ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 334 การทดสอบทักษะการต่อสู้
ตอนที่ 334 การทดสอบทักษะการต่อสู้
ทันทีที่รอยสักหัวหมาป่าปรากฏขึ้นทุกคนก็ประหลาดใจอย่างมากเพราะนี่เป็นรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์ของเขี้ยวหมาป่าซึ่งแต่พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะรอยสักของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่านั้นจะอยู่ที่แขนแต่ทว่าของเย่เชียนกลับอยู่ที่หน้าอก ซึ่งรอยสักหัวหมาป่าของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่านั้นจะเป็นสีน้ำเงินแต่รอยสักหัวหมาป่าของเย่เชียนนั้นเป็นสีแดงเลือดและดูน่าเกรงขามและดูดุดันกว่ามาก
“นี่ครูฝึกเย่เคยเป็นสมาชิกของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าด้วยเหรอ?” กู๋เจ้อหมิงอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ไม่ใช่ๆ ..แต่ผมมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของคุณก็แล้วกัน..เอาล่ะๆ เหอเป่า..เดิมพันด้วยไก่ทอดนะ”
เมื่อเย่เชียนพูดจบกู๋เจ้อหมิงก็สั่งให้คนอื่นๆ ออกจากพื้นที่ตรงกลางและสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ร่างของเย่เชียนโดยต้องการจะดูว่าเย่เชียนจะเอาชนะนักสู้ที่เก่งที่สุดของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าได้อย่างไรในการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างที่เย่เชียนลั่นวาจาเอาไว้ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
เหอเป่าก็เอามือทั้งสองข้างมาประกบกันและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อฝ่ายตรงข้ามหลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาเย่เชียนซึ่งเย่เชียนนั้นก็ย่อตัวลงและเอาเท้าของเขายันพื้นเอาไว้หลังจากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงของพื้นปูนแตกได้อย่างชัดเจนและเมื่อพวกเขามองไปที่พื้นแล้วพวกเขาก็พบว่าพื้นใต้เท้าของเย่เชียนนั้นมันแตกละเอียดแยกออกจากกันเลย
เหอเป่าก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและหลังจากนั้นเขาก็หยุดชะงักไปชั่วครู่และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พุ่งไปโจมตีเย่เชียนด้วยมวยเส้าหลินแท้ๆ ที่ทั้วรวดเร็วและทรงพลัง ซึ่งเย่เชียนก็สวนกลับไปด้วยฝ่ามือปาจี๋ที่หนักหน่วงดั่งภูผาไปที่หน้าอกของเหอเป่าอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เพียงแค่ใช้แรงกระแทกของร่างกายเพียงเท่านั้นแต่ยังเพิ่มการเคลื่อนไหวของฝ่ามือของเขาอีกด้วยควบคู่ไปกับแรงส่งของการยันพื้นเอาไว้ ซึ่งเมื่อฝ่ามือของเย่เชียนไปปะทะกับร่างกายของเหอเป่าแล้วมันก็ไปโดยจุดศูนย์กลางของจุดฝังเข็มของเหอเป่าในทันที
นี่เป็นทักษะมวยที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งในการพิชิตศัตรูในคราวเดียว ซึ่งเมื่อเย่เชียนได้ทำลายจุดฝังเข็มของเหอเป่าแล้วมันก็จะทำให้เหอเป่านั้นไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้อีก หากปราศจากเรี่ยวแรงที่จะต่อสู่ได้อีกเช่นนี้นั้นก็ทำให้เหอเป่าก็ถูกโจมตีและกระเด็นออกไปและล้มลงกับพื้นอย่างแรงและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เป็นเวลานาน
‘นี่น่ะเหรอคือการเอาชนะศัตรูในคราวเดียว?’ ทุกก็คนอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้อย่างลับๆ และทุกคนต่างก็มีอาการหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย และถ้าหากใช้ทักษะเช่นนี้กับศัตรูแบบไม่ยั้งมือแล้วล่ะก็ผลลัพธ์มันจะเป็นเช่นไร?
