ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 239 การใส่ร้ายป้ายสีของศัตรู
เมื่อเห็นร่างของเจียงเจิ้งยี่ปรากฏขึ้นที่ประตูสโมสรแล้วเย่เชียนก็ยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหยูซิงว่า “ผู้จัดการหยู… คุณไปทำงานของคุณก่อนเถอะ อย่าลืมอำนวยความสะดวกให้พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยล่ะ ตอบแทนที่พวกเขาคอยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเรา ๆ มาเสมอไง”
ทว่าคำพูดชองเย่เชียนนั้นมีการถากถางเป็นนัย ๆ ซึ่งเจียงเจิ้งยี่เองก็ได้ยินคำพูดที่ประชดประชันของเย่เชียนทั้งหมดด้วย มันทำให้เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘ไอ้เด็กบ้านี่หนิ’
“ลมอะไรพัดให้ผู้อำนวยการเจียงมาถึงที่นี่ได้งั้นหรือครับ ? แหม… ผมรู้สึกเป็นเกียรติเสียจริง” เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะยื่นมือของเขาออกไปเพื่อทักทาย
แต่เจียงเจิ้งยี่กลับไม่ได้พูดอะไรตอบ อีกทั้งยังไม่ยื่นมือออกไปจับมือทักทายกับเย่เชียนอีกด้วย เขาเพียงแค่ทำเสียงแปลก ๆ อยู่ในลำคอเล็กน้อยเท่านั้นและวางท่าเหมือนกับว่าภูมิใจนักหนากับตำแหน่งผู้อำนวยการของตน
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนจึงดึงมือของเขากลับมาและพูดว่า “ผู้อำนวยการเจียง ทำไมคุณไม่โทรมาล่วงหน้าก่อนล่ะว่าท่านจะมา ? พวกผมจะได้อำนวยความสะดวกและเตรียมพร้อมสำหรับพวกท่าน”
“ไม่ต้องเตรียมการอะไรให้ยุ่งยากหรอก… วันนี้ฉันแค่มาทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น” เจียงเจิ้งยี่พูดพลางเหลือบตาไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเขา “ใส่กุญแจมือเขาซะ… แล้วพาตัวเขากลับไปที่กรม”
เย่เชียนหัวเราะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หึ ๆ ๆ ผู้อำนวยการเจียง… นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ ? จู่ ๆ คุณจะเข้ามาใส่กุญแจมือผมแล้วพาผมไป ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเนี่ยนะ ?”
“ประธานเย่… คุณจะเคยทำหรือไม่เคยเคยทำอะไร คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีนะ” เจียงเจิ้งยี่พูดอย่างวางท่า เขาชักจะเริ่มรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วเย่เชียนคนนี้ก็ไม่ได้ดูมีอำนาจหรือน่าเกรงขามอย่างที่ใคร ๆ เข้าลือกัน
“เชิญคุณนั่งก่อนดีกว่า…” เย่เชียนพูดพลางดึงเก้าอี้ออกมาให้เจียงเจิ้งยี่นั่ง “ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คงต้องรบกวนให้คุณช่วยอธิบายหน่อย”
เจียงเจิ้งยี่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนที่จะนั่งลงตามคำขอ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะมาที่นี่ แต่ท่าทีอ่อนหัดของเย่เชียนมันก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น
“มีคนเข้าไปแจ้งความว่าเมื่อคืนนี้นายไปสร้างความวุ่นวายที่บาร์ของเขามา” เจียงเจิ้งยี่พูด
จากนั้นเย่เชียนก็นั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้ามกับเจียงเจิ้งยี่
“เดี๋ยวก่อน… ผมเนี่ยนะ ?” เย่เชียนเลิกคิ้วถามพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “มันจะเป็นผมไปได้ยังไง ? เรื่องนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ ”
“เฮ้อ! คุณอยากสูบบุหรี่ซักหน่อยมั้ย ?” เย่เชียนถอนหายใจพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือของเขาเอื้อมไปหยิบบุหรี่ออกมาสองมวนจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เจียงเจิ้งยี่มวนหนึ่ง
เจียงเจิ้งยี่รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า นี่เย่เชียนกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่อย่างนั้นใช่มั้ย ? เพราะการกระทำเช่นนี้มันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลย
“ไม่ล่ะ! ฉันไม่มีอารมณ์สูบ” สีหน้าของเจียงเจิ้งยี่นั้นชักจะเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วในตอนนี้
“คุณอย่าซีเรียสไปเลยหน่า… มา! สูบบุหรี่กันซักมวนก่อน” เย่เชียนยังคงขยั้นคะยอให้เจียงเจิ้งยี่รับบุหรี่จากมือเขาไป
