ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 164 โจมตีจุดอ่อน
เย่เชียนรู้ดีว่าหวังปิงกำลังพยายามตั้งคำถามกับแจ็ค แต่อันที่จริงแล้วนั้นเขากำลังพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวของเย่เชียนเอง แต่เย่เชียนนั้นรู้จักกับแจ็คมานานมากแล้ว เขาจึงรู้ว่าแจ็คมีความสามารถในการจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมืออาชีพดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดครับ” แจ็คตอบ
แจ็คเคยเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจริงอย่างที่เขาพูด แต่เขาเรียนไม่จบ เขาเลิกเรียนหลังจากที่แฮ็คฐานข้อมูลของเอฟบีไอและซีไอเอได้สำเร็จ จนถึงตอนนี้เอฟบีไอและซีไอเอก็ยังหาตัวไม่ได้เลยว่าแจ็คเป็นคนแฮ็คข้อมูลไปในตอนนั้น ครั้งนั้นแจ็คยังเด็กมาก เขาจึงหลบหนีไปยังแถบตะวันออกกลางด้วยความรู้สึกผิด ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็เข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่า ตอนนั้นที่เขาแฮ็คเข้าไปในเซิฟเวอร์ของซีไอเอและเอฟบีไอ เขาเพียงแค่เล่นสนุก ๆ โดยการอัปโหลดสื่อลามกอนาจารใส่เข้าไปในฐานข้อมูลเท่านั้น แต่เขาไม่ได้ขโมยหรือเอาข้อมูลอะไรออกมา
หลังจากที่แจ็คเข้าร่วมกลับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าแล้ว มีอยู่หลายครั้งที่พวกเขาจำเป็นต้องขโมยข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งแจ็คก็แฮ็คไปที่ เอฟบีไอและซีไอเออย่างลับ ๆ นอกจากนี้เขายังไปแก้ไขประวัตินักศึกษาของเขาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีกด้วย ดังนั้นหากหวังปิงต้องการตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามที่แจ็คพูด
“โอ้! จริง ๆ แล้วคุณเป็นอัจฉริยะมาจากฮาร์วาร์ดเลยเหรอเนี่ย” หวังปิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านผู้ว่าการหวังก็ชมผมเกินไป ถึงประเทศจีนจะเห็นว่าบัณฑิตจากฮาร์วาร์ดนั้นไม่ธรรมดาก็จริง แต่ว่าคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาในจีนนั้นมันเทียบเท่ากับระดับมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกาได้เลยนะครับ” แจ็คพูด
หวังปิงยิ้มจาง ๆ เพราะถึงแจ็คจะพูดแบบนั้น แต่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ยังคงเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในระดับสากลเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งทั้งบุคลากรและนักศึกษาต่างก็มีมาตรฐานการศึกษาชั้นยอด เขาจึงมองว่าที่แจ็คพูดแบบนั้นเป็นเพราะแจ็คกำลังถ่อมตนอยู่ และเขาก็ไม่อยากจะจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไป
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่ หวังปิงก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ใช่! เสี่ยวเย่… ก่อนหน้านี้เสี่ยวเย่บอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากฉันใช่มั้ย ? ว่ามาสิ ฉันทำให้ได้ทุกอย่างถ้ามันอยู่ในอำนาจของฉัน”
เย่เชียนจ้องมองไปที่แจ็คและพูดว่า “แจ็ค! ส่งแบบแผนกำหนดการให้ท่านหวังปิงที”
แจ็คตอบตกลงและส่งมอบแบบแผนกำหนดการที่เตรียมเอาไว้ให้พร้อมกับพูดว่า “ท่านผู้ว่าการหวัง… นี่เป็นแบบแผนและกำหนดการทั้งหมดของสำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดครับ เนื่องจากมีเวลาน้อย ผมจึงไม่ได้ลงรายละเอียดเอาไว้มากนัก แต่ถ้าท่านสงสัยตรงไหน ผมยินดีอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ครับ”
