ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 281 ดาร์คลิลลี่ที่น่ารำคาญ
ตอนที่ 281 ดาร์คลิลลี่ที่น่ารำคาญ
เห็นฉากตรงหน้าแล้วมุมปากของเย่เชียนก็ฉีกยิ้มขึ้นเพราะสิ่งที่เขาต้องการก็คือแบบนี้เพราะเมื่อผู้หญิงสองคนกำลังเข้ามาจะโจมตีเขานั้นเย่เชียนก็เบี่ยงตัวออกเล็กน้อยและหมุนตัวโดยใช้มีดโลหิตหมาป่าก็มีแสงสีแดงวาบตัดผ่านลำคอของหญิงสาวทั้งสองโดยตรง
การฆ่าหญิงสาวนักฆ่าทั้งสองคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นถือว่าแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมากจนทำให้หัวหน้านักฆ่าสาวถึงกับตกตะลึงเพราะหากปราศจากการสนับสนุนจากสองสหายนักฆ่าของเธอแล้วค่ายกลลอบสังหารทั้งสามก็พังทลายลงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยและความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ก็อ่อนแอลงอย่างมาก ซึ่งเธอเองก็อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยแต่ทว่าในฐานะนักฆ่าของดาร์คลิลลี่แล้วก็มีชะตากรรมเดียวเพียงเท่านั้นก็คือจะเป็นผู้ฆ่าหรือเป็นผู้ถูกฆ่า และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนก็ตามแต่เธอก็ไม่สามารถเลือกที่จะหลบหนีได้และถึงแม้ว่าเธอจะหลบหนีไปได้ก็ตามทว่าถึงยังไงเธอก็ต้องเผชิญกับการไล่ล่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ต้นสังกัดอยู่ดีและผลลัพธ์ก็จะเป็นเหมือนเดิมที่ต้องถูกฆ่า
ทำไมคุณถึงยังฝืนอยู่ล่ะ..ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก
นักฆ่าของดาร์คลิลลี่จะไม่มีวันสิ้นสะลาย หัวหน้านักฆ่าสาวพูดอย่างหนักแน่น
ถ้างั้นผมจะส่งคุณไปเยือนนรกเอง เย่เชียนพูดจบและร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปและมีดโลหิตหมาป่าในมือของเขาก็แทงทะลุหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามโดยตรงและไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้อยากจะรู้จากอีกฝ่ายว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่เป็นเพราะเย่เชียนรู้ดีว่านักฆ่าของดาร์คลิลลี่นั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักและเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะเอ่ยปากบอกได้ว่าใครจ้างพวกเธอมา
นอกจากนี้เย่เชียนก็ยังมีวิธีอื่นที่จะรู้ได้ว่าใครคือผู้ว่าจ้างของพวกเธอและยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากดาร์คลิลลี่ได้ตัดสินใจที่จะท้าทายเขี้ยวหมาป่าอย่างเปิดเผยแล้วล่ะก็จากนี้ไปองค์การดาร์คลิลลี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอยู่อีกต่อไป ซึ่งในดวงตาของเย่เชียนก็มีแสงแห่งความเย็นยะเยือกอยู่ภายในดวงตาทันที
เย่เชียนออกจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาซ่งหลันและอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ ซึ่งซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปและรีบถามเย่เชียนว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่ในทันที ซึ่งเธอก็กังวลอย่างมากเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่โทรมาหาเธอเป็นแน่!
เมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยของซ่งหลันเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็อบอุ่นหัวใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องการตัดสินใจขององค์กรดาร์คลิลลี่ที่จะเผชิญหน้าและท้าทายกับเขี้ยวหมาป่าอย่างเปิดเผยเช่นนี้คิ้วของซ่งหลันขมวดเข้าหากันแน่น ซึ่งเย่เชียนนั้นก็มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเธอโดยธรรมชาติอยู่แล้วเขาจึงขอให้ซ่งหลันช่วยสืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ลอบสังหารจากองค์กรดาร์คลิลลี่ในครั้งนี้ ซึ่งซ่งหลันก็ตอบและวางสายโทรศัพท์ไป
หลังจากวางสายโทรศัพท์ลงแล้วหัวใจของเย่เชียนก็สงบลงเพราะว่าซ่งหลันเคยเป็นถึงนักฆ่ามือพระกาฬที่สุดขององค์กรดาร์คลิลลี่ซึ่งเธอก็รู้ทุกอย่างดีที่สุดเกี่ยวกับองค์กรดาร์คลิลลี่และเธอยังมีวิธีการที่ไม่เหมือนใครอีกในการสืบหาว่าใครคือผู้ว่าจ้างของการว่าจ้างลอบสังหารเช่นนี้ เช่นเดียวกันกับครั้งก่อนที่นักฆ่าจากองค์กรดาร์คลิลลี่ติดตามฉินหยูและซ่งหลันก็สามารถรู้ได้อย่างง่ายดายว่านั่นเป็นการว่าจ้างของตงเซียงกรุ๊ป ทว่าเย่เชียนก็ไม่เคยถามซ่งหลันเลยว่าเธอรู้เรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรและนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเชื่อในตัวของซ่งหลันเหมือนกับที่ซ่งหลันเชื่อในตัวเขามาเสมอ
เย่เชียนรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆ เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และการต่อสู้กับตงเซียงกรุ๊ปก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเขาได้ไปกระตุ้นองค์กรดาร์คลิลลี่และหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติโดยไม่คาดคิด เย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องอีกและจะมีใครปรากฏตัวมาอีก อย่างไรก็ตามไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะดำเนินไปเช่นไรแต่ทว่าการต่อสู้ระหว่างเขี้ยวหมาป่ากับตงเซียงกรุ๊ปนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องสูญสิ้นก็ตาม
เมื่อกำลังจะเดินไปที่บ้านของซ่งหลันนั้นเขาก็พบว่าไฟในบ้านของฉินหยูถูกเปิดอยู่และเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขอย่างมากเพราะอาจเป็นฉินหยูหรือจ้าวหยาที่กลับมานั่นเอง และเมื่อคิดเช่นนี้เขาก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลใดๆ
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็พบหญิงสาวในชุดเดรสขาวนั่งอยู่บนโซฟา และเย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและความสุขก่อนหน้านี้ของเขาก็ลดลงไปเล็กน้อยและเขาก็พูดว่า คุณเองหรอ!
หูวเค่อหันหน้าไปมองเย่เชียนและยิ้มอย่างขี้เล่นและพูดว่า คุณดูผิดหวังมากเลยนะคะ..คุณคงคิดว่าพี่สาวหยูหรือหยาเอ๋อกลับมาสินะ!
ในบรรดาหญิงสาวทั้งสามคนในบ้านหลังนี้เย่เชียนกับหูวเค่อมีความเฉยชาต่อกันมากที่สุดและแทบจะไม่มีการพูดคุยกันเลยนอกจากเหตุการณ์ที่คลุมเครือของเช้าวันนั้น เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า ไม่ใช่แบบนั้น..ก็ฉินหยูบอกผมว่าคุณไปต่างประเทศหนิ..ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็วๆ นี้
เห็นได้ชัดเลยว่าการโกหกของเย่เชียนนั้นไม่ดีพอ แต่หูวเค่อก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเธอเพียงยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า แล้วที่คุณเห็นฉันกลับมาคุณไม่ประหลาดใจบ้างเลยหรอคะ?
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร เธอกำลังจะพูดอะไรกันแน่? เย่เชียนจ้องมองไปที่หูวเค่ออย่างว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปที่ด้านข้างของหูวเค่อและนั่งลงจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า ต้องประหลาดใจอยู่แล้วสิ..ผมสงสัยว่าคุณจะซื้อของฝากจากต่างประเทศมาให้ผมหรือเปล่าน่ะ
หูวเค่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า ตอนนี้คุณเป็นคนดังมากเลยนะในเมืองหนานจิงน่ะ..คุณทำให้เมืองหนานจิงเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้วและตอนนี้คุณก็กลับมาที่เซี่ยงไฮ้แบบนี้คุณมีแผนอะไรหรอ?
เย่เชียนมองไปที่หูวเค่อและพูดว่า ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมเลยนะ..แต่ผมยังไม่รู้จักตัวตนของคุณจนถึงตอนนี้เลย..คุณจะให้ผมคิดยังไงล่ะ?
