ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 135 ห้องรับรองVIP
เย่เชียนไม่ค่อยสบอารมณ์นักกับคนประเภทที่มีอคติกับคนอื่นเช่นนี้ แต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ร้ายแรงจนเกินไป เขาจึงยิ้มให้อย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “เท่าที่ผมรู้มา สโมสรแห่งนี้น่ะมีห้องส่วนตัวที่แตกต่างกันถึงห้าระดับ คุณคงจะไม่หันหลังให้แขกของคุณหรอกใช่ไหม ?”
บอดี้การ์ดของสโมสรมองเย่เชียนอีกครั้งด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามยิ่งกว่าเก่า
“แล้วไง ? ถ้าผมบอกว่าคุณเข้าไม่ได้ คุณก็เข้าไม่ได้! คุณจ่ายไม่ไหวหรอกหน่า… ไป ๆ ๆ อย่าให้ผมต้องไล่คุณออกไปเหมือนหมูเหมือนหมาเลย มันจะดูไม่ดีไปเสียเปล่า ๆ” บอดี้การ์ดเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เขาคิดว่าเด็กคนนี้มันน่ากระทืบจริง ๆ
ขณะเดียวกันนั้น ในห้องทำงานของประธานชั้นบนสุดของสโมสรมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เธอมองลงมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านล่างทั้งหมด เมื่อเธอเห็นเย่เชียน เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย มันแทบไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น การที่เย่เชียนถูกบอดี้การ์ดหยุดเอาไว้ตรงนั้นก็คงเป็นเพราะการแต่งกายของเขานั่นเอง
ทันใดนั้นเธอหันกลับไปกดโทรศัพท์ จากนั้นก็พูดว่า “ผู้จัดการชางกวน โปรดมาพบฉันสักครู่”
เพียงครู่เดียวชายวัยกลางคนที่มีชื่อว่า ชางกวนเฟยหยุน ก็เดินเข้ามาในออฟฟิศ เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดว่า “คุณผู้หญิง มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ ?”
“คุณช่วยไปเตรียมห้องส่วนตัววีไอพีให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย” หญิงสาวตอบและพูดต่อ “อีกอย่าง คุณลงไปข้างล่างแล้วช่วยอนุญาตให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาด้วยนะ แล้วก็ อย่าบอกเขานะว่าเป็นคำสั่งของฉันน่ะ”
ชางกวนเฟยหยุนเดินไปที่หน้าต่างพลางชะโงกหน้ามอง จากนั้นเขาก็ทำเสียงพึมพำตกลงแล้วเดินออกจากห้องไป เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะห้องส่วนตัววีไอพีนั้นไม่ได้ถูกใช้งานมาเป็นเวลานานมากแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน ? ถึงทำให้คุณผู้หญิงถึงกับต้องสั่งให้เตรียมห้องวีไอพีให้ขนาดนี้
ผู้จัดการชางกวนนั้นไม่เหมือนกับบอดี้การ์ดหน้าประตูที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเห็นโลกมามากมายแล้ว เขาเคยพบกับคนชนชั้นสูงบางคนที่ไม่ได้ชอบโอ้อวดตนทั้งยังแต่งตัวเรียบง่าย ซึ่งถ้าเขาปฏิบัติกับคนเหล่านั้นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มันก็อาจจะนำมาซึ่งหายนะได้ ถึงแม้ว่าผู้สนับสนุนของสโมสรเจิดจรัสจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ก็ไม่ควรที่จะทำให้คนจำนวนมากต้องขุ่นเคืองมากเกินไป
ที่ด้านล่าง เย่เชียนขมวดคิ้วมองไปที่บอดี้การ์ดอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ ? ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่าคุณจะ… ไล่! ผมไปยังไง!” เย่เชียนไม่พูดเปล่า เขายังไม่ลืมที่จะเน้นคำว่า ‘ไล่’ ใส่หน้าบอดี้การ์ดคนนั้น
“ให้ตายเถอะ! ผมพยายามจะไว้หน้าคุณแล้วนะ แต่คุณก็ดันมาหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้” บอดี้การ์ดตะคอกเขา เขายกแขนขึ้นหมายจะผลักเย่เชียนออกไปเพราะในสายตาเขา เขาคิดว่าเย่เชียนคงไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ อีกทั้งการที่จะเข้ามาทำงานเป็นการ์ดของสโมสรเจิดจรัสแห่งนี้ได้ หนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ ซึ่งเขาก็เห็นว่าร่างกายของเย่เชียนช่างดูไม่มีความกำยำเลย ดังนั้นการผลักเขาออกไปมันก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่มือของเขากำลังจะสัมผัสกับร่างของเย่เชียน ทันใดนั้นเย่เชียนก็คว้าข้อมือของบอดี้การ์ดคนนั้นเอาไว้ทันที ด้วยพละกำลังที่มากมายมาศาลของเย่เชียน เขาบิดมันเพียงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเตะอย่างรุนแรง
บอดี้การ์ดคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างมากจนเขาต้องลงไปนอนขดตัวอยู่กับพื้น ทว่าเย่เชียนยังมีความเมตตาอยู่ มิฉะนั้นลูกเตะก่อนหน้านี้มันก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว
เมื่อบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ เห็นว่าเพื่อนร่วมงานของตนถูกทำร้าย พวกเขาจึงวิ่งเข้าไปทีละคน ๆ โดยถือกระบองเหล็กไปด้วย
งานที่สโมสรแห่งนี้ถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขามากในฐานะบอดี้การ์ดรักษาความสงบ เนื่องจากบรรดาแขกมักจะเป็นคนมีฐานะ จึงทำให้โดยทั่วไปแล้วแทบจะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นเลย ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของสโมสรเจิดจรัสก็ยังเป็นที่รู้จักอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในเซี่ยงไฮ้เท่านั้นแต่รวมไปถึงในประเทศจีนทั้งหมด
