ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 308 นากาจิมะ ชินนะ
ตอนที่ 308 นากาจิมะ ชินนะ
เย่เชียนนั้นไม่ได้หยิ่งผยองหรือโออ่าในศักดิ์ศรีแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าดาร์คลิลลี่เป็นองค์กรนักฆ่าที่ลึกลับมากและถ้าหากเราจะโจมตีละก็เราก็ต้องทำการโจมตีเทหน้าตักแบบครั้งเดียวเพื่อกวาดล้างให้สิ้น และถ้าหากแก๊งเจ้าพ่อมาเฟียฝูชิงเข้ามาแทรกแซงล่ะก็จะก่อให้เกิดผลกระทบที่ตามมาและการเคลื่อนไหวมากมายอีกหลายอย่างโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นประเทศนี้ก็เป็นดินแดนและเขตขององค์กรดาร์คลิลลี่จึงทำให้การเคลื่อนไหวใดๆ นั้นพวกเธออาจจะรับรู้ได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยตงไป่ก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าน้องเย่พูดแบบนั้นเราก็ว่ากันตามนั้น..แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็อย่าลังเลที่จะพูดล่ะ”
“แน่นอนครับพี่ใหญ่” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะหลังจากที่กำจัดพวกองค์กรดาร์คลิลลี่ไปแล้วก็ยังมีพวกยากูซ่ายามากุจิอยู่อีก..และพวกนี้น่ะผมต้องรบกวนพี่ใหญ่เซี่ยกับแก๊งฝูงชิงของพี่ใหญ่ให้ช่วย”
“ฮ่าๆ ..ได้เลยน้องชาย..ฉันน่ะต้องการกวาดล้างพวกยากูซ่ายามากุจิมาตั้งนานแล้ว..ไม่ต้องกังวลไปน้องเยา..ฉันจะช่วยอย่างเต็มที่” เซี่ยตงไป่พูดด้วยรอยยิ้มที่ยินดี
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเซี่ยตงไป่ก็พูดต่อ “น้องเย่! ..ฉันน่ะได้ยินเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันทรงเกียรติของน้องในประเทศจีนแล้ว..ที่น้องเย่สามารถรวมหงเหมินกรุ๊ปกับแก๊งชิงเป็นหนึ่งเดียวกันได้..มันประวัติการณ์ในรอบหลายร้อยปีเชียวนะ!”
“ขอบคุณครับพี่ใหญ่..แต่มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญและโชคช่วยเท่านั้น” เย่เชียนพูดต่อ “แต่ผมไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องนั้นๆ มากเกินไป..เพราะผมยังชอบอิสระอยู่และแค่เขี้ยวหมาป่าอย่างเดียวก็ทำให้ผมปวดหัวแล้ว..พวกบริษัทและแก๊งต่างๆ นั้นผมฝากคนอื่นดูแลน่ะ..ฮ่าๆ”
“นั่นวิเศษมาก! ..ฉันเองก็อยากจะเกษียณและวางมือก่อนเวลาอยู่เหมือนกัน..แต่พวกลูกๆ ของฉันนี่สิไม่เป็นไปตามที่ฉันคาดหวังเลยสักคน..ฉันกังวลมาก” เซี่ยตงไป่พูด
“ขอบคุณครับพี่ใหญ่..ก็ลองให้พวกเขาสืบทอดแก๊งดูสิ..คนเราจะไม่เติบโตถ้าหากเราไม่มีประสบการณ์ตรง” เย่เชียนพูด
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน..แต่พวกเด็กๆ ไม่เต็มใจนี่สิ” เซี่ยตงไป่พูด “ลูกชายคนโตก็ไปอยู่อังกฤษเพื่อไปลงทุนทางการเงิน..ส่วนลูกชายคนรองก็เปิดบริษัทของตัวเอง..ส่วนลูกชายคนที่สามก็เอาแต่ใจและไปเป็นดาราอยู่ในวงการบันเทิง..มีเพียงลูกสาวของฉันคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างฉันมาโดยตลอดและคอยช่วยเหลือฉันมาตั้งแต่เธอเด็กๆ ..แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงน่ะสิ”
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปนะพี่ใหญ่..คุณอายุตั้งเท่านี้แล้วแต่ทำไมคุณถึงยังคิดว่าผู้ชายจะเป็นใหญ่อยู่เสมอล่ะ..อย่าดูถูกผู้หญิงสิ..บางครั้งผู้หญิงก็แข็งแกร่งกว่าผู้ชายมากเลยนะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องของครอบครัวของเซี่ยตงไป่เอง ดังนั้นเย่เชียนจึงพูดได้เพียงไม่กี่คำในฐานะคนนอกและมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะพูดมากเกินไป
“เรื่องนี้ฉันก็รู้ดี..เพราะถ้าหากว่าสักวันหนึ่งฉันตายไปล่ะก็แก๊งฝูชิงก็จะอยู่ในการดูแลของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ..แต่ฉันก็เชื่อว่าเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงที่สามารถรักษามันเอาไว้ได้เป็นอย่างดี..ฉันน่ะไม่คาดหวังอะไรกับเจ้าพวกลูกชายเหล่านั้นแล้ว” เซี่ยตงไป่พูด “โอ้! ..ฉันพูดมากแบบนี้ได้ยังไงกัน..น้องเย่คงจะเหนื่อยมากหลังจากนั่งเครื่องบินมาเป็นเวลานาน..มาๆ ..ฉันจะพาไปนวดคลายเส้นสักหน่อยก็แล้วกัน..พนักงานสาวๆ ของเราน่ะชำนาญมากเลยนะ..ฮ่าๆ ..แต่ไม่ต้องกลัวพวกเธอหรอก..เพราะพวกเธอน่ะเป็นหมอนวดมืออาชีพ”