เย่เชียนนั้นเพิ่งจะใช้พลังชี่ของเขาเพื่อปิดผนึกปราณชี่ที่อยู่ในร่างกายของเหอเป่าซึ่งพลังของระเบิดพลังชี่ในครั้งนี้นั้นทรงพลังอย่างมาก หลังจากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและเดินไปที่ด้านข้างของเหอเป่าและใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หลังของเห่อเป่าสองครั้งและในทันใดนั้นเหอเป่าก็ไอออกมาอย่างหนักหน่วงและอ้าปากค้างเพื่อสูดลมหายใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยื่นมือออกไปเพื่อช่วยพยุงเขาขึ้นมาและก็หัวเราะเบาๆ หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “คืนนี้ก็อย่าลืมซะล่ะ..ไก่ทอดน่ะไก่ทอด”
“ครูฝึกเย่! ..นี่คุณเพิ่งใช้มวยปาจี๋กระบวนท่าฝ่ามือแห่งภูผาเหรอครับ? ..คือๆ ผมเคยเห็นมวยปาจี๋มาตั้งเยอะแต่ฝ่ามือภูผาของคุณดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างไปจากต้นตำรับนะ” เหอเป่ายืนเกาหัวตัวเองและพูดด้วยความประหลาดใจ
เสียงปรบมืออย่างกะตือรืนร้นก็ดังกึกก้องไปทั่วสนามซ้อมทันทีและไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉากที่เย่เชียนเพิ่งจะแสดงไปนั้นทำให้ทหารเหล่านี้ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้นกันอย่างมาก
เย่เชียนก็ยกมือขึ้นและเมื่อเสียงปรบมือหยุดลงเขาก็พูดว่า “สำหรับการออกปฏิบัติการเป็นหน่วยเป็นทีมนั้นความสามารถพิเศษในการรบของแต่ละคนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีเพราะแต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว..แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการร่วมมือและความสามัคคีกัน..ผมกล้าที่จะบอกพวกคุณเลยว่าครั้งหนึ่งผมเคยเป็นผู้นำของทีมชุดปฏิบัติพิเศษเพื่อบุกเข้าไปในตำแหน่งฐานบัญชาการของศัตรูและจับตัวผู้บัญชาการของศัตรูมาได้ทั้งที่ยังสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ครบทุกคน..นั่นก็เพราะว่าความสามารถในการทำงานเป็นทีมนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในกองทัพ..แต่ความสามารถพิเศษในการรบเฉพาะบุคคลนั้นเราจะละเลยไม่ได้..ลองคิดดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสหายร่วมรบของพวกคุณเสียสละแทนพวกคุณล่ะ? ..ถ้าสหายของพวกคุณถูกจับไปหรือจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนพลถอยทัพและแยกย้ายกันไปล่ะ? ..เพราะฉะนั้นหลักสูตรพิเศษที่ผมจะรับผิดชอบในการฝึกในวันนี้ก็คือหลักสูตรความสามารถในการรบหรือความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของบุคคลนั้นๆ ..เพื่อดึงประสิทธิภาพในการรบและความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ให้มากที่สุด..ผมจะคอยสังเกตความสามารถของพวกคุณแต่ละคน..ดังนั้นผมจะทดสอบพวกคุณทีละคน..ผมรับรองได้เลยว่าการฝึกในครั้งนี้มันจะทำให้ชีวิตของพวกคุณดีขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตในฐานะทหาร”
หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่เย่เชียนก็เหลือบมองเหล่าทหารและหลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “เอาล่ะ..มีใครที่อยากจะมาประลองกับผมอีกมั้ย..แน่นอนว่าพวกคุณจะเลือกอะไรก็ได้ที่พวกคุณต้องการ..แต่ถ้าใครแพ้ผมล่ะก็..ต้องเป็นไก่ทอดเท่านั้น”
การเดิมพันในครั้งนี้เย่เชียนนั้นทำกำไรได้มากอย่างแน่นอนเพราะถ้าหากใครชนะล่ะก็คนคนนั้นก็จะได้กินน่องไก่ทอดมากกว่าเดิม แต่ถ้าหากใครแพ้ล่ะก็คนคนนั้นก็จะได้กินแค่ข้าวเปล่ากับน้ำซุปที่โรงอาหารเพียงเท่านั้น
“ผมครับ! ..ครูฝึก!” ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นและพูดอย่างมั่นใจ
“ก้าวออกมาได้เลย!” เย่เชียนพูด
ชายหนุ่มคนนั้นก็ก้าวออกมาและวิ่งไปที่ข้างหน้าของเย่เชียนหลังจากนั้นเขาก็คำนับและพูดว่า “ครูฝึกครับ! ..ผมต้องการประลองทักษะความแม่นปืนกับครูฝึกครับ!”
