ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 279 ความลึกลับที่ซ่อนอยู่
ตอนที่ 279 ความลึกลับที่ซ่อนอยู่
“ปู่ล้อผมเล่นใช่มั้ยเนี่ย..ด้วยอิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของตระกูลหวงฟู่ของปู่แล้วใครจะกล้าถอดถอนปู่ออกจากตำแหน่ง..นอกจากปู่ที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้วจะมีใครอีกได้ล่ะ?” เย่เชียนพูดติดตลกแต่นี่ก็เป็นเรื่องจริงเพราะถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่เคยแสดงทักษะด้านต่างๆ ของเขาเลยก็ตามแต่เย่เชียนก็เชื่อว่าทักษะของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนและทักษะการต่อสู้ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็อาจจะดีกว่าตัวเขาเองเลยด้วยซ้ำ
“ปู่ล้อผมเล่นใช่มั้ยเนี่ย..ด้วยอิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของตระกูลหวงฟู่ของปู่แล้วใครจะกล้าถอดถอนปู่ออกจากตำแหน่ง..นอกจากปู่ที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้วจะมีใครอีกได้ล่ะ?” เย่เชียนพูดติดตลกแต่นี่ก็เป็นเรื่องจริงเพราะถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่เคยแสดงทักษะด้านต่างๆ ของเขาเลยก็ตามแต่เย่เชียนก็เชื่อว่าทักษะของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนและทักษะการต่อสู้ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็อาจจะดีกว่าตัวเขาเองเลยด้วยซ้ำ
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยิ้มเบาๆ และพูดว่า “เอ็งก็ยกย่องฉันมากเกินไป..ในประเทศจีนน่ะยังมีตระกูลที่ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลหวงฟู่อยู่อีก..พวกคนเก่าคนแก่และคนที่แข็วแกร่งน่ะยังมีอีกเยอะ..เย่เชียนถ้าเอ็งมีโอกาสได้เจอคนเหล่านั้นล่ะก็เอ็งก็จะรู้เอง”
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะด้วยความงงงวยไปกับความหมายในคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน เพราะดูเหมือนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าในจีนยังมีมังกรซ่อนเขี้ยวอยู่อีกมากมาย หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หยิบกล่องผ้าผืนเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาและยื่นให้พร้อมพูดว่า “ครั้งล่าสุดที่ผมไปเมืองหางโจวมาน่ะผมได้เจอกับหมาป่าผีไป๋ฮวย..และเขาก็คืนสิ่งนี้มาให้ง่ายๆ เลย”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับผงะไปหลังจากนั้นก็แกะกล่องผ้าออกมาดูและก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่เอ็งกำลังบอกว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยคืนพระธาตุมาให้เอ็งง่ายๆ เลยน่ะเหรอ! ..ทำไมล่ะ?”
เย่เชียนก็ยักไหล่และพูดว่า “ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม..แต่เขาไม่ได้บอกอะไรผมเลย..ถ้าปู่ไม่เชื่อก็ถามเส้าเจี๋ยดูสิ..เขาก็อยู่ที่นั่นด้วยในตอนนั้น”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ค่อยๆ เปิดกล่องผ้าดูแล้วก็รีบปิดไปอย่างรวดเร็วและใส่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในทันทีและพูดว่า “เห้อ..ในที่สุดก็ได้พระธาตุกลับมาแล้ว..ฉันจะได้ไม่ต้องปวดหัวไปกับเรื่องนี้อีก”
เย่เชียนกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อคำพูดนั้นกำลังจะออกจากปากของเขาแล้วเย่เชียนก็ต้องกลืนมันลงไป เพราะในความเป็นจริงนั้นเขาต้องการถามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเกี่ยวกับหมาป่าผีไป๋ฮวยเพราะเนื่องจากหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ส่งคืนพระบรมสารีริกธาตุให้แล้วและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะหยุดติดตามการขโมยพระบรมสารีริกธาตุของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าการกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นได้ทำให้เบื้องบนของประเทศจีนโกรธเคืองอย่างมากแล้วและดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้ที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะปล่อยหมาป่าผีไป๋ฮวยไป
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รีบรู้ได้ถึงความคิดของเย่เชียนเพราะงั้นเขาจึงค่อยๆ พูดว่า “ตราบใดที่หมาป่าผีไป๋ฮวยไม่มาปรากฏตัวในประเทศจีนล่ะก็..สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “อันที่จริงที่ฉันมาหาเอ็งในครั้งนี้เพราะมีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกเอ็งเอาไว้..เบื้องบนได้สั่งเอาไว้แล้วว่าเราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเอ็งในการเมืองของเซี่ยงไฮ้..แต่เอ็งไม่ควรทำอะไรที่มันส่งผลกระทบต่อประเทศมากเกินไป”
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและมองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยความประหลาดใจและถามว่า “จริงหรอปู่?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจ้องเขม็งเย่เชียนและพูดว่า “ฉันจะโกหกเอ็งไปทำไมกัน..นี่คือบททดสอบของประเทศ..ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจแบบนั้นก็เถอะ..แต่ฉันก็มั่นใจเลยว่าประเทศนี้ต้องมีสิ่งสำคัญบางอย่างที่ต้องให้เอ็งทำแน่ๆ ..นี่คือการจับตาดูเอ็ง!”
