ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 326 ความหยิ่งผยองของหลินยี่
ตอนที่ 326 ความหยิ่งผยองของหลินยี่
เสี่ยวจู้โหลวนั้นในความเป็นจริงแล้วมันสโมสรเพื่อความบันเทิงคล้ายๆ คาสิโนนั่นเองซึ่งเมื่อเย่เชียนมองเข้าไปแล้วเขาก็ถึงกับผงะไปเพราะเมื่อตอนที่เขาได้ยินชื่อเสี่ยวจู้โหลวก่อนหน้านี้เขาก็คิดแค่ว่ามันจะต้องเป็นเพียงภัตตาคารหรือโรงน้ำชาเพียงเท่านั้นซึ่งเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นเหมือนคาสิโนถึงขนาดนี้
หลังจากลงจากรถแล้วเย่เชียนก็จับมือหลินโรวโร่วแล้วเดินเข้าไปข้างในซึ่งชั้นหนึ่งนั้นเป็นห้องล็อบบี้และบาร์ที่มีเหล่าผู้คนพูดคุยและหัวเราะกันทั่วๆ ไปและหลินยี่เองก็อยู่ในห้องนั้นด้วย
เมื่อเห็นเย่เชียนกับหลินโรวโร่วเข้ามาหลินยี่ก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ทำไมล่ะ..นี่แกกลัวถึงขนาดพาพี่สาวของฉันมาด้วยเลยเหรอ..อย่าคิดว่าเธออยู่ที่นี่แล้วฉันจะไม่กล้า”
เมื่อเห็นหลินโรวโร่วที่กำลังโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเย่เชียนก็คว้าแขนเธอเอาไว้และยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “พี่สาวของนายก็แค่มาดูเฉยๆ ..เธอจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา” หลังจากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่เหล่าอันธพาลประมาณหนึ่งโหลหรืออาจจะมากกว่านั้นที่กำลังเล่นสนุกเกอร์กันอยู่และเย่เชียนก็พูดว่า “พวกนี้เหรอพรรคพวกของนาย..ดูๆ แล้วก็มีแต่เด็กน้อยทั้งนั้นเลยหนิ..แล้วนายยังกล้าเรียกพรรคพวกอยู่อีกเหรอ?”
“ไอ้เวรนี่แกพูดถึงใครวะ” เมื่อเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วพวกเขาก็พากันล้อมรอบเย่เชียนเอาไว้และเด็กหนุ่มผมยาวก็เดินเข้ามาหาเย่เชียนและพูดอย่างเย้ยหยันและหยิ่งผยอง
“ก็พวกเอ็งไงล่ะ” เย่เชียนถีบเด็กหนุ่มคนนั้นทันทีที่เขาพูดจบ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดถึงเหตุผลกับเด็กหนุ่มเหล่านี้ ดังนั้นก็ควรจะแสดงออกและตอบด้วยการกระทำเลยจะดีกว่า ซึ่งด้วยการถีบตรงๆ แล้วนั้นเด็กหนุ่มคนนั้นก็กระเด็นออกไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ใดๆ
“แม่งเอ๊ย..แกกล้าถีบฉันเหรอ!” เด็กผมยาวพูดขณะที่กุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้
“ก็พวกเอ็งจะมารุมฉันไม่ใช่เหรอ” เย่เชียนพูดอย่างเย้ยหยัน “เพราะงั้นฉันก็เลยเปิดก่อนไงล่ะ..ก็ดี..ฉันจะได้จัดการพวกเอ็งทั้งหมดพร้อมๆ กัน”
“เฮ้ย! ..นี่พวกแกยืนทำบ้าอะไรกันอยู่วะ..รับจัดการมันสิ! ..เดี๋ยวฉันจะเข้าไปรอข้างใน” หลินยี่พูด
“ไม่ได้ยินที่นายน้อยยี่พูดกันรึไงวะ..ไปจัดการมันสิ..ฝากในส่วนของฉันด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มผมยาวพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นยืนและตะโกนบอกเหล่าเพื่อนๆ ของเขา”
เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นก็ไม่ลังเลใดๆ อีกต่อไปและก็รีบพุ่งเข้าหาเย่เชียนทีละคนๆ ซึ่งการจัดการกับเหล่าอันธพาลเหล่านี้แล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับหลินยี่และเย่เชียนนั้นก็แข็งแกร่งกว่ามาก การที่หลินยี่มาพัวพันและเกี่ยวข้องกับเหล่าอันธพาลเหล่านี้ได้นั้นก็ค่อนข้างที่จะแปลกประหลาดเล็กน้อย ในขณะนี้ก็มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องและหลังจากนั้นภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเหล่าอันธพาลหลายสิบคนก็นอนกองกันอยู่บนพื้นพร้อมกับร้องโอดครวญกันไม่หยุดและเหลือเพียงแค่หลินยี่เพียงเท่านั้นที่กำลังตื่นตระหนกตกใจอยู่และเด็กหนุ่มผมยาวที่สั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว
เย่เชียนก็ปรบมือและพูดว่า “ลุกขึ้นมาสิวะ..อย่ามาทำสำออย”
เด็กหนุ่มผมยาวก็สั่นไปทั้งตัวภายใต้ดวงตาที่แหลมคมของเย่เชียนหลังจากนั้นเด็กหนุ่มผมยาวก็หยิบไม้สนุกเกอร์ขึ้นมาและพุ่งเข้าหาเย่เชียนแต่ก็ถูกเย่เชียนถีบกลับไปอีกครั้งและมีเสียง “กรึก” ทันใดนั้นไม้สนุกเกอร์ก็หักและเด็กหนุ่มผมยาวก็กระเด็นไปชนกำแพงอย่างรุนแรง
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้แยแสหลินยี่แต่อย่างใดเขาเพียงเดินตรงไปที่เด็กหนุ่มผมยาวและนั่งยองๆ พร้อมกับตบแก้มของเด็กหนุ่มผมยาวเบาๆ แล้วพูดว่า “ไหนพูดมาซิว่าพวกเอ็งเป็นใคร”
เด็กหนุ่มผมยาวก็ตัวสั่นและพูดว่า “ฉัน…ฉันเป็นลูกน้องของพี่ไห่”
“แล้วพี่ไห่ของเอ็งน่ะมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ..ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยล่ะ” เย่เชียนพูดและยิ้มเยาะ
“ใน..ในเมืองหางโจวพี่ไห่มีอิทธิพลมากที่สุดแล้ว..ฉันเตือนแกเลยนะว่าแกอย่ามาเกรี้ยวกราดแถวนี้..ไม่..ไม่อย่างนั้นฉันพูดได้เลยว่าแกจะไม่สามารถมีชีวิตรอดออกจากเมืองหางโจวไปได้อย่างแน่นอน” ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มผมยาวจะกระวนกระวายและหวาดกลัวมากก็ตามแต่ด้วยชื่อของหัวหน้าของเขาแล้วเขาก็สามารถรวบรวมความกล้าที่จะพูดได้โดยหวังว่าสิ่งนี้จะสามารถทำให้เย่เชียนเกรงกลัวได้
“แล้วเขาคนนั้นยิ่งใหญ่กว่าราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงอีกเหรอ?” เย่เชียนยังคงถามต่อ
“ไม่ๆ ..ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน..แกไม่สามารถไปเปรียบเทียบพวกเขาได้..เพราะราชาแห่งขุนเขาน่ะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหางโจวของเราแล้ว” เด็กหนุ่มผมยาวพูด
“เหอะ!” เย่เชียนตบหน้าเด็กหนุ่มผมยาวและหัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะไอ้เด็กน้อย..ราชาแห่งขุนเขาน่ะยังต้องก้มหัวให้ฉันเลยแล้วเด็กๆ อย่างพวกเอ็งกล้าที่จะผยองกับฉันงั้นเหรอ!” จากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่เหล่าอันธพาลที่กำลังนอนโอดครวญกันอยู่บนพื้นและพูดว่า “พวกเอ็งฟังให้ดีนะ..หลินยี่เป็นน้องชายภรรยาของฉัน..แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกว่าพวกเอ็งจะทำอะไรกันจะรวมกลุ่มกันสร้างปัญหาอะไรก็เถอะฉันไม่สนใจหรอก..แต่ถ้าพวกเอ็งกล้าทำอะไรเขาล่ะก็ฉันจะส่งพวกเอ็งไปรับใช้ราชาแห่งขุนเขาถึงนรกเลยคอยดูก็แล้วกัน..ได้ยินมั้ย?”