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่กู๋เจ้อหมิงหลังจากนั้นกู๋เจ้อหมิงก็รีบแนะนำว่า “นี่คือสุดยอดมือสไนเปอร์ที่ดีที่สุดของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของเรา!”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และแกล้งถามอย่างติดตลกว่า “คุณไม่กลัวหรอว่าเย็นนี้คุณจะไม่ได้กินไก่ทอด?”
“ครับครูฝึก! ..นั่นก็เพราะว่าผมต้องการไก่ทอดเพิ่มอีกชิ้นยังไงล่ะครับ!” เจิ้งตงพูดอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะถ้างั้นก็ไปที่สนามยิงปืนกันเลย!” เย่เชียนพูดและก็หันกลับมาและหยิบเสื้อโค้ตของเขาใส่และเขาก็มองไปที่กู๋เจ้อหมิงและพูดว่า “เอ่อ..หัวหน้ากู๋ครับ..ผมขอชุดสำหรับฝึกซ้อมหน่อยสิ..ชุดแบบนี้เดี๋ยวมันจะขาดเอาน่ะ?”
กู๋เจ้อหมิงก็ผงะไปเล็กน้อยซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าชายหนุ่มในมาดทหารที่จริงจังเช่นเขานั้นไม่คุ้นเคยต่อวิธีการพูดที่ดูง่ายๆ และสบายๆ ของเย่เชียนเลย “ได้ครับครูฝึก..เดี๋ยวผมจะหยิบมาให้” กู๋เจ้อหมิงพูด
เย่เชียนก็ใช้เวลาไม่นานในการสวมชุดฝึกซ้อมรบลายพรางและก็เดินไปที่สนามยิงปืนพร้อมกับทุกคน ซึ่งทหารคนหนึ่งก็ยื่นปืนสไนเปอร์ไรเฟิลให้เย่เชียนและเย่เชียนก็หยิบมันขึ้นมาและยื่นมือออกไปจับตัวปืนอย่างระมัดระวังหลังจากนั้นก็ถอดชิ้นส่วนแต่ละส่วนออกอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นเขาก็ประกอบมันเข้าไปใหม่อย่างรวดเร็วซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียวและรวดเร็วอย่างมากจนทำให้เหล่าทหารที่เฝ้าดูต่างก็ตกใจ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะเรียนรู้วิธีการถอดและประกอบปืนมาตามหลักสูตรก็ตามแต่ทว่าความเร็วของพวกเขานั้นไม่เร็วเท่าเย่เชียนเลยและเทียบไม่ได้กับเย่เชียนเลยด้วยซ้ำนั่นจึงทำให้พวกเขาตกใจและประหลาดใจอย่างมาก
สมาชิกของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นทุกคนล้วนเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่และพวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญและความสามารถเฉพาะตัวบุคคลในแต่ละคนแตกต่างกันไป ซึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขานั้นทั้งเก่งและชำนาญในด้านต่างๆ โดยเฉพาะและพวกเขาก็เป็นนักรบที่รู้รอบด้านอย่างแท้จริงเช่นกัน ซึ่งในด้านของการต่อสู้นั้นเย่เชียนก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในด้านของการต่อสู้นับตั้งแต่หมาป่าผีไป๋ฮวยออกจากเขี้ยวหมาป่าไป
ณ สนามยิงปืนเย่เชียนและเจิ้งจงก็เตรียมพร้อมกันแล้วซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือระยะของเป้าหมายและความเร็วลมในสนามยิงปืนและความชื้นของอากาศที่จะเป็นตัวทดสอบมือสไนเปอร์นั่นเอง และถึงแม้ว่าตอนนี้ความแรงของกระแสลมจะไม่แรงมากนักก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ยังคงมีผลกระทบต่อวิถีของกระสุนเช่นกัน
ในขณะนี้เย่เชียนและเจิ้งตงนั้นทั้งคู่ก็เริ่มปรับจังหวะการหายใจ
“ปัง! ..ปัง!” กระสุนสองนัดที่ถูกยิงออกไปพร้อมๆ กันของเย่เชียนและเจิ้งตงก็ได้พุ่งเข้าเป้าอย่างแม่นยำ ซึ่งเย่เชียนก็ยกนิ้วชมชยให้กับเจิ้งตงเพราะชายหนุ่มคนนี้มีฝีมือดีมากเพราะเขาสามารถยิงเข้าเป้าในระยะ 400 เมตรท่ามกลางความเร็วลมระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย
“โอ้ครูฝึกครับ! ..คุณจะแพ้ไปทั้งๆ แบบนี้หรอครับ?” เจิ้งตงพูด
ถ้าเป็นม่อหลงล่ะก็เขาก็คงจะทำได้อย่างง่ายดายเพราะม่อหลงนั้นเป็นคนเดียวในเขี้ยวหมาป่าที่สามารถยิงเข้าเป้าได้ในระยะ 600 เมตรภายใต้ความเร็วลมระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาซึ่งมันเป็นสถิติโลกเลยด้วยซ้ำ และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่มีทหารของประเทศใดๆ ที่สามารถทำลายสถิติของม่อหลงลงได้ ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ทำไม่ได้และเขาก็ไม่มั่นใจเลยว่าขนาดในระยะ 500 เมตรภายใต้ความเร็วลมสูงสุดเขาจะทำได้หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงระยะ 600 เมตรเลย
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ถ้างั้นทำไมพวกเราไม่ถอดกล้องสโคปเล็งออกแล้วแข่งกันอีกครั้งไปเลยล่ะ!”
“ห๊ะ! …ถอดสโคปออก?” เจิ้งตงถึงกับผงะไป ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสไนเปอร์จะถอดกล้องสโคปเล็งออกแล้วใช้มันเพื่อยิงเช่นนี้? หรือจะใช้สัมผัสและความรู้สึก? หรือแค่คาดเดาและยิงออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า?
“อะไรกันเนี่ย..คุณไม่กล้าเหรอ?” เย่เชียนยิ้มและพูด
“หืม..ใคร..ใครพูดว่าผมไม่กล้ากันครับ!” เจิ้งตงพูดเสียงแข็ง แต่เขาเองก็ไม่เคยลองถอดกล้องสโคปยิงมาก่อนเลย ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าขาดความมั่นใจอย่างมาก ซึ่งเหล่าทหารของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ข้างหลังที่เห็นว่าพวกเขาทั้งสองกำลังถอดกล้องสโคปเล็งออกเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงพลางคิดกันว่าเป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาต้องการประลองโดยการเล็งด้วยตาเปล่าๆ?
ซึ่งในแง่ของการเล็งสไนเปอร์โดยไร้กล้องสโคปเล็งนั้นเย่เชียนเองก็เคยขอคำแนะนำจากม่อหลงมาอย่างเคร่งครัดเช่นกัน ซึ่งคำพูดของม่อหลงในตอนนั้นก็คือ ‘มนุษย์กับหอกนั้นเป็นหนึ่งเดียวกันโดยอาศัยเพียงสัมผัสต่างๆ และความรู้สึกของตัวมันเองและตัวเราเองก็ต้องมีสมาธิไปกับมัน” ซึ่งม่อหลงในตอนนั้นเขาก็ทำเหมือนปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในนวนิยายอย่างไงอย่างงั้น ซึ่งเย่เชียนเองก็เคยอยากลองมานานแล้วและหลังจากที่ลองลงมือทำแล้วมันก็ได้ผลดีเลยทีเดียว
เย่เชียนก็ตั้งสมาธิอย่างสงบเสงี่ยมและใส่ความนึกคิดของเขาทั้งหมดลงไปในปืนสไนเปอร์ไรเฟิลในมือของเขา ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ในเวลานี้นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยซึ่งมันมีเพียงดวงตาดุจดั่งเหยี่ยวที่มองออกไปในระยะสี่ร้อยเมตรและสามร้อยเมตรและสี่ร้อยเมตรและแล้วก็หนึ่งร้อยเมตร….ซึ่งเป้าหมายนั้นราวกับว่ามันค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และมาอยู่ที่ตรงหน้าของเขาอย่างไงอย่างงั้น
“ปัง! ..ปัง! ..” ด้วยเสียงปืนที่ดังขึ้น 2 นัด กระสุนของเจิ้งตงโดนวงแหวนรอบนอก แต่ของเย่เชียนนั้นโดนตรงกลางเป้าอย่างแม่นยำ ซึ่งเย่เชียนเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจไปกับตัวเองเช่นกันเพราะดูเหมือนเขาจะทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลย และเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากแต่เขาก็ต้องเก็บอาการและการแสดงออกเอาไว้