จริง ๆ แล้วแผนการนี้เป็นเพียงพิธีการเบื้องหน้าเท่านั้น หวังปิงผู้เป็นถึงผู้ว่าการเทศบาลเซี่ยงไฮ้จึงไม่ค่อยชอบอ่านสิ่งเหล่านี้สักเท่าไหร่ ซึ่งเย่เชียนเข้าใจข้อนี้เป็นอย่างดีว่าแผนการต่าง ๆ บนหน้ากระดาษนั้นมีไว้เพื่อทำให้ดูดีเท่านั้นเอง มันเป็นเพียงสื่อกลางเพื่อแสดงความจริงใจที่ต้องการพัฒนาตามกฎหมายและกฎระเบียบของเซี่ยงไฮ้ก็เท่านั้น
หวังปิงยื่นมือไปรับแผนกำหนดการและเปิดดูบางหน้าอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งแจ็คก็อธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างเรียบง่าย ส่วนใหญ่เขาพูดถึงวิสัยทัศน์ของสำนักงานไอร่อนบลัดที่มีต่อกฎหมายและกฎระเบียบของเซี่ยงไฮ้ตลอดจนไปถึงผลประโยชน์ต่อพลเมืองและประเทศ และนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เย่เชียนบอกให้เขาทำ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการได้รับความโปรดปรานและเห็นดีเห็นชอบจากหวังปิงเพียงเท่านั้น แต่เย่เชียนต้องการที่จะทำตามแผนอย่างจริงใจอีกด้วย เพราะในประเทศจีนนั้นไม่เหมือนกับสหรัฐอเมริกาที่ใครก็ตามจะสามารถติดสินบนเพียงไม่กี่ดอลลาร์และเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะมาเข้าข้าง ทว่ามันจะเป็นการที่ดีที่สุดถ้าพวกเขาต้องการให้คนในระบบรัฐบาลมาเป็นพันธมิตรด้วย พวกเขาต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะได้รับเงินเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสำเร็จทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ด้วย
หลังจากที่แจ็คอธิบายเสร็จ หวังปิงก็วางเอกสารต่าง ๆ ลงและหันไปหาหลี่ฮ่าว “เสี่ยวหลี่ นายว่ายังไง ?”
หลี่ฮ่าวนั้นกำลังครุ่นคิดและไตร่ตรองอยู่ในความเงียบงัน แต่จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ท่านหวังปิง ผมคิดว่าแผนนี้ฟังดูดีมากเลยครับ ถ้าหากว่าข้อเสนอทั้งหมดในแผนกำหนดการนี้สำเร็จล่ะก็ มันจะช่วยเรื่องความมั่นคงและความสงบในเซี่ยงไฮ้นี้ได้มากเลยทีเดียว ผมคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย มันสมควรที่เราจะดำเนินการไปตามแผน”
อาจเป็นเพราะหวังปิงเพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาจึงมีความกระตือรือร้นและทะเยอทะยานที่จะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทางการเมือง ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาตระหนักและไตร่ตรองสิ่งนี้ไม่มากนัก อีกอย่างหลี่ฮ่าวคนสนิทของเขาจะเป็นคนรับผิดชอบงานนี้ให้เขาโดยตรง ซึ่งหวังปิงเองก็มีความเชื่อมั่นในตัวของหลี่ฮ่าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตกลงและเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
หวังปิงพยักหน้าและพูดว่า “แผนการที่คุณทำมาพวกนี้มันยอดเยี่ยมมาก! ไม่ต้องกังวลไป เพราะสิ่งใดที่ดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและพลเมืองของเซี่ยงไฮ้นั้น ฉันจะยกแขนทั้งสองข้างของฉันขึ้นเพื่อสรรเสริญมัน ขอให้มั่นใจได้เลยว่าพวกคุณจะสามารถดำเนินการตามแผนเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน ถ้าหากพวกคุณมีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ล่ะก็… ขอให้บอกกับฉันได้เลย เพื่อประชาชนและเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว ฉันจะทำอย่างเต็มที่!”