เย่เชียนขมวดคิ้วอย่างหนักหน่วงและในทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขากลายเป็นเบี้ยและตัวหมากในมือของคนอื่นไปเสียแล้วและทุกๆ การเคลื่อนไหวของเขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นไปเสียแล้ว ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มากนักจึงทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างแน่น และเขาก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศได้แต่เขาไม่เต็มใจที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของประเทศเลย เมื่อเป็นเช่นนี้เย่เชียนก็ต้องประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองอีกครั้งและเขาก็คิดว่าเขาประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่าทำไมพวกเบื้องบนของประเทศรวมไปถึงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมาสนใจหรือก้าวก่ายเขาเลย อะไรที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้? เพราะถึงแม้ว่าพลังและความแข็งแกร่งของเขี้ยวหมาป่าจะไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับทั้งประเทศก็ตาม แต่พวกเขาไม่กลัวโทสะและความโกรธเกรี้ยวของเขี้ยวหมาป่าในประเทศจีนเลยหรือ?
“ปู่..ผมมีอะไรอยากจะถาม..ปู่ช่วยตอบคำถามของผมหน่อยจะได้มั้ย” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยิ้มและพูดว่า “เอ็งสุภาพขนาดนี้เมื่อไหร่เนี่ย..นี่ไม่เหมือนเอ็งเลยฮ่าๆ”
“ว่ากันว่าฝีมือและทักษะการต่อสู้ของปู่น่ะดีมาก..แต่ผมไม่เคยเห็นปู่สู้เลย..งั้นผมถามตรงๆ เลยนะ..ถ้าผมสู้กับปู่แล้วผมจะโจมตีปู่ได้กี่ครั้ง” เย่เชียน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตกตะลึงเล็กน้อยและก็ตอบว่า “หนึ่งครั้ง!”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใดและเขาก็ไม่จำเป็นที่จะพูดเรื่องโกหกเช่นนี้ด้วย ซึ่งเย่เชียนเองก็มั่นใจในฝีมือของตัวเองมาโดยตลอดในบรรดาศัตรูที่เขาพบเจอมา ซึ่งก็ไม่เคยมีใครที่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจเท่ากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลย
“แล้วทำไมปู่ถึงไม่สอนเส้าเจี๋ยด้วยตัวเองเลยล่ะ..ให้เขามากับผมทำไม” เย่เชียนกำลังสงสัยเกี่ยวกับแผนบางอย่างของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนโดยสงสัยว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจงใจให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยมาอยู่กับตัวเองหรือไม่ เพื่อตรวจสอบการกระทำและการเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขา ทว่าอย่างไรก็ตามเมื่อมองเข้าไปภายในดวงตาของหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้วเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกันซึ่งเห็นได้ชัดว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยไม่รู้จริงๆ ว่าลุงของเขาจะเก่งและมีฝีมือถึงเพียงนี้
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยิ้มและพูดว่า “ไอ้หนู..อย่าไปคิดอะไรเยอะเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย..ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นเลยในการให้เส้าเจี๋ยมาอยู่กับพวกเอ็ง..ฉันเองก็อยากที่จะสอนเขาด้วยตัวเองอยู่เหมือนกันเพราะเขาคือครอบครัวตระกูลหวงฟู่ของเราและทายาทเพียงคนเดียวของเรา..แต่ฉันรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้และฉันก็พูดไม่ได้ด้วย..เพราะงั้นไม่ต้องอะไรคิดมากเกินไป..ถ้ามีโอกาสในอนาคตวันข้างหน้าเดี๋ยวพวกเอ็งก็จะรู้เองว่ามันเป็นมายังไง”