เจิ้งตงก็เชื่อมั่นและชื่นชมเย่เชียนอย่างสมบูรณ์และเขาก็ยกนิ้วให้เย่เชียนอย่างจริงใจและหลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังออกมาจากด้านหลัง ซึ่งถ้าหากการแข่งขันเหล่านี้เป็นเพียงแค่การหักหน้าพวกเขาก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา หลังจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนและเย่เชียนก็ยิ้มจากนั้นก็ตบไหล่ของเจิ้งตงเบาๆ และพูดว่า “อย่าลืมล่ะ..เย็นนี้น่องไก่ทอดต้องเป็นของผม”
หลังจากนั้นกู๋เจ้อหมิงก็เดินไปหาเย่เชียนและเหล่าทหารทุกคนก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและพูดด้วยความจริงใจว่า “ครูฝึกเย่ครับ! ..พวกผมเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว..และผมก็เชื่อว่าถ้าหากคุณเย่มาข่วยฝึกหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของเราล่ะก็..หน่วยของเราก็จะก้าวหน้าและยิ่งใหญ่และทรงพลังอย่างมากในอนาคตแน่นอนครับ”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและยื่นมือออกมาและพูดว่า “ผมก็หวังว่าเราจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุขนะ..อ้อ..ผมขอพูดเอาไว้ก่อนเลยนะว่า..ไม่ว่าผมจะใช้วิธีอะไรในระหว่างการฝึกพวกคุณก็ไม่สามารถคัดค้านได้..อันที่จริงมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกถ้าพวกคุณคัดค้านน่ะ..เพราะผมไม่ได้เป็นแฟนของพวกคุณ! ..ฮ่าๆ”
กู๋เจ้อหมิงก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและแล้วเขาก็หัวเราะออกมาซึ่งในตอนนี้เขาก็เริ่มชอบนิสัยที่หยาบๆ และของเย่เชียนแล้ว หลังจากนั้นกู๋เจ้อหมิงก็จับมือกับเย่เชียนและพูดว่า “ผมขอฝากครูฝึกด้วยก็แล้วกันครับ!”
ทุกคนก็ปรบมือกันอย่างกระตือรือร้นจนมุมปากของเย่เชียนเริ่มเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาหลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะว่างกันอยู่สินะ..ถ้างั้นก็มาต่อกันเลยเป็นไง!”
“โอ้ได้เลยๆ ..ครูฝึกจะแข่งอะไรต่อครับ!” ทหารเหล่านั้นก็ไม่ได้สังเกตเห็นความคิดที่ชั่วร้ายของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยและพวกเขาก็ถามอย่างตื่นเต้น ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นพี่น้องของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่เห็นเย่เชียนยิ้มแบบนี้ล่ะก็พวกเขาเหล่านั้นก็จะรีบวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางในทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เย่เชียนฉีกยิ้มขึ้นมาและใบหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นมาในทันทีพร้อมกับพูดว่า “เอาล่ะทุกคน! ..ระยะทางหนึ่งร้อยไมล์จากนี้..จงแบกน้ำหนักยี่สิบกิโลกรัมทั้งไปและกลับ..และต้องกลับมาก่อนฟ้ามืด..ถ้าไม่งั้นก็พลาดมือเย็น!” หลังจากนั้นเย่เชียนก็ชี้ไปที่เหอเป่ากับเจิ้งตงและพูดว่า “ถ้าคุณสองคนกลับมาไม่ทันก่อนฟ้ามืดล่ะก็..พวกคุณจะไม่ได้กินน่องไก่อีกในอนาคต”
‘เฮ้ย! ..นี่มันไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า’ เหล่าทหารต่างก็สาปแช่งเย่เชียนในใจของพวกเขา แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังคงรีบเตรียมพร้อม เพราะถ้าหากพวกเขาอืดอาดยืดยาดกันอีกต่อไปล่ะก็พวกเขาก็จะต้องเผชิญกับบทลงโทษที่แสนสาหัสอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
.
.