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยไปกับคำพูดของหวังปิง เพราะสำนักงานการรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดนั้นได้ไฟเขียวมาเพื่อใช้พัฒนาเซี่ยงไฮ้แล้ว ด้วยหวังปิงที่เป็นถึงผู้ว่าการเทศบาลเมืองและหลี่ฮ่าวที่ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะรัฐนั้น ถ้าเป็นในเรื่องของกฎหมายอาจพูดได้ว่าสำนักงานการรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดนั้นจะไม่มีปัญหาใด ๆ อีกต่อไป
“ขอบคุณท่านหวังปิงมากครับ! ได้ยินท่านพูดมาอย่างนี้ พวกเราก็เบาใจขึ้นมาเลยครับ” เย่เชียนพูดอย่างเร่งรีบ
“โอ้! อย่าพูดแบบนั้นเลย… เราต้องยินดีไปกับการพัฒนาของเซี่ยงไฮ้อยู่แล้ว ในฐานะของผู้ว่าการเทศบาลนั้นฉันก็ต้องสนับสนุนอย่างสุดกำลังอยู่แล้ว” หวังปิงพูดด้วยความยินดี
เนื่องจากพวกเขานั้นได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการจากหวังปิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย่เชียนก็รู้ว่าตัวเองต้องให้สิ่งตอบแทนแก่หวังปิงเสียบ้าง เย่เชียนไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะขออะไรเป็นการตอบแทนจากครั้งก่อนที่เขาได้ช่วยเหลือหวังปิง เขาเข้าใจดีว่าถ้าหากเขาต้องการให้หวังปิงอยู่บนเรือลำเดียวกันกับเขาไปตลอด เขาก็ต้องให้สิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวหวังปิงเองด้วย ซึ่งของขวัญชิ้นนี้ต้องตระหนักให้ดีและถี่ถ้วนอย่างมากก่อนที่จะเลือกมามอบให้
เย่เชียนยิ้มอย่างยินดีแล้วจึงค่อย ๆ ยกผลงานการประดิษฐ์อักษรขึ้นมาวางบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ท่านหวังปิงครับ… เมื่อไม่กี่วันก่อนผมบังเอิญได้รับภาพวาดโบราณของหวังเหว่ยมา แต่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นของแท้หรือของปลอม ผมได้ยินมาว่าคุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการประดิษฐ์อักษร ถ้างั้นคุณช่วยผมดูมันให้หน่อยได้มั้ย ?”
ร่างกายของหวังปิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะเขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบการประดิษฐ์อักษรและภาพวาดโบราณอย่างมาก การประดิษฐ์อักษรนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจของหวังปิงอย่างมากที่สุด
“จริงหรือ ? ไหนขอฉันดูหน่อย!” หวังปิงพูดด้วยความตื่นเต้นและร้อนรน “ฉันว่าตรงนี้มันคงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่นะ เรากลับไปดูมันที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น หลี่ฮ่าวก็ลุกขึ้นเช่นกัน เขามองเย่เชียนด้วยรอยยิ้มที่ยินดี ความหมายเบื้องหลังรอยยิ้มของหลี่ฮ่าวนั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นจับจุดอ่อนของหวังปิงได้โดยแท้ ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มกลับแต่ไม่พูดอะไร จากนั้นก็ลุกขึ้นตามหวังปิงเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ถึงแม้ว่าหวังปิงจะหมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์อักษรและภาพวาดโบราณมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับสินบนจากใคร ไม่เช่นนั้นมันอาจทำให้ชื่อเสียงอันใสสะอาดของเขาที่สั่งสมมานานหลายปีมีจุดด่างพร้อยได้ แต่หวังปิงถือว่าเย่เชียนนั้นเป็นเหมือนหนึ่งในพรรคพวกและพันธมิตรของเขา มิฉะนั้นแล้วคนอย่างหวังปิงคงจะไม่ยอมรับสินบนอย่างแน่นอน