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับคุณนะประธานเย่!” เจียงเจิ้งยี่พูดด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
“ก็ได้ ๆ งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลย” เย่เชียนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “แต่ผมยืนยันนะว่าผมน่ะเป็นผู้บริสุทธิ์! มันต้องมีใครซักคนที่ต้องการกำจัดผมไปให้พ้นทางแน่ ๆ คุณต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผมนะผู้อำนวยการเจียง ” เย่เชียนพูดและทำตัวเหมือนผู้ที่อ่อนแอน่าสมเพช
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางตำรวจจะตรวจสอบให้เอง!” เจียงเจิ้งยี่พูด “ไม่ทราบว่าเมื่อคืนประธานเย่อยู่ที่ไหนระหว่างสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนน่ะ ?”
“ผู้อำนวยการเจียง… คือ… เฮ้อ! จะให้ผมพูดยังไงดีล่ะ ?” เย่เชียนเสแสร้งทำท่าทางกระวนกระวาย ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “คือผมยังหนุ่มยังแน่นอยู่นะ… ผู้อำนวยการเจียงน่าจะเข้าใจ”
เจียงเจิ้งยี่เข้าใจดีว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นหมายความว่าอะไร มันคงหนีไปพ้นเรื่องบนเตียงของพวกหนุ่มสาว แต่ทว่าเจียงเจิ้งยี่กลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น “ประธานเย่กำลังพูดถึงอะไรอยู่น่ะ ? แล้วคุณมีหลักฐานหรือพยานเพื่อชี้แจงที่อยู่ของคุณ ณ เวลานั้นมั้ย ? เพราะถ้าคุณไม่มี มันก็ยากนะที่จะแก้ตัว”
“แล้วเมื่อคืนนี้ผู้อำนวยการเจียงอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ ?” เย่เชียนถามกลับ
เจียงเจิ้งยี่ถึงกับตกตะลึงกับคำถามนั้น มันไม่ใช่ว่าเขามีความลับอะไร เพราะเมื่อคืนนี้เขาก็อยู่ที่บ้านของนายหญิงของเขาเหมือนปกติ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร
“ประธานเย่จะมาถามฉันทำไม ? ไม่ว่าเมื่อคืนนี้ฉันจะไปอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ซักหน่อย” เจียงเจิ้งยี่ถามอย่างงุนงง
“ใช่มันไม่เกี่ยว! แต่คุณเองก็ไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของคุณได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? นี่คุณกำลังพยายามจะไล่ต้อนให้ผมจนมุมอย่างงั้นสินะ ?” เย่เชียนพูด “คุณอย่าเพิ่มอารมณ์เสียล่ะ เพราะผมก็แค่ถามเพื่อเป็นการยกตัวอย่างให้คุณเข้าใจจากมุมมองของผมเฉย ๆ ”
ท้ายที่สุดเจียงเจิ้งยี่ก็เข้าใจแล้วว่าไอ้หนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้อ่อนหัดอย่างที่เขาคิด เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนคนนี้กำลังเย้ยหยันและเล่นเกมจิตวิทยากับตัวเองอยู่ มันทำให้เข้ารู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกเท่าตัว และการกระทำเช่นนี้มันชักจะหยามหน้ากันเกินไปแล้ว
“ฉันอยากให้ประธานเย่เข้าใจนะว่าฉันต้องทำตามหน้าที่ และทางเราจะเป็นคนตรวจสอบเองว่าคุณมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งคุณก็แค่ต้องทำตามขั้นตอนก็เท่านั้น อย่าได้ตุกติกหรือคิดหนี เพราะถ้าคุณทำแบบนั้นมันจะทำให้คุณมีความผิดติดตัวทันที”
เย่เชียนตบหน้าอกของตัวเองและพูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว! ผมต้องขอบคุณคุณมากที่ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดและจะตรวจสอบความจริงเพื่อเป็นความยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ผู้อำนวยการเจียง… คุณเป็นคนที่เยี่ยมยอดมากเลย ตอนนี้ผมชักจะรู้สึกผิดซะแล้วสิที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปหาคุณเป็นการส่วนตัว ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ สำหรับเรื่องนั้น และถ้าคุณไม่รังเกียจผมอยากเชิญคุณมาทานอาหารกลางวันด้วยกันซักมื้อ”
“เห็นทีจะทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกประธานเย่… เพราะคุณต้องกลับไปที่กรมกับพวกฉันเพื่อทำการให้ปากคำ” เจียงเจิ้งยี่พูดอย่างวางท่า
“ห๊ะ ?” เย่เชียนพูดด้วยท่าทางประหลาดใจ “ผู้อำนวยการเจียง! นี่คุณพยายามจะจับผมงั้นหรือ ?”
