ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 296 สู่เส้นทางที่โชคชะตากำหนด
ตอนที่ 296 สู่เส้นทางที่โชคชะตากำหนด
สถานการณ์ต่างๆ ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนและคับขันอย่างมาก ซึ่งในหลายๆ กรณีนั้นสิ่งต่างๆ ก็ไม่สามารถที่จะมามัวครุ่นคิดอะไรใดๆ ได้เลย ซึ่งในระหว่างการประชุมร่วมของเหล่าองค์กรทหารรับจ้างจากทั่วโลกกำลังดำเนินอยู่นั้นเย่เชียนก็เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าในเมืองไคโรแล้วและเขาเองก็ปิดกั้นข่าวสารทั้งหมดเอาไว้ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบได้เลย
ณ ใจกลางสำนักงานใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าเย่เชียนนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีเหรินเทียนเย่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยท่าทางที่หดหู่ นั่นก็เพราะว่าเย่เชียนมาปรากฏตัวอย่างกะทันหันเพราะฉะนั้นเหรินเทียนเย่จึงยังไม่ได้เตรียมใจใดๆ เลย ซึ่งการปรากฏตัวของเย่เชียนนั้นทำให้เหรินเทียนเย่ประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง
เย่เชียนก็จ้องมองไปที่เหรินเทียนเย่และพูดอย่างช้าๆ ว่า “พี่เทียนเย่..พี่อยู่ในเขี้ยวหมาป่ามากี่ปีแล้ว?”
“ห้าปีแล้วบอส..ที่ฉันเข้ามาในเขี้ยวหมาป่า!” เหรินเทียนเย่จ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ถามแบบนั้นและเขาก็ผงะไปเล็กน้อยจากนั้นก็ตอบกลับไป
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ห้าปีที่ผ่านมานี้..เป็นห้าปีที่พี่ลำบากมากเลยเนอะ”
“บอสอย่าพูดแบบนั้นเลย..นั่นคือสิ่งที่ฉันควรทำ” เหรินเทียนเย่พูดด้วยความกังวลใจ
“ถ้าผมจำไม่ผิดพี่สนิทกับพี่ซิงเฉินที่สุดในเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย?” เย่เชียนถามต่อ
“ใช่ๆ! ..ฉันเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าพร้อมกันกับพี่ซิงเฉินและก็เป็นคู่หูกัน..และเมื่อพวกเราออกปฏิบัติภารกิจพี่ซิงเฉินก็ได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ตั้งหลายครั้ง..เราสนิทสนมกันมากจริงๆ” เหรินเทียนเย่พูดถึงอดีตด้วยความจริงใจ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าในระหว่างการปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งนั้นเขาและอี้ซิงเฉินถูกศัตรูล้อมรอบเอาไว้และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งในเวลานั้นอี้ซิงเฉินเองก็สามารถหลบหนีและเอาชีวิตรอดไปคนเดียวได้แต่ทว่าอี้ซิงเฉินไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะว่าอี้ซิงเฉินได้หลอกล่อศัตรูออกไปจนหมดและหลังจากนั้นเขาก็หวนกลับมาในอีกสามวันต่อมาซึ่งร่างของอี้ซิงเฉินนั้นก็เต็มไปด้วยรอยแผลและมีเลือดไหลเต็มตัว แต่ทว่าเมื่ออี้ซิงเฉินเห็นว่าเหรินเทียนเย่ไม่เป็นไรอี้ซิงเฉินก็ยิ้มและในที่สุดอี้ซิงเฉินก็ล้มลงไปอย่างหมดห่วงหมดกังวล ซึ่งพูดได้เลยว่าถ้าหากไม่มีอี้ซิงเฉินในวันนั้นคงจะไม่มีเหรินเทียนเย่ในวันนี้
เย่เชียนกฌพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ผมจำได้ว่าพี่แต่งงานแล้วใช่มั้ย..ลูกของพี่ก็น่าจะอายุสามขวบ..ผมจำถูกมั้ย”
เหรินเทียนเย่ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวจากนั้นเขาก็พูดว่า “ใช่ๆ ..บอสจำได้หมดเลยนะเนี่ย..”