หูวเค่อยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า ฉันบอกคุณไปแล้วใช่มั้ยคะว่าเมื่อคุณทำให้ฉันพอใจได้คุณก็จะรู้เรื่องทั้งหมดเอง..และฉันก็จะเป็นภรรยาของคุณด้วย!
เย่เชียนก็ตกตะลึงและขมวดคิ้วแน่นจากนั้นก็พูดว่า อย่างน้อยๆ คุณก็บอกผมหน่อยสิว่าคุณต้องการอะไร..คุณทำให้ผมกังวลมากเพราะผมไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบไหน..นอกจากนี้ก็ต้องมีเป้าหมายและแรงจูงใจด้วยสิ..เรื่องนี้คุณก็พูดเองไม่ใช่หรอ
ใช่ค่ะ! หูวเค่อยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า คุณก็แค่เอาชนะสามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ได้..ทั้งตงเซียงกรุ๊ป..แก๊งชิงและหงเหมินกรุ๊ป!
เย่เชียนจ้องมองไปที่หูวเค่ออย่างว่างเปล่าและรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้ไปต่างประเทศแล้วกลับมาเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะรอบๆ ตัวของเธอดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความน่าสนใจและน่าลุ่มหลงอย่างมาก แต่เย่เชียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของหูวเค่อมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะเขาก็สนิทสนมกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็อยู่ในเกียวโตมาตลอดทั้งปีและหูวเค่อเองก็มาจากเกียวโตเช่นกันซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อาจจะรู้เกี่ยวกับเธอก็เป็นได้
หืม..คุณคิดว่ามันยากขนาดนั้นเลยหรอคะ หูวเค่อพูด
ก็นิดหน่อยน่ะ! เย่เชียนพูด เพราะนี่ก็เป็นเรื่องจริงเพราะยักษ์ใหญ่ทั้งสามนี้ยากที่จะชนะได้และที่สำคัญกว่านั้นเขาก็ยังมีความสัมพันธ์กับฉินหยูด้วยและถ้าฉินเทียนยืนยันที่จะเป็นปฏิปักษ์กับเขาล่ะก็เย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องทำอย่างไร
ก็แค่นั้น หูวเค่อหันมามองหน้าเย่เชียนแวบหนึ่งและพูดว่า ถ้าคุณไม่สามารถรับมือกับทั้งสามยักษ์ใหญ่นี้ได้ล่ะก็..ถ้าหากคุณเจอกับปัญหาใหญ่กว่านี้ในอนาคตล่ะก็คุณจะหนีไปไหนได้ล่ะ
ปัญหาใหญ่มากกว่านี้? เย่เชียนแน่นิ่งไปชั่วขณะเพราะดูเหมือนว่าหูวเค่อจะรู้หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน และเมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหูวเค่ออีกครั้งโดยจ้องมองเธอด้วยความงุนงงและสงสัยอย่างมาก
คุณคิดว่าไง? ..สิ่งที่ฉันพูดไปมันผิดหรอคะ หูวเค่อพูด
ไม่ๆ ..คุณจะสงสัยสามีในอนาคตของคุณได้ยังไง เย่เชียนหยอกล้อและพูดว่า ถึงแม้ว่าการเอาชนะยักษ์ใหญ่ทั้งสามนี้จะลำบากก็เถอะ..แต่ผมก็สามารถจัดการได้ไม่มีปัญหา..แล้วคุณล่ะ..คุณพร้อมที่จะเป็นผู้หญิงของผมแล้วหรอ
ฝันไปเถอะ..ค่อยมาคุยกันหลังจากนั้น หูวเค่อพูด แต่ในทันใดนั้นการแสดงออกของหูวเค่อก็อ่อนไหวอย่างมากแต่ในไม่ช้าเธอก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เย่เชียนก็ไม่สามารถสังเกตได้ในการแสดงออกของเธอ
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ ทว่าจากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่นอีกครั้งและสัญชาตญาณของเขาก็ทำให้เขารับรู้ได้ว่ามีมือสังหารที่มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงเพราะเหมือนที่เขาเคยพูดเอาไว้ว่านักฆ่าสาวของดาร์คลิลลี่นั้นมีกลิ่นที่หอมพิเศษ และเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเขาเห็นแสงสะท้อนได้อย่างชัดเจนซึ่งมันส่องมาจากกล้องสโคปของปืนสไนเปอร์ไรเฟิล เย่เชียนก็ถึงกับผงะไป หมอบลง! เย่เชียนตะโกนและคว้าหูวเค่อกดลงกับพื้นจากนั้นก็มีกระสุนทะลุกระจกไปโดนโซฟาตรงที่เย่เชียนนั่งอยู่