“แค่สอบสวนก็เท่านั้นแหละ” เจียงเจิ้งยี่พูดเรียบ ๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคมเมืองหนานจิง ถึงแม้ว่าเจียงเจิ้งยี่จะมีอำนาจในด้านนี้อยู่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะดำเนินการโจ่งแจ้งและใหญ่โตมากเกินไปได้ เพราะไม่เช่นนั้นมันก็อาจจะยุ่งยากอย่างมาก
“ไม่! ผมไม่ไปกับคุณหรอก” เย่เชียนพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง “ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับด้านมืดของกรมตำรวจมาเยอะ… ต่อให้ผมบริสุทธิ์แค่ไหน แต่ถ้าเข้าถ้ำเสือไปแล้วผมก็จะไม่มีโอกาสรอดอยู่ดี ผู้อำนวยการเจียงคิดจะจับผมไปจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ ?”
“ประธานเย่อย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจเลย… ฉันรับประกันได้เลยว่าถ้าประธานไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะให้ความยุติธรรมกับประธานเย่อย่างแน่นอน” เจียงเจิ้งยี่พูด
เอาเข้าจริงเจียงเจิ้งยี่เองก็รู้ดีว่าสำหรับเรื่องเล็กแค่นี้ เขานั้นไม่สามารถที่จะจับกุมตัวเย่เชียนให้กลับไปกับเขาได้ อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้มีหลักฐานใด ๆ เลย ทว่าจุดประสงค์หลักของเจียงเจิ้งยี่ในการมาพบกับเย่เชียนในวันนี้ก็คือเขาต้องการให้เย่เชียนรู้ว่า เจียงเจิ้งยี่ผู้นี้มีอำนาจและยิ่งใหญ่มากขนาดไหน และจุดประสงค์รองก็คือ หากเขาสามารถจับกุมตัวเย่เชียนให้กลับไปกับเขาได้ มันก็จะเป็นการประกาศให้คนที่อยู่ใต้อำนาจของเย่เชียนรู้สึกเกรงกลัวไปในตัว
“ท่านผู้อำนวยการเจียง! เราค้นเจอสิ่งนี้ครับ!” รองผู้กำกับกรมตำรวจวิ่งเข้ามาพร้อมกับถือซองยาโคเคนอยู่ในมือ
เย่เชียนฉีกยิ้มอย่างไม่แยแส เพราะนี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีและยัดเยียดความผิดให้อย่างชัดเจน การเล่นแง่เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้สมกับเป็นเจียงเจิ้งยี่จริง ๆ
“ประธานเย่! คุณคงต้องมากับเราจริง ๆ แล้วล่ะ อย่าให้ถึงกับต้องใช้กำลังกันเลย!” เจียงเจิ้งยี่พูดพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
ตอนนี้เย่เชียนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นสนุกกับเจียงเจิ้งยี่อีกต่อไป เขายิ้มและพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ผู้อำนวยการเจียง! นี่คุณกำลังจะยัดข้อหาให้ผมงั้นเหรอ ?”