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับสีหน้าที่โศกเศร้าจากนั้นก็พูดว่า “พี่เทียนเย่..อะไรคือสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในโลกใบนี้”
“การที่ได้แต่เฝ้าดูพี่น้องและเพื่อนๆ จากไปทีละคนๆ และเราก็ทำอะไรไม่ได้เลย” เหรินเทียนเย่ตอบ
เย่เชียนส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ผิด! ..สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในโลกใบนี้ก็คือการถูกพี่น้องและผองเพื่อนทรยศ..เห้อ..ผมไม่เคยคิดเลยว่าจุดจบของพี่ซิงเฉินนั้นจะต้องตายด้วยน้ำมือของน้องชาย..ที่เป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุด..”
เหรินเทียนเย่ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวอีกครั้งและจากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับท่าทางการแสดงออกที่สิ้นหวังอย่างมาก แต่ทว่าความโล่งใจของเขาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาพร้อมกับพึมพำว่า “บอส..ฉันขอสูบบุหรี่สักหน่อยได้มั้ย?”
เย่เชียนก็พยักหน้าและหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งซองจากนั้นก็หยิบเข้าปากตัวเองหนึ่งมวลแล้วก็ยื่นให้เหรินเทียนเย่ จากนั้นเย่เชียนก็จุดบุหรี่ให้เหรินเทียนด้วยตัวเอง ซึ่งเหรินเทียนเย่ก็ถึงกับมือสั่นและเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ขอบคุณ!”
เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพียงแค่จ้องมองเหรินเทียนเย่อย่างเงียบๆ
เหรินเทียนเย่ก็เม้มปากแน่นและไอออกมาเล็กน้อยเพราะเขาไม่ต้องการที่จะยื้อเวลาอะไรอีกแล้ว เหรินเทียนเย่ก็จ้องมองไปที่เย่เชียนพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเขาและพูดว่า “ฉันไม่ได้สูบบุหรี่มาตั้งสามปีแล้ว..เหอะๆ” ซึ่งคำพูดและสีหน้าของเหรินเทียนเย่นั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของความเศร้าและความเสียใจที่ชัดเจนในรอยยิ้มนั้นๆ
“บอส! ..ฉันขอบคุณจริงๆ ..ในที่สุดฉันก็รู้และเข้าใจแล้วว่าการทำผิดอย่างมหันต์และกลายเป็นความเกลียดชังไปชั่วนิรันดร์มันหมายความว่ายังไง..ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วล่ะ..ฉันไม่ควรทำแบบนี้เลย..และฉันเองก็ไม่มีค่าพอที่จะให้อภัย” เหรินเทียนเย่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อ “บอส! ..ฉันขอโทษสำหรับพี่ซิงเฉิน! ..ฉันโทษสำหรับบอส! ..ฉันขอโทษสำหรับเขี้ยวหมาป่าด้วย..บอส! ..ฉันหวังว่าบอสจะไม่ทำร้ายภรรยาและลูกๆ ของฉันนะ..และฉันก็หวังว่าบอสจะช่วยดูแลพวกเขาต่อจากนี้ด้วย…”
จู่ๆ ทันใดนั้นสมาชิกหน่วยย่อยของหมาป่าเพชฌฆาตสองคนก็วิ่งเข้ามาและจ่อปืนเอาไว้บนหัวของเหรินเทียนเย่ ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยและก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ออกไปซะ!”
สมาชิกหน่วยย่อยของหมาป่าเพชฌฆาตสองคนนั้นก็ถึงกับตกตะลึงอย่างมาก จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินออกจากห้องไปอย่างเชื่อฟัง ส่วนเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “พี่ไม่ต้องห่วงพี่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว..ผมจะช่วยดูแลภรรยาและลูกๆ ของพี่ให้..และพี่เองก็จะเป็นพี่น้องของเขี้ยวหมาป่าของเราตลอดไป..”