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะนักฆ่าจากดาร์คลิลลี่พวกนี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง เพราะเขาเพิ่งจะจัดการไปถึงสามคนและตอนนี้พวกเธอก็มาปรากฏตัวอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องกลัวนะ..จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้ เย่เชียนหันหน้าไปและพูดกับหูวเค่อที่กำลังทับถูกเขานอนทับตัวเธออยู่
คุณช่วยปล่อยมือของคุณหน่อยได้มั้ยคะ? หูวเค่อจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างคลุมเครือและพูด
เย่เชียนก็ก้มหน้าลงไปมองจากนั้นเขาก็ถึงกับผงะไปเพราะมือของเขากำลังจับหน้าอกของหูวเค่ออยู่ ทว่าอย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาแปลกก็คือการที่ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกบนใบหน้าของหูวเค่อเลย ซึ่งเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ควรจะแสดงออกเช่นนี้
ด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดของหูวเค่อนั้นเย่เชียนจึงรีบปล่อยมือของเขาของจากหน้าอกของเธอ แต่ทว่าก่อนที่เขาจะปล่อยมือออกไปนั้นเขาก็บีบหน้าอกของเธอไปสองครั้งและทำให้เขารู้สึกดีอย่างมาก ทันใดนั้นใบหน้าของหูวเค่อก็เริ่มเป็นสีแดงก่ำเพราะผู้ชายที่ไร้ยางอายคนนี้
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับมือปืนซุ่มยิงนั่นก็คือวัดกันว่าใครที่มีความอดทนมากกว่ากัน จากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นจากหูวเค่อและใช้สิ่งของในบ้านเพื่อปิดกั้นสายตาของมือปืนจากฝั่งตรงข้าม จากนั้นเย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อและจุดไฟและเริ่มสูบบุหรี่ ซึ่งหูวเค่อก็จ้องเขม็งเขาและพูดว่า ตอนนี้คุณยังมีอารมณ์ที่จะสูบบุหรี่อยู่อีกหรอ?
คุณไม่เข้าใจหรอก..ผู้ชายชอบสูบบุหรี่เมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องต่างๆ ..และนอกจากนี้เมื่อพวกผู้ชายเสร็จพวกเขาก็ชอบสูบบุหรี่หลังจากนั้นด้วย เย่เชียนพูดอย่างไร้ยางอาย
หูวเค่อถึงกับผงะไปเพราะผู้ชายคนนี้กล้าพูดอย่างไร้ยางอายว่าเธอกับเขาเพิ่งจะทำอย่างว่าเสร็จ และเมื่อจ้องมองไปที่เขาแล้วหูงเค่อก็ต้องระงับความโกรธของเธอเอาไว้ เย่เชียนสูบบุหรี่ไปครั้งหนึ่งจากนั้นก็วางบุหรี่เอาไว้ที่นั่นและเอื้อมมือไปดึงหูวเค่อเพื่อพาเธอไปซ่อนหลังกำแพงอย่างเงียบๆ
ปัง! ..ปัง! ..ปัง! เสียงกระสุนหลายนัดทะลุผ่านกระจกและกระทบไปที่จุดที่เย่เชียนวางบุหรี่เอาไว้ เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและกวาดสายตามองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบ เพราะนักฆ่าที่องค์กรดาร์คลิลลี่ส่งมาในครั้งนี้นั้นใช้อาวุธปืนและมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับพวกเธอด้วยมือเปล่า
คุณกลัวมั้ย? เย่เชียนหันหน้าไปถามหูวเค่อที่อยู่ข้างๆ เขา
คุณบอกว่าจะปกป้องฉันไม่ใช่หรอ? หูวเค่อพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเล็กน้อย
.