ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 150 แผนชั่วของตงเซียนกรุ๊ป
“ตงเซียนกรุ๊ป ?”
คิ้วของเย่เชียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเหว่ยตงเซียนนั้นตั้งใจที่จะเอาชนะการประมูลโครงการฟื้นฟูปฏิรูปเมืองอย่างจริงจัง เย่เชียนเดาว่าองค์กรดาร์คลิลลี่คงจะไม่ได้วางแผนฆ่าฉินหยูอย่างแน่นอน เพราะนั่นจะไม่ทำให้ตงเซียนกรุ๊ปได้เปรียบอะไรขึ้นมาเลย แผนการที่น่าจะเป็นไปได้ อาจจะเป็นการลักพาตัวฉินหยูไปเพื่อกดดันเทียนหยากรุ๊ปกับหงเหมินกรุ๊ป แต่แผนการที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือตงเซียนกรุ๊ปต้องการยั่วยุให้เครือชิงกรุ๊ปและหงเหมินกรุ๊ปทำสงครามกันและได้รับชัยชนะจากการต่อสู้เสียมากกว่า เพราะนักฆ่าคนนั้นปฏิเสธที่จะบอกพวกเขาถึงภารกิจของเธอในตอนที่หลี่เหว่ยยี่จับตัวเธอมาได้ ซ่งหลันคงจะใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ข้อมูลนี้มา และเธอไม่น่าจะได้ข้อมูลนี้มาจากองค์กรดาร์คลิลลี่โดยตรง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงการคาดเดาสถานการณ์ของเย่เชียนก็เท่านั้น
อยู่ ๆ เย่เชียนก็นึกถึงตอนที่อู่หยางเทียนหมิงลักพาตัวจ้าวหยาไปขึ้นมา อาจเป็นไปได้ว่าตงเซียนกรุ๊ปเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อไตร่ตรองดูแล้วอู่หยางเฉิงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของตงเซียนกรุ๊ปเสียด้วย เมื่อนึกถึงตอนนั้นแล้วเย่เชียนก็จำได้อีกว่าคนที่อยู่กับอู่หยางเทียนหมิงทั้งสี่คนก็เป็นคนของตงเซียนกรุ๊ป ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากที่ตงเซียนกรุ๊ปต้องการโจมตีและกำจัดหงเหมินกรุ๊ป
เย่เชียนยังไม่ได้ทวงคืนกับเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปสำหรับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลย แต่ทว่าตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่อย่างเงียบ ๆ และวางแผนจัดการในภายหลังเพียงเท่านั้น
“พี่หลันหลัน! เรามีโอกาสที่จะเทคโอเวอร์หุ้นและกิจการของตงเซียนกรุ๊ปได้มั้ย ?” เย่เชียนถาม
ซ่งหลันส่ายหัวและพูดว่า “ไม่น่าจะเได้นะ เพราะตงเซียนกรุ๊ปไม่ใช่บริษัทที่จดทะเบียน แต่พวกเขาเป็นองค์กรการค้า หากเราต้องการทำลาย เราสามารถทำลายได้แค่ธุรกิจของพวกเขาเท่านั้น เท่าที่ฉันรู้มาธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นพวกอสังหาริมทรัพย์กับโครงการของรัฐบาลบางโครงการ รวมไปถึงการขนส่งสินค้าบางอย่าง รากฐานของบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปของเราในเซี่ยงไฮ้นั้นอ่อนแอเกินไป หากเราต้องการทำลายองค์กรการค้าเหล่านี้ เราต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเลย แต่สำหรับการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ เราอาจมีวิธีการที่ดีกว่านั้น”
“ยังไงเหรอ ?” เย่เชียนถามด้วยความสนใจ
ซ่งหลันยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “นายลืมไปแล้วเหรอว่านอกจากรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แล้ว ใครที่มีอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในท้องทะเลกันล่ะ”
“พี่กำลังหมายถึงโจรสลัด !?” เย่เชียนถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ซ่งหลันพยักหน้าและพูดว่า “มันมีความเป็นไปได้ที่เหว่ยตงเซียนกรุ๊ปจะมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับพวกโจรสลัด ไม่เช่นนั้นธุรกิจของพวกเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นได้ยังไงกันล่ะ ? ถ้าให้ฉันเดาพวกเขาน่าจะแค่ส่งส่วยให้โจรสลัดพวกนั้นทุก ๆ ปี ดังนั้นหากเราต้องการทำลายธุรกิจทางเรือของเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปล่ะก็ เราก็แค่ต้องยืมพลังอำนาจของพวกโจรสลัดก็เท่านั้นเท่าที่ฉันรู้มานะกลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคาบมหาสมุทรแปซิฟิก ก็คือ กลุ่มโจรสลัดซาตาน มีหลายประเทศเลยที่พร้อม