เหรินเทียนเย่ก็ยิ้มออกมากว้างๆ ซึ่งรอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจและความสุขและความโศกเศร้าผสมปะปนกันอยู่บนใบหน้าของเขา ซึ่งเหรินเทียนเย่นั้นเชื่อในคำมั่นของเย่เชียนและเขาก็พอใจกับคำพูดของเย่เชียนอย่างมาก “บอส..หลังจากที่ฉันสูบบุหรี่มวนนี้เสร็จแล้วช่วยส่งฉันไปสู่เส้นทางที่โชคชะตากำหนดให้ทีนะ..” เหรินเทียนเย่พูด
การฆ่าพี่ชายของตัวเองด้วยมือของตัวเองนั้นเป็นความเจ็บปวดอย่างมาก ซึ่งคนที่ไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดเช่นนี้จะไม่มีวันเข้าใจ
ในตอนที่เย่เชียนเดินทางมาถึงเมืองไคโรแล้วเขาก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมอี้ซิงเฉิน แต่ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่นั้นก็คือร่างอันไร้วิญญาณของอี้ซิงเฉินที่แช่แข็งอยู่ในห้องดับจิต ซึ่งหมอคนที่ดูแลรักษาอี้ซิงเฉินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้บ่งชี้ได้ว่าอี้ซิงเฉินนั้นเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตามสิ่งที่เย่เชียนไม่เคยคาดคิดเลยก็คือเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นโดยฝีมือของเหรินเทียนเย่ผู้เป็นดั่งน้องชายที่ไว้ใจที่สุดของอี้ซิงเฉิน ซึ่งเมื่อเย่เชียนได้รู้ความจริงแล้วหัวใจของเย่เชียนก็เต็มไปด้วยความผิดหวังและความหนาวเหน็บและความเจ็บปวดจากเบื้องลึกของจิตใจ
ถึงแม้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการบงการครั้งนี้ทั้งหมดคือหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ตามแต่ทว่าคนที่ลงมือทำก็คือเหรินเทียนเย่ และไม่ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะข่มขู่เอาชีวิตครอบครัวของเหรินเทียนเย่ก็ตาม ถึงยังไงแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้เลยแม้แต่น้อยและไม่สามารถให้อภัยเขาได้เลย และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่เต็มใจที่จะลงทัณฑ์เหรินเทียนเย่ด้วยตัวเองก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องทำเช่นนั้นเพื่ออี้ซิงเฉินและเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่า
“บอสคะ..บอส..ได้โปรด” จู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับเด็กน้อยคนหนึ่งและคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เชียนพร้อมกับอ้อนวอนและวิงวอนว่า “บอสคะได้โปรดปล่อยเทียนเย่ไปเถอะนะ..ปล่อยเทียนเย่สักครั้งนะเพื่อลูกของเรา..ลูกของเรายังเด็ก..เจ้าหนูต้องการพ่อของเขา..ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วยนะคะบอส..”