เด็กหนุ่มและอันธพาลเหล่านั้นไม่กล้าแม้แต่จะพูดพวกเขาเพียงพยักหน้ากันอย่างหวาดระแวงและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังแต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาในตอนนี้ซึ่งพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น และเหตุผลที่เย่เชียนยังปล่อยให้พวกเขาอยู่กับหลินยี่นั้นก็เพราะว่าอย่างแรกเขากลัวว่าหลินยี่จะต่อต้านและดื้อรั้นมากกว่าเดิมอย่างที่สองนั้นถึงแม้ว่าหลินยี่จะอยู่กับแก๊งเหล่านี้ก็ตามถึงยังไงมันก็ยังดีที่เขาจะได้สามารถมีความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และลูกหลานของผู้มีอิทธิพลได้
“ไปซะ!” เย่เชียนตวาดและเหล่าเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นก็พยายามที่จะลุกขึ้นและพยักหน้าจากนั้นก็วิ่งหนีกันไปอย่างรวดเร็ว
เย่เชียนก็หันกลับมาและเดินไปข้างๆ หลินยี่และพูดว่า “เป็นไง? ..พอใจรึยัง?”
หลินยี่ก็พูดว่า “ไม่! ..ก็แค่ต่อสู้เก่งเท่านั้น..อย่างน้อยๆ ก็เหมือนอันธพาลธรรมดาๆ แค่นั้นเอง”
“ก็นะ!” เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นนายอยากจะให้ฉันพิสูจน์อะไรยังไงบ้างล่ะ? ..เดี๋ยวจัดให้เลย..ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันเองก็หัวดื้อเหมือนกัน..เพราะถ้านายไม่เรียกฉันว่าพี่เขยล่ะก็ฉันจะไม่ออกไปจากเมืองหางโจวแน่”
“ก็ได้ๆ ..ถ้าแกไปเกลี้ยกล่อมแม่ของฉันและลุงกับป้าให้พวกเขาอนุญาตให้ฉันแต่งงานกับหลี่ลู่หลานได้ล่ะก็..ฉันจะเรียกแกว่าพี่เขยเลยและจำทะตัวดีๆ และเชื่อฟัง” หลินยี่พูดอย่างกระตือรือร้น
“หลินยี่! ..นี่นายยังไม่เลิกคิดเรื่องนั้นอีกเหรอ..นายรู้มั้ยว่าถ้านายแต่งงานกับดาราสาวคนนั้นน่ะมันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของนายมากแค่ไหนนายรู้บ้างมั้ยเนี่ย?” หลินโรวโร่วเดินเข้ามาและพูดด้วยความโกรธและไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“พี่โรวโร่วเองก็เหมือนกันนั่นแหละ..พี่เองก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง..ตอนแรกลุงกับป้าก็ขอให้พี่แต่งงานกับเฉินเซิงแต่พี่ก็ไม่ยอมและหนีไปเมืองเซี่ยงไฮ้คนเดียวน่ะ!” หลินยี่พูดเสียงแข็ง
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย..นี่ก็เพื่อตัวของนายเองนะ” หลินโรวโร่วพูด
“ทำไมมันจะไม่เหมือนกันล่ะ..ก็ผมอยากจะแต่งงานกับเธอหนิ” หลินยี่พูดอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นหลินโรวโร่วโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้งเย่เชียนก็รีบคว้าตัวเธอเอาไว้และยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “หลินยี่..ฉันขอถามนายหน่อยน่ะว่าเธอคนนั้นอยากที่จะแต่งงานกับนายบ้างหรือเปล่า? ..นายไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่มั้ย?”