“ได้เลย! ..พูดตามตรงนะผมนั่งมาตลอดทั้งวันแล้วและผมก็ปวดเมื่อยและเหนื่อยมากเลย” เย่เชียนพูด
ในค่ำคืนนั้นเซี่ยตงไป่ได้ให้ความผ่อนคลายแก่เย่เชียนและให้ความบังเทิงแก่ชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยอย่างมาก ส่วนม่อหลงในเวลานี้ก็กลับมาแล้วและทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วเช่นกัน เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเพราะเย่เชียนนั้นเชื่อมั่นในความสามารถของม่อหลงในการทำสิ่งต่างๆ มาโดยตลอด เพราะชายหนุ่มผู้นี้นั้นมีความมั่นคงและความมุ่งมั่นมากกว่าเด็กหนุ่มอย่างชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยมาก ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่เย่เชียนนั้นไม่ได้ส่งชิงเฟิงไปทำสิ่งต่างๆ
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์และการแสดงออกของเขาแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขาทำให้หญิงสาวชาวญี่ปุ่นพึงพอใจไปกับเขาอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเทียบผู้ชายชาวจีนกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นแล้วผู้ชายจีนนั้นมีสมรรถภาพและกำลังวังชามากกว่าผู้ชายญี่ปุ่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว
มื้ออาหารค่ำนั้นจัดอยู่ในโรงแรมภายใต้แก๊งฝูชิงซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารจีนต้นตำรับและมีเซี่ยตงไป่กับโย่วซวนไปกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไมได้อลังการหรือใหญ่โตอะไรมากมายเพราะนี่คือสิ่งที่เย่เชียนขอเอาไว้เพราะครั้งนี้ที่เขามาเยือนที่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงต้องเป็นความลับและเย่เชียนก็ไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะมากเกินไป ไม่เช่นนั้นองค์กรดาร์คลิลลี่และพวกยากูซ่ายามากุจิก็ไหวตัวทันและสิ่งต่างๆ ก็จะยิ่งลำบากขึ้นมาก
หลังอาหารค่ำเซี่ยตงไป่จัดให้พวกเขาไปพักที่โรงแรมที่เดียวกับภัตตาคารนั้นและเนื่องจากพวกเขาอยู่บนเครื่องบินมาเป็นเวลานานและไม่ได้พักผ่อนเลยเซี่ยตงไป่จึงไม่ไปรบกวนพวกเขาในตอนกลางคืน มาสี่คนและห้องพักก็สี่ห้องซึ่งหลังจากอาบน้ำล้างตัวกันเสร็จแล้วเย่เชียนก็เรียกม่อหลงและชิงเฟิงมาที่ห้องของเขา
ไม่ใช่ว่าเย่เชียนนั้นไม่เชื่อในตัวของหวงฟู่เส้าเจี๋ยแต่เพราะว่าผู้ชายคนนี้มีตัวตนที่พิเศษและท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงมีสถานะเป็นทหารของกองทัพจีนและถ้าหากว่าเขามาก่อเหตุหรือสร้างปัญหาต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นล่ะก็มันอาจจะเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศได้เลย และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็กำลังมีความสุขและผ่อนคลายไปกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนเตียงและทั้งคู่นั้นต่างก็ไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกันจึงทำให้เกิดความเร่าร้อนที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้
ทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ห้องของเย่เชียนซึ่งเย่เชียนั้นก็คีบบุหรี่ใส่ปากแล้วจุดไฟจากนั้นก็ค่อยๆ พูดว่า “พี่ม่อหลง..ไปติดต่อกับเธอหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้ว..ฉันฝากโค้ดและรหัสลับเอาไว้ตามที่พี่สาวหลันบอกแล้ว..เดี๋ยวเธอก็จะมาหาเราเองเมื่อเธอเห็นมัน” ม่อหลงพูด
ชิงเฟิงถามอย่างเชื่องช้าและงุนงง “บอสกำลังพูดถึงอะไรหรอ..ผมไม่เข้าใจเลยสักคำ”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “มาๆ นั่งดื่มชารอกันไปก่อนเถอะ”
เมื่อสิ้นเสียงพูดการแสดงออกและปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งสามก็รุนแรงขึ้นและพวกเขาก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและพวกเขาทั้งสามก็สัมผัสได้เป็นอย่างดีว่ากำลังมีกลิ่นอายแห่งการนองเลือดและจิตสังหารที่พลั่งพลูที่แข็งแกร่งอย่างมากอยู่รอบๆ และกำลังค่อยๆ จะใกล้เข้ามา ซึ่งชิงเฟิงนั้นก็เตรียมตัวอย่างกระตือรือร้นอย่างมาก
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และชูมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า “นั่งลงเถอะ!”
ชิงเฟิงจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและงุนงงอย่างมากจากนั้นเขาก็นั่งลงอย่างช้าๆ จู่ๆ ในทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางด้านนอกหน้าต่างและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเธอก็แสดงความเคารพและตะโกนว่า “สวัสดีค่ะคุณเย่!”
ในขณะนี้ดวงตาของชิงเฟิงก็เบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว สำหรับชิงเฟิงในตอนนี้นั้นเขากล้าสาบานเลยว่าเธอผู้นี้คือผู้หญิงที่งดงามและสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตนี้ “อ้อ..เชิญนั่งก่อนครับ!” ชิงเฟิงรีบลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบและพูดอย่างไพเราะ
หญิงสาวคนนั้นก็เหลือบมองชิงเฟิงด้วยความเฉยเมยและเย็นชาหลังจากนั้นเธอก็หันกลับไปโดยไม่แยแสชิงเฟิงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงก็ถึงกับผงะและแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย แต่เด็กคนนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้และยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่ ส่วนเย่เชียนกับม่อหลงที่เห็นการแสดงออกของชิงเฟิงแล้วพวกเขาทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและยิ้มให้กัน จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณนากาจิมะ..มานั่งลงก่อนสิ!”
“ขอบคุณค่ะ!” นากาจิมะชินนะเดินอ้อมไปที่อีกด้านของชิงเฟิงเพื่อนั่งลง แต่ชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยและเดินย้ายไปนั่งข้างๆ นากาจิมะชินนะ
“คุณนากาจิมะ..ผมต้องขอรบกวนคุณด้วยที่ต้องลำบากขนาดนี้..เอาล่ะ..เรามาคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้กันเถอะ!” เย่เชียน
“เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อนสิ!” ชิงเฟิงพูดอย่างร้อนรน “บอส! ..ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร..ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นเธอมาก่อนล่ะ”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ และพูดแนะนำว่า “นี่คือคุณนากาจิมะชินนะ..น้องสาวของพี่หลัน..เธอคือนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่แต่ตอนนี้เธอเป็นสายของเรา..เอ่อ..คุณนากาจิมะครับนี่คือพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของผม..ม่อหลงและชิงเฟิง” หลังจากนั้นเย่เชียนก็ชี้ไปที่ชิงเฟิงและพูดว่า “ถึงเขาจะบุ่มบ่ามและหยาบคายไปหน่อยก็เถอะ..แต่เขาก็เป็นคนดีมากเลยนะ”
“อ้อ..คุณนากาจิมะชินนะสวัสดีครับ..ผมชิงเฟิงมีฉายาและรหัสว่าหมาป่าแห่งพายุในเขี้ยวหมาป่า..ถือเป็นเกียรติสำหรับผมมากที่ได้พบคุณในวันนี้” ชิงเฟิงถือโอกาสนี้จากการสนับสนุนของเย่เชียนเขาจึงลุกขึ้นและยื่นมือออกไปพร้อมพูด
นากาจิมะชินนะเหลือบมองชิงเฟิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันรู้จักคุณค่ะ..คุณคือคนที่ชอบทำอะไรเกินตัวเพียงเพื่อความสนุกสนานใช่มั้ยล่ะคะ”
ชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ส่วนเย่เชียนกับม่อหลงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกันเบาๆ ชิงเฟิงรีบเก็บมือของเขากลับไปด้วยความลำบากใจและพูดว่า “อันที่จริงมันคือการเข้าใจผิด..มันต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ..จริงๆ แล้วผมน่ะตื่นตัวและระวังตัวและอยู่ตลอดเวลาและรอบคอบอยู่เสมอ..ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ให้ผมคอยดูแลคุณสิ..ผมรับปากเลยว่าผมจะดูแลคุณอย่างดีและทุ่มเทให้คุณด้วยใจ”
