?” หูวเค่อพูดห้วน ๆ
ในความเป็นจริงนั้น เธอเพิ่งจะตระหนักได้ไม่นานมานี้ว่าตัวเองเผลอใจไปตกหลุมรักเย่เชียนเข้าแล้ว เธอจึงไม่อยากที่จะทำตัวเหลวไหลและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาในทันที มิฉะนั้นเธออาจจะไม่สามารถรับมือกับเขาได้ในอนาคต
“อ๋อ… ฮ่า ๆ ๆ ผมคิดว่าคุณยังไม่นอนหรอก” เย่เชียนหัวเราะอย่างโง่ ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปข้างเตียงเธอและมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจนั่งลงบนเตียง
“เตียงนี้นิ่มสบายเหมือนสปริงเลย ฮ่า ๆ ๆ” เขาพูด
หูวเค่อพูดอะไรไม่ออก เธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดีกับสถาณการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้ เธอจึงเพียงจ้องมองใบหน้าของเขาตรง ๆ เพื่อดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ
“เอ่อ… คือ… ผม… ผมแค่อยากจะมาบอกกับคุณว่า จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ผมพูดเอาแต่ใจไปหน่อย ผมมัวแต่พูดสิ่งที่ผมคิดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคุณเลย ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณโกรธนะ” เย่เชียนพูดตะกุกตะกักและถามเธอว่า “คุณยังโกรธผมอยู่เหรอ ?”
“บ้า… ทำไมฉันถึงต้องไปโกรธคุณด้วยล่ะ ? ก็คุณพูดเองหนิว่ามันเป็นเรื่องของคุณ… อีกอย่าง ฉันกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย… ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับอะไรคุณหรอก” หูวเค่อพูดตัดพ้อตัวเอง
“แหม… ดูสิ… คุณพูดมาแบบนี้ก็แสดงว่าคุณยังโกรธผมอยู่ชัด ๆ ผมมันก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ๆ คนนึงที่ไม่ใช่นักธุรกิจ เพราะงั้นผมน่ะไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างชิงกรุ๊ปกับหงเหมินกรุ๊ปได้หรอก ต่อให้วิสัยทัศน์ของผมจะกว้างไกลมุ่งมั่นแค่ไหน หากขาดความแข็งแกร่งและการสนับสนุนมันก็เท่านั้น คนพวกนั้นเป็นนักธุรกิจชั้นเยี่ยม แล้วพวกเขาจะมาสนใจอะไรกับผมล่ะ ? ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณไม่คิดแบบผมเหรอ ?”