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหันหน้าหนีไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างมิอาจกลั้นเอาไว้ได้
“บอส..ฉันขอร้อง..ได้โปรดปล่อยเทียนเย่ไปเถอะ!” หญิงสาวคนนั้นยังคงคุกเข่าและวิงวอนพร้อมกับสะอึกสะอื้นอย่างไม่หยุดไม่ยั้ง
หัวใจของเย่เชียนในตอนนี้เหมือนถูกแทงอย่างรุนแรงด้วยดาบปลายปืน ซึ่งเย่เชียนนั้นรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยเหรินเทียนเย่ไป เพราะสิ่งนี้จะไม่สามารถอธิบายให้อี้ซิงเฉินบรสวรรค์หรือพี่น้องในเขี้ยวหมาป่าฟังได้เลย หากมีทางเลือกอื่นเย่เชียนก็จะยอม แต่ทว่ามันไม่มีอีกแล้วและหากทำเช่นนั้นเย่เชียนก็เหมือนทำร้ายตัวเองและทำร้ายเหล่าพี่น้องคนอื่นๆ ซึ่งเย่เชียนนั้นต้องยอมแบกรับภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ในใจอย่างไม่มีวันหวนกลับได้
“ออกไป! ..ใครให้คุณเข้ามา!” เหรินเทียนเย่ตะคอกภรรยาของเขา “พาลูกออกไปเถอะ..ดูแลเขาให้ดีด้วยล่ะ..บอสสัญญากับฉันแล้วว่าเขาจะดูแลเธอและลูกของเราเป็นอย่างดี..ความผิดที่ฉันได้ทำลงไปน่ะ..มันไม่สามารถให้อภัยได้..ฉันขอโทษจริงๆ ..ออกไปได้แล้ว!” เหรินเทียนเย่อดทนอดกลั้นต่อความโศกเศร้าและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้และจำใจตะคอกภรรยาของเขาอย่างรุนแรง
หากเราทำผิดถึงยังไงเราก็ผิดและไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามถึงยังไงเราก็ได้ก่อให้เกิดผลที่แก้ไขไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และมีเพียงเลือดและเนื้อของเราเท่านั้นที่จะลบล้างบาปของเราไปได้ เหรินเทียนเย่นั้นไม่ต้องการให้เธอและลูกของเขาเห็นหัวของเขาระเบิด และเขาก็ไม่ต้องการให้ภรรยาของเขาเห็นสามีของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาของเธอและเขาก็ไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาเห็นพ่อของเขาตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเช่นกัน
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งและหันหน้ากลับมาอย่างแน่วแน่และพูดกับสมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆ ว่า “พาพวกเขาออกไป!” ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นได้ว่าเบ้าตาและใบหน้าของเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
เมื่อภรรยาและลูกชายของเขาถูกพาออกไปแล้วเหรินเทียนเย่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาซึ่งค่อนข้างหดหู่อย่างมาก จากนั้นเหรินเทียนเย่ก็ค่อยๆ วางบุหรี่ในมือของเขาลงและพูดว่า “บอส! ..ส่งฉันไปหน่อย!”
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นและหยิบปืนพกมาจากสมาชิกเขี้ยวหมาป่าคนที่อยู่ข้างๆ เขาและชักปืนจากนั้นก็ปลดเซฟตี้ปืนและเล็งไปที่หัวของเหรินเทียนเย่อย่างช้าๆ “พี่ชาย! ..ไปดีนะพี่!” เย่เชียนหันหน้าหนีและพูดอย่างสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “ปัง! ..” เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วห้องและเหรินเทียนเย่ก็ค่อยๆ ล้มลงพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ถ้าเราตายเราก็สามารถบรรเทาบาปของเราได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามและเหรินเทียนเย่เองก็ยินดีที่จะยอมรับมัน! คนที่เคยเจ็บปวดจากการทรยศพี่ชายเท่านั้นที่จะเข้าใจ! ด้วยวลีสุดท้ายของเย่เชียนที่ว่า “พี่ชาย! ..ไปดีนะพี่!” วลีนี้ทำให้เหรินเทียนเย่รู้สึกว่าเขายังคงเป็นเขี้ยวหมาป่าอยู่และถึงแม้ว่าเขากำลังจะตายก็ตามถึงยังไงแล้วรอยยิ้มที่มีความสุขก็สามารถปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในวาระสุดท้ายได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือหัวใจและจิตใจของเย่เชียนที่เหมือนดั่งถูกดาบนับพันเล่มทิ่มแทงและราวกับมดนับพันตัวที่กัดกร่อนนับพันครั้ว น้ำตาของเย่เชียนก็ร่วงโรยลงมาอีกครั้ง ใครกันที่บอกว่าผู้ชายจะไม่เสียน้ำตาและไม่รู้สึกเศร้า..
