ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 300 พี่น้องคืออะไร
ตอนที่ 300 พี่น้องคืออะไร
ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มให้กันราวกับว่าพวกเขาเป็นดั่งพี่น้องที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้บนโลกใบนี้และความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงเท่านั้นที่สามารถยุติสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อทั้งสองต่างก็ดึงมีดของตัวเองออกมาทันใดนั้นเลือดสดๆ ก็พุ่งออกมาทันทีและทั้งคู่ก็เซจนลงไปนั่งอยู่บนพื้น
“เย่เชียน!” ไอซอลเดแฮมป์ตันตะโกนออกมาพร้อมกับใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ฮ่าฮ่า … “ทั้งสองก็หัวเราะและดูเหมือนจะยิ้มเล็กน้อย แต่ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าความเกลียดชังเหล่านี้ของทั้งสองนั้นมันไม่ใช่ความเกลียดชังส่วนตัวเลย แต่มันเกิดจากโชคชะตาและฟ้าลิขิตให้เป็นเช่นนี้ และนอกจากความตายแล้วใครคนไหนก็ไม่สามารถที่จะลบล้างความแค้นและความเกลียดชังนี้ได้
นี่คือเรื่องระหว่างพี่น้อง! ถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นไปตามอุดมการณ์ที่แตกต่างกันของพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังคงชื่นชมซึ่งกันและกันจนกว่าเลือดหยดสุดท้ายจะหลั่งออกมาจากใครสักคน ราชาหมาป่าเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นสองคนนี้ที่ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูต่อกันและก็ถูกกำหนดให้เป็นมิตรสหายกันและถูกกำหนดให้เฝ้าดูความตายของกันและกัน
ตั้งแต่วันที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เขี้ยวหมาป่านั้นเย่เชียนและไป๋ฮวยก็ได้รับมอบหมายภารกิจให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันทุกครั้ง ซึ่งทุกๆ ครั้งที่พวกเขาออกปฏิบัติภารกิจนั้นพวกเขาก็ก้าวผ่านความตายมาด้วยกันเสมอมา
ครั้งนั้นมันเป็นภารกิจพิเศษที่ทำให้ทั้งสองต้องบุกเข้าไปในวงล้อมของศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจและเมื่อพวกเขาหนีพ้นจากศัตรูได้แล้วพวกเขาก็พบว่าพวกเขานั้นได้ย่างก้าวเข้าไปในพื้นที่ทะเลทรายอันไร้ขอบเขตและร้อนระอุกันแล้ว ซึ่งทั้งสองต่างก็พยุงกันและกันอย่างยากลำบาก ซึ่งเมื่อผ่านไปครึ่งทางแล้วพวกเขาต่างก็ขาดน้ำและสุดท้ายเย่เชียนก็หมดแรงและล้มลงไปท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้งและร้อนระอุ
ในครั้งนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ใช้มีดกรีดข้อมือของตัวเองและให้เย่เชียนดื่มเลือดของเขาแทนน้ำท่ามกลางความมืดมิดดั่งหน้าประตูนรกเย่เชียนก็ดื่มเลือดอย่างสิ้นหวังและตั้งแต่นั้นมาเลือดของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่เชียนไปทีละน้อยๆ
ในที่สุดเมื่อเย่เชียนลืมตาขึ้นเขาก็พบว่าเขานั้นกำลังดื่มเลือดของหมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่ และเขาก็ตกใจอย่างมากและผลักหมาป่าผีไป๋ฮวยออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้าของเย่เชียนพร้อมกับพูดว่า “พี่ไป๋ฮวย..ผมไม่ไหวแล้ว..พี่ไปเถอะ..ถ้าผมไปด้วยพี่จะไม่สามารถออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้ได้”
“อย่าแสวงหาความตาย..จงแสวงหาการดำรงอยู่และมีชีวิตอยู่ต่อไปกับเหล่าพี่น้อง..ฉันจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องของฉัน!” ในครั้งนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยพูดอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณครับพี่..ผมดีใจที่มีพี่ชายแบบพี่ถึงแม้ว่าผมจะตายไปแล้วก็ตาม..พี่ปล่อยผมเอาไว้ที่นี่เถอะ..ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่มีใครออกไปจากทะเลทรายนี้ได้..เขี้ยวหมาป่าอยู่ได้โดยไม่มีผม..แต่พวกเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่” ครั้งนั้นเย่เชียนพูดอย่างจริงใจ
“ไม่! ..ฉันทำไม่ได้..ฉันจะไม่ปล่อยให้เอ็งตาย..และจะไม่มีใครมาเอาชีวิตของเอ็งไปได้..ถึงแม้จะเป็นพระเจ้าก็เถอะ..ฉันจะไม่ยอม!” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดอย่างหนักแน่น หลังจากพูดจบหมาป่าผีไป๋ฮวยก็หยิบปืนพกออกมาจากซองปืนของเขาและยื่นมันออกมาพร้อมพูดว่า “ยังมีกระสุนเหลืออยู่อีกห้านัด..จำเอาไว้นะว่าหลังจากที่ฉันออกไปหาน้ำแล้วเอ็งจะต้องยิงปืนขึ้นไปบนฟ้าทุกๆ หนึ่งชั่วโมง..ฉันจะได้หาเอ็งเจอ..เอ็งห้ามตายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันเข้าใจมั้ย! ..และถ้าเอ็งกล้าที่จะเป่ากระสุนเข้าสมองของเอ็งล่ะก็..ฉันจะจดจำและเกลียดชังเอ็งไปชั่วชีวิต!”
หลังจากนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็รีบเดินออกไปด้วยความมุ่งมั่นเพราะเขาต้องหาน้ำให้ได้และถ้าหากพบน้ำแล้วทั้งสองก็จะมีความหวังที่จะออกไปจากทะเลทรายอันร้อนระอุและแห้งแล้งแห่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่หน้าท้องของเขาและเสื้อผ้าของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็แทบจะชุ่มไปด้วยเลือด หลังจากที่เดินออกไปได้สักพักหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ฉีกเศษผ้าและพันหน้าท้องของเขาเอาไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมาอีกและเขาก็เดินโซซัดโซเซอย่างหมดแรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ด้วยความแน่วแน่และความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงในใจของเขาหมาป่าผีไป๋ฮวยก็แบกสังขารของตัวเองและเดินไปตามทะเลทรายอันแห้งแล้งและที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทุกครั้งที่เขาล้มลงเขาก็จะลุกขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าและดูเหมือนว่ามันจะแผดเผาร่างกายของเขาและเนื่องจากการเสียเลือดมากเกินไปนั้นสติสัมปชัญญะของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็เบลอและสูญเสียอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ดีว่าเขานั้นไม่สามารถตายได้และถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ต้องหาแหล่งน้ำให้ได้ก่อนและกลับไปหาเย่เชียนพร้อมกับน้ำ
“เย่เชียน! ..อย่าแม้แต่จะคิดฆ่าตัวตายล่ะ..ไม่งั้นนายจะกลายเป็นคนโง่!” หมาป่าผีไป๋ฮวยบ่นพึมพำไปเรื่อยขณะเดินไป
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปทุกๆ นาทีและทุกๆ วินาทีนั้นเย่เชียนก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นมันผ่านไปช้าเหลือเกิน เหล่านกแร้งแห่งทะเลทรายอันโหดร้ายแห่งนี้ต่างก็บินอยู่เหนือเย่เชียนและดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะรอให้เย่เชียนล้มลงและตายไปจากนั้นพวกมันก็จะเข้ามาจิกและกัดกินร่างของเย่เชียน ด้วยความสิ้นหวังและไร้ซึ่งหนทางใดๆ ทั้งสิ้นนั้นเย่เชียนก็เอาปืนจ่อหน้าผากของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเขาก็วางมันลงทุกครั้ง
เย่เชียนนั้นไม่ได้กลัวความตายและเขาก็เชื่อในหมาป่าผีไป๋ฮวยแต่เขาแค่ไม่ต้องการลากหมาป่าผีไป๋ฮวยไปสู่ความตายด้วย เพราะถ้าหากไม่มีตัวเองเป็นตัวถ่วงแล้วหมาป่าผีไป๋ฮวยก็จะสามารถออกไปจากทะเลทรายที่แสนโหดร้ายนี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกดินทะเลทรายแห่งนี้ยังก็ร้อนเป็นไฟเหมือนเดิมและความชื้นกับน้ำในร่างกายของเย่เชียนก็ดูเหมือนจะละลายหายไปทีละนิดๆ ซึ่งเย่เชียนนั้นปฏิบัติตามคำพูดของหมาป่าผีไป๋ฮวยอย่างเคร่งครัดและเขาก็ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้าทุกๆ หนึ่งชั่วโมง จนปืนพกกระบอกนี้เหลือเพียงกระสุนนัดสุดท้าย! แต่หมาป่าผีไป๋ฮวยก็ยังไม่กลับมา
ไม่ว่าจะส่งกระสุนนัดนี้เข้าสู่หัวสมองของเขาหรือยิงขึ้นไปบนฟ้าต่อนั้น ต่างก็เป็นทางเลือกที่ยากยิ่งในเวลาเช่นนี้
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าการหาแหล่งน้ำในทะเลทรายอันแห้งแล้งและไร้ขอบเขตเช่นนี้นั้นมันยากเพียงใด หรือจะปล่อยให้เหล่านกแร้งเหล่านี้ค่อยๆ จิกและกัดกินร่างกายของเขาไปทีละนิดจนเลือดและเนื้อของตัวเองไม่เหลือเพื่อยุติสิ่งต่างๆ