ฉะนั้น ลืมเรื่องนักเลงและอันธพาลตามท้องถนนไปได้เลย เพราะแม้แต่มาเฟียของแก๊งชิงจากชิงกรุ๊ปก็ยังไม่กล้าที่จะก่อปัญหาที่นี่ ดังนั้นเมื่อพวกบอดี้การ์ดเห็นเย่เชียน พวกเขาก็คิดว่าแค่ต้องไปเผชิญหน้ากับเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอะไรเลยแค่นั้น
ในขณะเดียวกัน รถแท็กซี่อีกสองคันก็ได้มาจอดอยู่ตรงหน้าสโมสรเจิดจรัส ม่อหลง ฟูจุนเฉิง จ้าวไถ่จู้ และหวันชุนหัวก้าวลงมาจากรถ
เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนถูกล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยพวกบอดี้การ์ด ม่อหลงก็ขมวดคิ้วและจ้องมองอย่างเย็นชา เขาเดินเข้าไปหาเย่เชียนอย่างช้า ๆ ในขณะที่อีกสามคนที่เหลือไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเย่เชียนมีปัญหา พวกเขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่
ทั้งฟูจุนเฉิง จ้าวไถ่จู้ และหวันชุนหัว ทุกคนต่างรู้จักสโมสรเจิดจรัสกันเป็นอย่างดีเพราะที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศจีน ทว่าพวกเขาไม่เคยได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลย แต่พวกเขาก็สามารถเดาได้ว่า ตัวตนของเย่เชียนนั้นคงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเย่เชียนคงไม่สามารถเรียกพวกเขามาประชุมกันที่สโมสรเจิดจรัสแห่งนี้ได้
จ้าวไถ่จู้ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้ม เขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้มากนัก อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลังที่แห่งนี้หรือไม่ แต่หากคนพวกนั้นมายุ่งกับเพื่อนของเขาล่ะก็ เขาก็จะช่วยจนถึงที่สุด
แตกต่างจากหวันชุนหัวที่กำลังรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับสโมสรเจิดจรัสสักเท่าไหร่ แต่ว่าเพื่อนของเขากำลังเดือดร้อนอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วย
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า ?” ฟูจุนเฉิงมองเย่เชียนแล้วถาม
เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมย จากนั้นก็พูดว่า “แค่บอดี้การ์ดกลุ่มเล็ก ๆ เอง… มือเดียวผมก็จัดการได้แล้ว”
ส่วนม่อหลงนั้น เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเป็นนักฆ่าอย่างแท้จริง ในสายตาของม่อหลง การฆ่าใครสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย เขากวาดตามองบอดี้การ์ดเหล่านั้นอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า
“ถ้าพวกคุณไม่อยากตายก็ถอยไปเถอะ…”
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นว่าเย่เชียนพาคนจำนวนมากมาด้วย มันก็ทำให้สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะจัดการได้ง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ดูยากขึ้นมาถนัดตา พวกเขาไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรต่อไปดี แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้ ทว่าการยืนหยัดสู้ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นม่อหลงยังแสดงออกถึงเจตนาฆ่าที่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจน
“หยุด! หยุด…! ทุกคนหยุด!”
ผู้จัดการชางกวนวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนอย่างกระวนกระวายใจ เขากวาดสายตามองบอดี้การ์ดเหล่านั้นเมื่อเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ!”
บอดี้การ์ดพวกนั้นต่างก็พากันแยกย้ายออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งจากผู้จัดการชางกวน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะถ้าผู้จัดการชางกวนไม่ออกมาล่ะก็ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ว่ากันไปตามความจริงแล้วคนพวกนี้ทำงานบอดี้การ์ดเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ต้องการสละชีวิตไปกับมัน พวกเขามั่นใจมากว่าหากพวกเขาเคลื่อนไหวผิดไปแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ม่อหลงคนนั้นก็คงจะฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอนจากจิตสังหารอย่างรุนแรงที่พวกเขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้
วินาทีนี้พวกเขาคงต้องเผ่นแล้ว
ผู้จัดการชางกวนรีบเดินไปหาเย่เชียนและส่งยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษ จากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณครับ… ผมเสียใจกับเรื่องนี้มาก พวกเขาทั้งหมดเป็นเพียงพนักงานที่ไร้ประโยชน์กลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น หากพวกเขาทำให้คุณต้องขุ่นเคืองใจ ผมขอให้คุณได้โปรดอย่าถือสาหาความกับเรื่องนี้เลย… ผมต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยครับ”
เย่เชียนไม่ใช่คนประเภทที่จะก่อปัญหาอย่างไร้เหตุผล ในเมื่อมีชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการร้านให้ความเคารพและขอโทษแล้ว เขาก็จะไม่ถือสา
เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ก่อนหน้านี้ผมเองก็รุนแรงไปหน่อยเหมือนกัน”
ชางกวนตอบว่า “ขอบคุณครับ อ้อ… ผมเป็นผู้จัดการของที่นี่นะครับ ชื่อชางกวนเฟยหยุน ผมได้เตรียมห้องส่วนตัววีไอพีเอาไว้สำหรับคุณแล้ว เชิญทางนี้เลยครับ”