…..
อีกด้านหนึ่ง ณ การประชุมร่วมของเหล่าองค์กรทหารรับจ้างจากทั่วทุกมุมโลกก็ยังคงดำเนินต่อไป ด้วยความช่วยเหลือของไอซอลเดแฮมป์ตันนั้นจู้จือจึงสามารถชักชวนเหล่าผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างให้ร่วมมือกันเพื่อต่อต้านหมาป่าผีไป๋ฮวย แต่ทว่าไอซอลเดแฮมป์ตันนั้นไม่ได้ช่วยจู้จือแต่เขากำลังช่วยเย่เชียนและเขี้ยวหมาป่า ทว่าอย่างไรก็ตามไอซอลเดแฮมป์ตันนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงไม่มาการประชุมร่วมในครั้งนี้ หรือเป็นไปได้ไหมว่าเขี้ยวหมาป่ากำลังเผชิญกับปัญหาและจู้จือตั้งใจจะยึดอำนาจ?
คิ้วของไอซอลเดแฮมป์ตันก็ขมวดเข้าหากันแน่นเพราะไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามถึงยังไงเขาก็ต้องติดต่อเย่เชียนให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเย่เชียนนั้นรู้เรื่องที่จู้จือกำลังทำอยู่หรือไม่?
ในเวลานี้เย่เชียนก็ได้เริ่มแก้ไขภายในของเขี้ยวหมาป่าแล้วและสมาชิกหน่วยย่อยทั้งหมดของหมาป่าเพชฌฆาตก็ถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวน และถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เย่เชียนต้องการนักแต่สถานการณ์ในตอนนี้มันบังคับให้เขาต้องทำเช่นนี้ ซึ่งในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้หมาป่าผีไป๋ฮวยกลับใช้เหรินเทียนเย่เพื่อฆ่าอี้ซิงเฉิน และแล้วสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยได้เริ่มดำเนินการกวาดล้างเขี้ยวหมาป่าอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเย่เชียนเองก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงคำพูดของหมาป่าผีไป๋ฮวยในวันนั้น
ดูเหมือนความเป็นดั่งพี่น้องจะถึงวาระสุดท้ายแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เย่เชียนอาจจะลังเลมาก่อนแต่ตั้งแต่ที่ได้พบกับปรมาจารย์หลินจินไท่อาจารย์ของเขาแล้วนั้นเย่เชียนก็เริ่มมีความคิดที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะในฐานะเขี้ยวหมาป่าแล้วเขาก็ควรมีสติและมั่นคงเอาไว้ต่อให้จะเป็นเขาก็หมาป่าผีไป๋ฮวยที่จะต้องตายไปกันข้าง
เรื่องของหมาป่าเพชฌฆาตนั้นสามารถจัดการได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมา ซึ่งเย่เชียนเองก็รู้สึกได้เล็กน้อยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะต้องเคลื่อนไหวในเวลาเช่นนี้อย่างแน่นอนและเป้าหมายของเขาก็คือการประชุมร่วมของเหล่าองค์กรทหารรับจ้างจากทั่วโลกเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนถึงกับหนาวสั่นเล็กน้อยเพราะถ้าหากเหล่าผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเหล่านั้นเกิดประสบปัญหาและเป็นอะไรไปท่ามกลางดินแดนของเขี้ยวหมาป่าเช่นนี้ล่ะก็เขี้ยวหมาป่าก็คงจะไม่สามารถโต้แย้งข้อพิพาทใดๆได้ และถึงแม้ว่าเขี้ยวหมาป่าจะมีพลังที่และกองกำลังแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับการโจมตีพร้อมกันของเหล่าองค์กรทหารรับจ้างจำนวนมากจากทั่วโลก
.
.
.
.
.
.
.