“เย่เชียน! ..ถ้าเอ็งกล้าที่จะเป่ากระสุนเข้าสมองตัวเองล่ะก็..ฉันจะจดจำและเกลียดชังเอ็งไปชั่วชีวิต!” เย่เชียนจำสิ่งที่หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดได้เป็นอย่างดี เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเพราะถ้าเขาตายไปเขาก็ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้และทำให้หมาป่าผีไป๋ฮวยผิดหวัง เย่เชียนจึงตัดสินใจยกปืนขึ้นฟ้าและยิงมันขึ้นไปในอากาศอันว่างเปล่า
เสียงปืนก็กึกก้องไปทั่วท้องฟ้าและจางหายไปทีละนิดๆ และเมื่อเขามองลงมาเขาก็เห็นร่างของหมาป่าผีไป๋ฮวยที่กำลังถือถังน้ำอยู่ในมือและข้างหลังเขาก็มีพ่อค้าอูฐตามมาด้วย
“ฉันกลับมาแล้ว!” หมาป่าผีไป๋ฮวยที่เป็นคนไม่แยแสสิ่งใดอยู่เสมอซึ่งคราวนี้เขามาพร้อมกับความสุขแบบเด็กๆ ที่เผยให้เห็นบนใบหน้าของเขาในขณะนี้ จากนั้นเขาก็ตักน้ำและให้เย่เชียนดื่ม
น้ำที่ไหลลงลำคอนั้นช่างเหมือนกับน้ำหวานและมันก็ไหลลงสู่กระเพาะอาหารและทำให้เซลล์ทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะกลับมาทำงานในทันที หมาป่าผีไป๋ฮวยก็หัวเราะอย่างมีความสุขเหมือนเด็ก อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นจู่ๆ หมาป่าผีไป๋ฮวยก็ล้มลงกับพื้น
“พี่เป็นอะไร..พี่!”
…..
ไอซอลเดแฮมป์ตันก็ไม่คิดที่จะลังเลใดๆ อีกต่อไป เขาและลูกน้องต่างก็เอาปืนจ่อไปที่หมาป่าผีไป๋ฮวย “ฉันจะฆ่าแก!” ไอซอลเดแฮมป์ตันตะโกน ซึ่งในฐานะที่ตัวเองเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของเย่เชียนนั้น ไอซอลเดแฮมป์ตันจึงไม่ยอมให้เย่เชียนได้รับอันตรายใดๆ และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ตามถึงยังไงก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
“อย่า!” เย่เชียนพูดอย่างเร่งรีบ
“เย่เชียน! ..ไม่ว่าเขาจะเคยเป็นพี่ชายของนายมาก่อนหรือไม่..ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ไม่ใช่พี่ชายของนายอีกต่อไปแล้ว..นายต้องยอมปล่อยวางความเป็นพี่น้องนั้นไป” ไอซอลเดแฮมป์ตันพูด
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “เขาเป็นพี่ชายของผมมาตลอด..ถึงเขาจะเคยเป็น..แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของผม..นอกจากผมแล้วจะไม่มีใครฆ่าเขาได้ทั้งนั้น”
“นั่นมันก็เป็นแค่ความเพ้อเจ้อของเอ็งเท่านั้น..เอ็งกับฉันไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้อีกต่อไปแล้ว!” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดอย่างไม่แยแส คำพูดที่ดูไม่แสแยเหล่านั้นซึ่งบางทีอาจจะมีแค่เย่เชียนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใจหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ นั่นก็เพราะว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นคนที่โดดเดี่ยวและปิดกั้นตัวเองและอยู่ในพื้นที่ของตัวมาโดยตลอด
นานมาแล้วที่หมาป่าผีไป๋ฮวยได้ฝันถึงการอยู่กับเย่เชียนและนั่นก็เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเสมอเพราะเขาเห็นว่าเขาได้ฆ่าเย่เชียนด้วยมือของเขาเองและมือของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดของเย่เชียน ซึ่งมันเป็นเลือดของเขาเองที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเย่เชียน ซึ่งมันเป็นเลือกของพี่น้องที่เขาแลกมาด้วยชีวิต
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าแสวงหาความตาย..จงแสวงหาการดำรงอยู่และมีชีวิตอยู่ต่อไปกับเหล่าพี่น้อง..และวันนี้ที่มีดของพวกเราต่างก็ทำร้ายกันและกันแบบนี้..มันจะเรียกว่าพี่น้องได้ยังไง?”