คิ้วของเย่เชียนขมวดแน่นขึ้นเพราะคำตอบของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่เพียงแต่ไม่ช่วยในการไขข้อสงสัยของเขาแต่ยังทำให้ความสงสัยของเขามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก มีอะไรที่ทำให้คนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับต้องปิดปากเงียบ? อิทธิพลหรือพลังชนิดใดกันที่สามารถทำให้คนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่สามารถดูแลหวงฟู่เส้าเจี๋ยได้เป็นการส่วนตัว ซึ่งมีข้อสงสัยมากเกินไปในเรื่องนี้และทำให้เย่เชียนรู้สึกได้ทันทีว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกว่าเขาควรระมัดระวังในสิ่งต่างๆ มากขึ้นเกี่ยวกับพัฒนาเขี้ยวหมาป่าของเขาเพราะดูเหมือนว่ามันมีพลังและอำนาจอันลึกลับที่กำลังควบคุมทุกสรรพสิ่งอยู่ในความมืด ทุกอย่างในตอนนี้เหมือนจะทำให้เย่เชียนงงงวยอย่างมาก
เมื่อเห็นเย่เชียนขมวดคิ้วอย่างหนักหน่วงแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มและพูดว่า “อย่าคิดมากไปเลย..ฉันเชื่อในความสามารถของพวกเอ็ง..แต่คนจีนน่ะก็เหมือนกับคลื่นลมและฝนที่โหมกระหน่ำ..ถ้าพวกเอ็งจะทำอะไรก็ต้องชั่งน้ำหนักสิ่งต่างๆ ให้ดี”
แม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะพูดง่ายๆ อย่างนั้นแต่สำหรับเย่เชียนแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอำนาจและพลังอันลึกลับบางอย่างอยู่เบื้องหลังที่เขาไม่รู้ซึ่งมันทำให้เย่เชียนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนหนามและเข็ม หลังจากหยุดไปชั่วครู่เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรใดๆ
หลังจากออกจากโรงน้ำชาแล้วแต่คิ้วของเย่เชียนก็ยังขมวดกันแน่นอยู่ ซึ่งชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่เดินตามหลังเขามานั้นเมื่อพวกเขาเห็นรูปลักษณ์และการแสดงออกของเย่เชียนเป็นเช่นนี้พวกเขาทั้งสองคนก็มองหน้ากันและกันด้วยความประหลาดใจ
“บอสสิ่งที่ปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดนั้นเป็นความจริงหรอ? ..บอสคิดว่าไง?” ชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถามเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขา
“เขาไม่จำเป็นต้องโกหกฉันเลย..ฉันคิดว่ามันเป็นความจริง” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงแอบแลบลิ้นออกมาและพูดว่า “ฉันก็คิดว่าบอสไม่ถูกเขาหลอกได้ง่ายๆ หรอก..เส้าเจี๋ย! ..นายเป็นหลานแท้ๆ ของเขานายรู้อะไรบ้างมั้ยเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ของเขาน่ะ”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ลุงไม่เคยบอกหรือแสดงมันต่อหน้าฉันเลย..แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าลุงคนนี้จะมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม..เขายังไม่เคยสอนฉันเลยแม้แต่น้อยเขาจะแก่ตายอยู่แล้ว..คอยดูเถอะถ้าเขาตายก่อนที่จะสอนฉันล่ะก็ฉันจะไม่ไปงานศพเขา”
ชิงเฟิงถึงกับผงะไปจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดว่า “ใช่ใช่..ถ้าเขาตายก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์เขาเลย”
“ชิงเฟิง..เส้าเจี๋ย..พวกนายกลับไปที่สำนักงานไอร่อนบลัดก่อน..ฉันมีอะไรที่ต้องทำ” เย่เชียนพูด
“บอส..ให้พวกเราไปด้วยเถอะ” ชิงเฟิงพูด