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ? ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่!” เจียงเจิ้งยี่พูดอย่างภาคภูมิใจและหยิ่งผยอง
เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้อำนวยการเจียง… ผมจะพูดดี ๆ กับคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณควรพิจารณาให้ดีนะว่าคุณคิดจะทำแบบนี้กับผมจริง ๆ !”
เจียงเจิ้งยี่เข้าใจความหมายของคำพูดของเย่เชียนดี เย่เชียนต้องการให้เขาชั่งน้ำหนักให้ดีว่าเขาควรจะช่วยเย่เชียนหรือตัดสินใจที่จะเป็นศัตรูกับเขา
“หึ! เย่เชียน! ฉันรู้ว่าแกน่ะมีเล่ห์เหลี่ยมในเมืองหนานจิงเยอะ แต่ตั๊กแตนมันก็เป็นแค่ตั๊กแตนอยู่วันยังค่ำ มันไม่สามารถทนต่อพายุลูกใหญ่ได้หรอก! มากับพวกเราซะดี ๆ แกไม่รู้เหรอว่าอาหารในคุกของเราน่ะมันอร่อยมาก!” ท้ายที่สุดเจียงเจิ้งยี่ก็ตัดสินใจพูดออกมาด้วยความโอหัง จากนั้นเขาก็เหลือบไปที่ตำรวจทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ใส่กุญแจมือเขาซะ!”
แต่แม้ว่าเจียงเจิ้งยี่จะออกคำสั่งแล้วก็ตาม ทว่าตำรวจชั้นผู้น้อยทั้งสองก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามและล้ำเส้นจนเกินไป พวกเขาแค่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพเพื่อดูแลภรรยาและลูกของพวกเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากเข้าไปเอี่ยวด้วยกับความบาดหมางระหว่างเจียงเจิ้งยี่กับเย่เชียนเลย
เมื่อท่าทีของตำรวจทั้งสองคนที่ยังให้เกียรติและเคารพเขาอยู่ เย่เชียนก็ไม่อยากทำให้พวกเขาต้องลำบากใจ เขาจึงจำใจที่จะต้องยื่นมือออกไปอย่างสงบเสงี่ยมและพูดอย่างเย็นยะเยือกว่า “เจียงเจิ้งยี่! ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะเดิมพันแล้ว… ผมก็จะไปกับคุณ ผมหวังว่าคุณจะไม่เสียใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทีหลังนะ!”
“หึ! จะตายอยู่แล้วยังปากดีได้อีกนะ! เอาตัวมันไป!” เจียงเจิ้งยี่ยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจและพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เจียงเจิ้งยี่จงใจยัดเยียดข้อหาให้เย่เชียนโดยการรายงานว่ามียาโคเคนอยู่ในสโมสรของเขา จากนั้นก็พาตัวเย่เชียนออกไป ดั่งสำนวนที่ว่าโจโฉยังมีมิตรสหายและกวนอูก็ยังมีคู่ปรับเช่นกัน ความเป็นจริงก็คือมีผู้คนที่ทรงอิทธิพลมากมายที่ไม่ยอมให้เฉินฟู่เฉิงหรือคนของเขาถูกปฏิบัติและถูกคุกคามเช่นนี้ ซึ่งเครือข่ายอันกว้างขวางของเฉินฟู่เฉิงนั้นก็มีผู้ทรงอิทธิพลและคนวงในอยู่มากมาย แต่ทว่าเย่เชียนก็ไม่อยากที่จะใช้เครือข่ายเหล่านั้นเลย
ที่ด้านนอกประตูของสโมสรนั้นมีเหล่าผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ซึ่งผู้ที่อยู่แถวหน้าก็คือเสี่ยวโม่ ที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการที่จะเปิดตีแผ่และเปิดโปงเรื่องยาเสพติดในสโมสรแห่งนี้ แต่เขากลับไม่ได้ทำ ซึ่งครั้งนี้เขาพูดขึ้นมาว่า “ประธานเย่… ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นผู้ต้องสงสัยในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการค้ายานรกและบุกโจมตีก่อความวุ่นวายกับสถานบันเทิงหลายแห่งในเมืองเมื่อคืนนี้! คุณคิดยังไงเกี่ยวกับข่าวลือนี้บ้างครับ ?”