หมาป่าผีไป๋ฮวยถึงกับตัวสั่นไปทั้งตัว แต่ทว่าใบหน้าของเขานั้นก็ยังคงดูเฉยเมยและไม่แยแสและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เย่เชียน! ..ถ้าเอ็งไม่ฆ่าฉันล่ะก็ฉันไม่สนใจหรอกนะ..แต่ฉันจะฆ่าเอ็ง!” หลังจากพูดจบหมาป่าผีไป๋ฮวยก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเดินและโซซัดโซเซออกไป
รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เชียนเพราะบางทีมันอาจจะเหมือนกับสิ่งที่หมาป่าผีไป๋ฮวยเคยพูดเอาไว้ว่าผู้รู้แจ้งนั้นสามารถรู้ใจและความคิดของฝ่ายตรงข้ามได้ เพราะเมื่อมีดของทั้งสองก็แทงทะลุหน้าอกของกันและกันเมื่อครู่นี้นั้นจู่ๆ เย่เชียนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงจิตวิญญาณของหมาป่าผีไป๋ฮวย
“เย่เชียน! …” ไอซอลเดแฮมป์ตันรู้สึกงุนงงอย่างมากว่าทำไมเย่เชียนถึงปล่อยให้หมาป่าผีไป๋ฮวยเดินหนีออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
เย่เชียนก็ชูมือให้ไอซอลเดแฮมป์ตันหยุดจากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “คุณไม่เข้าใจหรอก!”
ไอซอลเดแฮมป์ตันถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะที่จริงแล้วเขาก็ไม่มีวันเข้าใจหมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่แล้ว แต่อาจจะมีเพียงเย่เชียนเท่านั้นที่จะรู้ได้
เย่เชียนนั้นคิดว่าครั้งนี้เขาได้พ่ายแพ้ให้กับหมาป่าผีไป๋ฮวยเพราะหมาป่าผีไป๋ฮวยใช้พลังงานและพละกำลังไปมากในการต่อสู้กับจู้จือ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงมีความสุขอยู่เล็กน้อยที่ได้รู้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยยังมีหัวใจอยู่ภายใต้ความอำมหิตและความเลือดเย็นของเขา
เย่เชียนก็พยายามที่จะลุกขึ้นและมองไปที่หมาป่าผีไป๋ฮวยที่กำลังเดินจากไปและยิ้มเล็กยิ้มน้อย เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่เขาไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว
“ท่านนายพลไอซอลเด..เราไปกันเถอะ!” เย่เชียนพูดช้าๆ
ไอซอลเดแฮมป์ตันจ้องมองไปที่เย่เชียนที่กำลังมองไปที่หมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่ จากนั้นไอซอลเดแฮมป์ตันก็แน่นิ่งไปสักพักหนึ่งจากนั้นเขาก็พยักหน้าและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนเพื่อช่วยพยุงเขาขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนๆ ..” เย่เชียนพูดพลางหันไปมองที่ร่างอันไร้วิญญาณของจู้จือและพูดว่า “ท่านนายพลไอซอลเดครับ..ให้คนของคุณช่วยนำร่างของพวกเขากลับไปด้วยได้หรือเปล่า”
ไอซอลเดแฮมป์ตันก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามอย่างงงงวยว่า “เย่เชียน! ..พวกเขาคือกบฏนะ!”
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง..ผมก็เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของเขาน่ะอยู่ที่เขี้ยวหมาป่าเสมอ..ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะลับหลังผมก็ตาม..แต่พวกเขาก็คู่ควรกับเขี้ยวหมาป่าของเรา..และพวกเขาก็จะเป็นพี่น้องนักรบของเขี้ยวหมาป่าของเราตลอดไป”
ไอซอลเดแฮมป์ตันก็พยักหน้าและสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนช่วยแบกร่างของจู้จือและชูร่ากลับไปพร้อมกันด้วย
.
.
.
.
.
.
.