“ไม่จำเป็น!” นากาจิมะชินนะหันหน้ากลับไปและไม่สนใจชิงเฟิงอีกต่อไป ส่วนชิงเฟิงก็ยักไหล่และนั่งลงข้างๆ เธอด้วยดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองเธอโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเพราะดูเหมือนว่ามันจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าชิงเฟิงจะหลงใหลและหลงรักและตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้ไปอย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น หลังจากที่เงียบกันไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “คุณนากาจิมะครับ..รบกวนคุณช่วยบอกสิ่งที่คุณรู้มาอย่างละเอียดที”
“สำนักงานใหญ่ของดาร์คลิลลี่นั้นตั้งอยู่ในสโมสรน้ำพุร้อนและเบื้องหน้านั้นเป็นสโมสรธรรมดาๆ ที่มีแขกจำนวนมากและเป็นที่นิยมของหลายๆ คน..แต่มันก็เต็มไปด้วยสิ่งผิดกฎหมาย..ถ้าหากพวกคุณต้องการที่จะโจมตีล่ะก็มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโจมตีด้วยกองกำลังทั้งหมด..ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นก็มีลูกค้าอยู่จำนวนมากในทุกๆ วัน..และพวกเขาก็เป็นคนธรรมดาถ้าพวกคุณบุกเข้าไปแบบนั้นสิ่งต่างๆ อาจจะถูกรัฐบาลจับจ้องก็เป็นได้” นากาจิมะชินนะพูดต่อ “แต่ถ้าคุณต้องการที่จะโจมตีจริงๆ ล่ะก็..ภายในสามวันนี้มันเป็นโอกาสที่ดีและเหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่นากาจิมะชินนะพูดแล้วเย่เชียนก็คิดว่ามันค่อนข้างที่จะลำบากเพราะการรับมือกับองค์กรนักฆ่าลึกลับนั้นยากยิ่งกว่าการรับมือกับแก๊งมาเฟียเป็นไหนๆ ประการแรกคือพวกเขาก็ไม่คุ้นเคยกับบุคคลภายในองค์กรดาร์คลิลลี่และก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอเลย ส่วนประการที่สองก็คือสำนักงานใหญ่ขององค์กรนักฆ่าเหล่านี้นั้นมักจะลึกลับและไม่ใช่ทุกที่จะสามารถทำความเข้าใจได้ และถ้าหากไม่ใช่นากาจิมะชินนะแล้วล่ะก็ถึงแม้จะเป็นเย่เชียนกับคนอื่นๆ ก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็คงจะไม่พบที่ตั้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรดาร์คลิลลี่อย่างแน่นอน
นากาจิมะชินนะกับซ่งหลันนั้นเป็นดั่งพี่น้องกันและการที่ซ่งหลันสามารถหนีออกมาจากองค์กรดาร์คลิลลี่ได้อย่างง่ายดายในตอนนั้นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของนากาจิมะชินนะคนนี้ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นนากาจิมะชินนะก็ยังเป็นสายลับของซ่งหลันมาตลอดโดยมักจะแอบช่วยซ่งหลันในเรื่องการตรวจสอบการเคลื่อนไหวขององค์กรดาร์คลิลลี่ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เย่เชียนได้รู้ว่าครั้งนั้นใครแอบตามฉินหยู ซึ่งเป็นเหตุผลที่ซ่งหลันสามารถระบุได้ว่าคนที่สะกดรอยตามในครั้งนั้นเป็นคนขององค์กรดาร์คลิลลี่
อย่างไรก็ตามนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่นั้นก็ฉลาดและจมูกไวมากเช่นกัน ดังนั้นซ่งหลันจึงไม่ค่อยได้พบกับนากาจิมะชินนะมากนักและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของพวกเธอก็จำกัดเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อความกันผ่านรหัสและโค้ดลับเพียงเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นเย่เชียนบอกให้ม่อหลงไปทิ้งรหัสและโค้ดลับเอาไว้และมื่อนากาจิมะชินนะเห็นเธอจึงรีบมาหา
“โว้วๆ ..ดูเหมือนท่านเทพจะทรงโปรด..เหมือนฟ้าจะเป็นใจ..ถ้างั้นคุณนากาจิมะช่วยบอกผมเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ทีครับ” เย่เชียนพูดต่อ “ยิ่งมีรายละเอียดเจาะลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น..ถ้าพวกเราไม่สามารถจบได้ภายในครั้งเดียวล่ะก็..ผมเกรงว่าเราจะไม่มีโอกาสอีก..และโอกาสดีๆ เช่นนี้ก็ไม่ได้มาง่ายๆ ..และบางทีเรื่องนี้อาจจะเปิดเผยตัวตนสายลับของคุณนากาจิมะเลยด้วยซ้ำ”
.
.
.
.
.
.
.