“เธอ…เธอ…แน่นอนสิเธอต้องรักฉันอยู่แล้ว..เรายังไปช้อปปิ้งกันและกินข้าวด้วยกันเลย” หลินยี่พูดอย่างประหม่า “ถึงแม้ว่าเราสองคนจะยังไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กันอย่างเป็นทางการและยังไม่ได้มีอะไรกันก็เถอะ..แต่ฉันก็รู้ว่าเธอน่ะรักฉัน”
เมื่อเห็นท่าทีและการแสดงออกของหลินยี่แบบนี้แล้วเย่เชียนก็มั่นใจ 100% แล้วว่าหลี่ลู่หลานนั้นไม่ได้รักหลินยี่เลย ซึ่งเย่เชียนเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหลี่ลู่หลานมาบ้างซึ่งเธอนั้นเป็นดาวเด่นของประเทศจีนและเธอก็สามารถมีอัลบั้มเพลงได้ภายในไม่กี่ปีหลังจากที่เธอเดบิวต์เข้าวงการซึ่งเธอนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและมีแฟนคลับและผู้ติดตามมากมาย ซึ่งการที่จะมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงได้นั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการสนับสนุนจากผู้คนดังนั้นหลี่ลู่หลานก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และกฎระเบียบที่เข้มงวดของต้นสังกัดที่เธออยู่ซึ่งเรื่องนี้เย่เชียนเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นเช่นไร และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอก็อยู่ในช่วงที่รุ่งโรจน์และกำลังมีชื่อเสียงอย่างมากและประสบความสำเร็จในอาชีพได้อย่างรวดเร็วและเมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะยอมลาวงการเพื่อมาแต่งงานได้อย่างไร?
“การที่นายให้ฉันไปช่วยคุยกับลุงและป้าและแม่ของนายเพื่อให้พวกเขายินยอมให้นายไปแต่งงานกับหลี่ลู่หลานน่ะมันเป็นไปไมได้หรอก..แต่ฉันรับรองได้เลยว่าพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนายกับเธออย่างแน่นอน..ฉันคิดว่านะตอนนี้พวกนายน่ะก็คบหาดูใจกันไปก่อนเถอะ…อย่าเพิ่งไปคิดอะไรเยอะเลย..แล้วตอนนี้นายทำอะไรเป็นบ้างล่ะ? ..นายยังอาศัยลุงกับป้าและแม่ของนายอยู่เลย..และนายยังคิดที่จะทิ้งโอกาสที่ดีสำหรับนายเพื่อไปแต่งงานเนี่ยนะ..นายซักผ้าและทำอาหารเป็นงั้นเหรอ? ..นายมีเงินมากพอที่จะไปเที่ยวและใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายหรือเปล่า? ..เพราะถ้านายแต่งงานแล้วนายก็มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว…และนายก็จะไม่สามารถแบมือขอเงินใครได้อีก” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้างั้นมาเดิมพันกันมั้ยล่ะ?”
“เดิมพันอะไร?” หลินยี่กล่าว
“เดิมพันกับหลี่ลู่หลาน!” เย่เชียนพูด
“ห๊ะ! ..จะไปเดิมพันอะไรกับเธอ..อย่าบอกนะว่าแกก็แอบชอบเธออยู่เหมือนกัน?” หลินยี่พูด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “โถ่เอ๊ย..ฉันมีพี่สาวของนายอยู่แล้ว..พวกดาราสาวๆ เหล่านั้นน่ะก็เป็นได้แค่ลูกแกะน้อยต่อหน้าพี่สาวของนาย..เอาเถอะ..ฉันขอถามนายก่อนว่านายชอบเธอเพราะอะไร? ..เพราะเธอสวย? ..เพราะเธอมีชื่อเสียงหรือเพราะเธอมีเสน่ห์จริงๆ?”