“ใช่! ..อาจารย์อย่าไปคิดมากหน่า..ลุงของผมชอบทำตัวลึกลับไปงั้นแหละ..อย่าไปสนใจเขาเลย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“ไม่! ..กลับไปซะ..ฉันอยากอยู่คิดอะไรคนเดียวเฉยๆ” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและมองหน้ากันสักพักจากนั้นก็บอกลาเย่เชียนและจากไป เย่เชียนก็เดินไปตามท้องถนนอย่างช้าๆ พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงและคิดไปต่างๆ นาๆ เพราะการสนทนากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในวันนี้ทำให้เขาได้รับข้อมูลมากมายหลายอย่างและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าข้อมูลในตอนนี้มันหมายถึงอะไรกันแน่ แต่มันก็ทำให้เย่เชียนได้รู้ว่าดูเหมือนเขี้ยวหมาป่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้สักเท่าไหร่
ประเทศกำลังทดสอบตัวเองและกำลังมอบหมายบางสิ่งบางอย่างให้กับตัวเองอย่างงั้นเหรอ? งานเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร เย่เชียนนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไม หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาถึงอดทนต่อเขี้ยวหมาป่ามาเนิ่นนานได้หรือไม่?
สิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนบอกมาว่าเขาไม่สามารถใช้กลอุบายและวิธีการในมือของเขาได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้เย่เชียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นในโลกใบนี้ เพราะแม้แต่พลังและทักษะในปัจจุบันของเย่เชียนก็ยังไม่สามารถเอาชนะคนพวกนั้นได้เลย
และการที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่สามารถดูแลหวงฟู่เส้าเจี๋ยได้นั้นมันหมายความว่าอย่างไร? หรือเนื่องจากเขาเป็นถึงหนึ่งในผู้นำสูงสุดของประเทศเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น? นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอาจจะมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่กว่าซ่อนอยู่และเป็นอำนาจที่น่ากลัวยิ่งกว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเป็นแน่
สิ่งเหล่านี้ต้องทำให้เย่เชียนถึงกับปรับความคิดและระมัดระวังในสิ่งต่างๆ มากขึ้นอย่างมาก เพราะหากเตรียมการไม่ดีพอก็อาจจะไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดได้เลยแม้แต่ในสังคมปัจจุบันก็ตามเพราะนั่นเป็นคำพูดที่มีเหตุผลที่สุด นี่เป็นจุดประสงค์ของความพยายามของเย่เชียนในการขยายกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของเขาและมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ต้องมีอำนาจและความแข็งแกร่งให้เพียงพอเพื่อที่วันหนึ่งในอนาคตพวกเขาจะได้ฝังขี้เถ้าของกัปตันเทียนเฟิงเอาไว้ในสุสานแห่งวีรบุรุษได้และนี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาต้องต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมาย
เมื่อเย่เชียนรับรู้แล้วว่าประเทศจีนยังคงมีอำนาจและพลังอันลึกลับเช่นนี้อยู่เย่เชียนจึงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นมิฉะนั้นแผนการทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าอาจจะพังพินาศได้ในคราวเดียว เพียงแต่ว่าเย่เชียนนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าอำนาจและพลังอันลึกลับนี้คืออะไร และบางทีเขาอาจจะแค่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไปเพียงเท่านั้นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาและตระหนักให้ถี่ถ้วนแล้วก็ยังไม่มีอะไรที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นได้ในตอนนี้
ก่อนที่เย่เชียนจะรู้ตัวมันก็มืดค่ำแล้ว เย่เชียนจึงดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือและก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่และตรงไปยังบ้านของหวังปิง
.
.
.
.
.
.