ใจกันพยายามโค่นล้มพวกเขา แต่ถึงฐานที่มั่นของพวกเขาจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำลายขวัญและกำลังใจของพวกเขาเลย เพราะกระต่ายเจ้าเล่ห์มักจะมีโพรงสามโพรง และกลุ่มโจรสลัดซาตานนั้นก็มีแหล่งกบดานมากกว่าหนึ่งแห่งในคาบมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้านายสามารถโน้มน้าวให้กลุ่มโจรสลัดซาตานมาช่วยพวกเราได้ล่ะก็ ฉันรับรองได้เลยว่าธุรกิจโลจิสติกส์ทางเรือของเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปจะล่มสลายและพังพินาศอย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่กล้าย่างเท้าเข้ามาเหยียบผืนทะเลอีกเลย”
“กลุ่มโจรสลัดซาตานมันมีจริงเหรอ ?” เย่เชียนเอ่ยชื่อด้วยเสียงพึมพำและถามขึ้นว่า “แล้วใครมีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดซาตานบ้าง ?”
ทันใดนั้นเองแจ็คก็พูดขึ้น!
“บอส! ตอนนั้นที่ผมแทรกซึมเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอในสหรัฐอเมริกา ผมเห็นพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดซาตานถูกผนึกเอาไว้ในคลังลับสุดยอดของเขาด้วยล่ะ จะบอกว่ามันถูกวางไว้ข้าง ๆ ไฟล์ของบอสเลย ฮ่า ๆ ๆ ! ตอนนั้นผมนึกว่าพวกเขาแค่ตั้งชื่อไฟล์เล่น ๆ ผมก็เลยเข้าไปอ่านดู แต่มันดันเป็นข้อมูลของกลุ่มโจรสลัดซาตานจริง ๆ ผมนี่ขนลุกซู่เลย! ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นพวกเขาน่าจะมีสมาชิกอยู่ประมาณหนึ่งหรือสองพันคนเนี่ยแหละ แถมสมาชิกหลายคนยังเป็นทหารที่ปลดเกษียณแล้วจากกองทัพเรือของหลาย ๆ ประเทศอีกต่างหาก บางคนก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพเรือเลยนะ ไล่ลงไปตั้งแต่พลเรือเอกเลย! จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าผู้นำสูงสุดของพวกเขาคือใครกันแน่ ที่สำคัญอาวุธของพวกเขามีนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามาก พวกเขามีเรือพิฆาตชั้นยูเอสเอส อาร์ลีห์ เบิร์กรุ่นล่าสุดของสหรัฐอเมริกาเชียวนะ แต่เรือทุกลำมันต้องมีที่มาที่ไป มันต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาและตรวจเช็คระบบเป็นประจำที่อู่ต่อเรือสักแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้เพื่อความปลอดภัย! เพราะงั้นเราน่าจะเริ่มสืบจากตรงนี้ได้”
เย่เชียนได้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะการตามหากลุ่มโจรสลัดซาตานในมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างขวางใหญ่ไพศาลนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย
“บอส! ผมว่าบอสน่าจะลองถามพี่เจมส์กับพี่วิลเลียมดูนะ เพราะพี่ทั้งสองคนเคยเป็นแนวหน้าของหน่วยซีลในกองทัพเรือสหรัฐฯ ถ้ากลุ่มโจรสลัดซาตานมันมีอยู่จริง อดีตเทพสงครามของหน่วยซีลแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ อย่างพวกพี่เขาจะต้องมีข้อมูลอย่างแน่นอน!” อู๋หวนเฟิงพูดอย่างแน่วแน่
เย่เชียนพยักหน้าตอบรับ เขาเกือบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วเชียว
“แจ็ค! งั้นนายไปติดต่อพวกพี่เขาให้ที บอกพวกเขาให้รีบดำเนินการทันทีเลย” เย่เชียนพูด
“รับทราบครับบอส!” แจ็คตอบกลับ
“เจ้าน้องชายที่น่ารักของฉัน… ฉันรู้นะว่าพวกสาว ๆ ของนายทั้งฉินหยูและจ้าวหยาน่ะ พวกเธอทั้งคู่เป็นคนของหงเหมินกรุ๊ป เอ้อ! ไม่ใช่แค่คนธรรมดา ๆ เสียด้วยสิ เพราะฉินหยูเธอเป็นถึงผู้สืบทอดของหงเหมินกรุ๊ปเลยทีเดียว ถ้าทั้งสามยักษ์ใหญ่เริ่มสงครามกันจริง ๆ นายจะยังนั่งดูเสือต่อสู้กันเองอย่างนี้ได้อยู่อีกมั้ย ?” ซ่งหลันพูดไปมองหน้าเย่เชียนไป
เย่เชียนหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “แหะ ๆ ๆ จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่นับความสัมพันธ์ของผมกับฉินหยู ผมก็ไม่มีข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างอื่นกับหงเหมินกรุ๊ปเลย ส่วนชิงกรุ๊ปนั้นผมน่ะมีความขัดแย้งกับฝั่งเขานิดหน่อย แต่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือตงเซียนกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตาม พวกเขาคือคนที่ผมต้องการกำจัดมากที่สุด! อีกอย่างพวกเขาก็เป็นผู้ค้าอาวุธและยาเสพติดรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย พวกเราต้องทำเพื่อชาติโดยการกำจัดคนพวกนี้ไปให้สิ้นซากซะ!”