“เอ่อ…คือ…” หลินยี่ลังเลอยู่สองสามครั้งแต่เขาก็คิดไม่ออกว่าเขาชอบเธอเพราะอะไรกันแน่หรือว่าเป็นเพราะเธอสวย? แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นหรือว่าเพราะเธอมีชื่อเสียง? มันก็ไม่ใช่อีกหรือจะเป็นเพราะว่าเธอร้องเพลงได้ดีและไพเราะ? แต่คิดยังไงก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ทั้งหมดเลย “ฉัน…ฉันชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ!” หลินยี่พูดอย่างจริงจัง
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ชอบหรือรักหลี่ลู่หลานอย่างลึกซึ้งเลยแต่มันเป็นเพียงแค่ความหลงใหลและความหลงงมงายในไอดอลของตัวเองแบบนั้น หลังจากที่เงียบไปสักพักเย่เชียนก็พูดว่า “ก็ตามนั้น..รอฉันเจอกับหลี่ลู่หลานก่อนก็แล้วกัน..เพื่อให้แน่ใจว่าเธอคู่ควรกับความรักของนายหรือเปล่า..มาเดิมพันกันมั้ยล่ะว่าเธอจะชอบหรือรักนายจริงๆ เหมือนที่นายพูดหรือเปล่า..จะเอายังไง?”
“เธอเป็นดาราและบุคคลสาธารณะเลยนะ..ถ้านายถามเธอในที่สาธารณะเธอก็จะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน..เพราะเรื่องนี้มันไม่ดีต่ออนาคตของเธอ” หลินยี่พูด
“ไม่ต้องกังวลไป..เดี๋ยวฉันจะนัดเธอมาเป็นการส่วนตัว” เย่เชียนพูด
“ไม่ต้องถึงกับถามหรอก..นายจะได้เจอเธอหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” หลินยี่พูดอย่างเย้ยหยัน
“ไม่ต้องสนใจหรอก..ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน..ดารานักร้องน่ะเหรอ? ..เหอะๆ ฉันแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวพวกเธอก็วิ่งกันมาหาฉันแล้ว!”
“อย่ามาขี้โม้หน่อยเลย” หลินยี่พูด “เอาเถอะ..ถ้านายอยากถามก็ถามไปเถอะ..แต่ฉันไม่รับประกันว่าเธอจะตอบหรือเปล่านะ”
เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ..ฉันแค่อยากจะยืนยันว่าเธอเป็นคนแบบไหนก็แค่นั้น..แล้วเราค่อยมาเดิมพันกัน”
“ก็แล้วแต่นายนะ” หลินยี่พูด
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ก็ตามนั้น..แต่นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่านายจะไม่สร้างปัญหาในเวลานี้และทำทุกอย่างที่นายควรจะทำไปก่อน” หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันไปและจับมือของหลินโรวโร่วและพูดว่า “ป่ะ..ไปกันเถอะ!”
หลินโรวโร่วก็หันไปเหลือบมองหลินยี่จากนั้นเธอก็หันกลัยไปและเดินออกไปพร้อมกับเย่เชียน เมื่อถึงหน้าประตูหลินโรวโร่วก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เย่เชียนคุณจะทำอะไรหรอ..อย่าบอกนะว่าคุณต้องการรู้ความจริงว่าหลี่ลู่หลานนั้นรักหลินยี่จริงๆ หรือเปล่าน่ะ?”
เย่เชียนก็ถามกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมล่ะ…คุณหึงหรอ?”
“ใช่! ..ก็คุณทั้งหล่อทั้งเก่งขนาดนี้..ถ้าเธอเห็นคุณเธอต้องตกหลุมรักคุณแน่นอน!” หลินโรวโร่วพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยโง่..ถึงเธอจะมาชอบผมแต่ผมก็ไม่ได้ชอบเธอสักหน่อยหนิ”
.
.
.
.
.
.
.