ซ่งหลันรู้ว่าเย่เชียนล้อเล่น แต่คำพูดของเขาก็ยังคงพูดออกมาจากใจของเขา
“แล้วนายมีแผนอะไรบ้างล่ะ ?” ซ่งหลันถาม
“ตอนนี้ผมทำได้แค่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ แต่ผมว่าเรายังรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตงเซียนกรุ๊ปน้อยเกินไป สิ่งที่ผมปรารถนามากที่สุดคือการพยายามทำยังไงก็ได้ไม่ให้มีสงครามเกิดขึ้น แล้วรวบรวมชิงกรุ๊ปกับหงเหมินกรุ๊ปเข้าด้วยกัน มันจะกลายเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่อย่างมากในการขยายกำลังของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า”
“ความทะเยอะทะยานของนายนี่มันไม่ได้น้อยลงไปเลยจริง ๆ ” ซ่งหลันพูดต่อ “หยุดพูดให้มันฟังดูดีได้แล้ว เพราะสิ่งที่นายคิดจริง ๆ ก็คือทำเพื่อฉินหยูสุดที่รักของนายคนนั้นใช่มั้ยล่ะ ?”
“จะว่าไปมันก็ใช่แหละ… เอ้อ! พี่หลัน พี่คอยจับตามองพวกเธอมาสักพักแล้วหนิ แล้วพี่รู้ที่มาของหูวเค่อมั้ย ?” เย่เชียนถาม
ซงหลันส่ายหัวและพูดว่า “ตัวตนของผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างลึกลับเลยทีเดียว ขนาดฉันยังหาอะไรไม่เจอเลย” จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า “ถ้านายอยากรู้จริง ๆ ทำไมไม่ลอถามเธอไปเลยตรง ๆ ล่ะ ? เพราะสุดท้ายเธอก็จะเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนของนายอยู่ดี อย่าบอกนะว่า… นายถามเธอแล้ว แต่เธอก็จะยังปิดบังนายอยู่อีกน่ะ”
เย่เชียนหัวเราะอย่าโง่เขลา เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จากนั้นก็พูดว่า “แจ็ค! เดี๋ยวนายรีบไปสร้างเครือข่ายหน่วยข่าวกรองของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าในเซี่ยงไฮ้ให้เร็วที่สุดเลยนะ คืนนี้เราไปเย้ยหยันพวกซือตู้ลิเหรินมา แต่เราก็ไม่รู้ว่าแก๊งชิงจะทำอะไรต่อ มา ๆ เรามาเตรียมการกันดีกว่า”
“หน่วยข่าวกรองของเราเตรียมการกันใกล้จะเสร็จแล้วบอส ทุกอย่างจะเป็นทางการในไม่ช้านี้แหละ!” แจ็คชี้แจงและพูดต่อไปอีก “จะว่าไปเรื่องความขัดแย้งกับแก๊งชิงน่ะ ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ เพราะงั้นพวกเขาเป็นฝ่ายผิด อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพวกเราเลย ผมเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไรใหญ่โต แต่ผมจะคอยดูเรื่องนี้ให้ บอสไม่ต้องห่วง!”