ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 351 ลงทุนธุรกิจแท็กซี่
ตอนที่ 351 ลงทุนธุรกิจแท็กซี่
เมื่อพบว่ามันไม่ใช่องค์กรเทียนเต๋าหรือซูเหลียนที่มาสร้างปัญหาในไซต์ก่อสร้างเช่นนี้เย่เชียนก็รู้สึกโล่งใจมากและยิ่งไปกว่านั้นด้วยการสนับสนุนขององค์กรสามมุมเมืองแล้วองค์กรทั้งสองนี้ก็ไม่ควรที่จะเข้ามาก้าวก่ายแต่อย่างใดและก็ไม่ควรยั่วยุอีกด้วยเพราะนั่นก็จะเป็นการท้าทายองค์กรสามมุมเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่วางแผนดำเนินการต่างๆ กับจ้าวอี้ข่ายและหยานเทียนเป่าเย่เชียนก็พึงพอใจอย่างมาก ซึ่งเงินจำนวนสองล้านหยวนนั้นไม่ใช่เงินที่มากมายอะไรถ้าเทียบกับธุรกิจก่อสร้างของพวกเขาแล้วก็ถือได้ว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งและยังสามารถถอนทุนคืนได้อย่างง่ายดายอีกด้วยและยังรวมไปถึงผลประโยชน์มากมายในอนาคตที่จับต้องไม่ได้อีกด้วย
เมื่อเย่เชียนกลับมาถึงโรงแรมท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้วและเมื่อเย่เชียนผลักประตูห้องเข้าไปเขาก็เห็นหูวเค่อและเหยาซื่อฉีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกันและทั้งสองก็กำลังคุยกันและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและเมื่อพวกเธอเห็นเย่เชียนเข้ามาพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
“อ้าวพี่เขยมานั่งก่อนสิคะ!” ปากเล็กๆ ของเหยาซื่อฉีตะโกนออกมาอย่างไพเราะและหูวเค่อเองก็ไม่คัดค้านหรือตำหนิติเตียนอะไรเธอ ส่วนเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยและเดินไปนั่งกับพวกและเหยาซื่อฉีก็ยิ้มให้
“พี่เขยคะ! ..ฉันอยากรู้ว่าคุณกับพี่สาวเจอกันได้ยังไงน่ะ” เหยาซื่อฉีถามอย่างอุกอาจและตรงไปตรงมา
“ก็..ลองถามพี่สาวของเธอดูซิ!” เย่เชียนพูด
“เมื่อกี้นี้ฉันถามไปแล้ว..เพราะงั้นฉันก็เลยอยากรู้ว่าพวกคุณสองคนจะพูดตรงกันมั้ยน่ะสิ” เหยาซื่อฉีพูด
“อ่าห๊ะ!” เย่เชียนพูด “ก็เริ่มตั้งแต่ตอนแรกเลยก็แล้วกัน..ฉันกินนอนอยู่กับพี่สาวของเธอน่ะ”
“นอนด้วยกันอะไรของคุณ..อย่างมากก็แค่อยู่บ้านหลังเดียวกันก็แค่นั้นเอง!” หูวเค่อจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนและพูด
“อ่อใช่ๆ ..แค่อยู่บ้านเดียวกันเฉยๆ” เย่เชียนพูด “แต่ว่านะพออยู่ด้วยกันและเห็นหน้ากันบ่อยๆ แล้วพี่สาวของเธอก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ..และพี่สาวของเธอก็อยากที่จะแต่งงานกับฉัน..แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยเพราะอะไรๆ มันก็เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานเอง..เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาล่ะนะ”
“คุณพูดไร้สาระอะไรกันเนี่ย..คุณนี่หลงตัวเองจริงๆ” หูวเค่อพูดแล้วยิ้มอย่างเชื่องช้า
“อย่าเพิ่งมาขัดจังหวะสิ..ผมไม่ได้ถามคุณสักหน่อย” เย่เชียนมองค้อนหูวเค่อแล้วพูด
เหยาซื่อฉีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดกับหูวเค่อว่า “พี่..ให้เขาพูดก่อนสิ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “หลังจากอยู่ด้วยกันไปสักพักแล้วพี่สาวของเธอก็เริ่มทำดีกับฉันมากขึ้นและฉันที่เป็นคนใจอ่อนแบบนี้เลยตกหลุมรักเธอไปโดยไม่รู้ตัวน่ะ”
เหยาซื่อฉีก็หัวเราะและพูดว่า “โหพี่สาวของฉัน..ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าพี่จะเป็นฝ่ายรุกถึงขนาดนี้..แต่ว่าพี่เขยเนี่ยช่างเป็นคนที่งี่เง่าจริงๆ นะ..ขนาดพี่สาวเธอยั่วยวนคุณถึงขนาดนี้แล้วแต่คุณก็ยังไม่ได้ทำแบบว่ากับเธอให้เธอมีความสุขอีกเหรอ..นี่คุณมีปัญหาทางเพศรึเปล่าเนี่ย?”
“ยัยตัวแสบ! ..นี่เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรเนี่ย..เย่เชียนอย่าไปฟังเธอนะ..แล้วฉันไปยั่วยวนคุณเมื่อไหร่กัน” หูวเค่อพูดอย่างร้อนรน
“ใช่ๆ ยัยตัวแสบ! ..อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ..ฉันไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนั้นอย่างแน่นอน..ถ้าเธอไม่เชื่อฉันล่ะก็เธอลองถามพี่สาวของเธอดูได้เลย..ว่าทุกๆ เช้าน่ะฉันตั้งชี้ฟ้าแค่ไหน” เย่เชียนพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“มาถามฉันทำไม! ..ฉันจะไปรู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไงกันเล่า!” ใบหน้าของหูวเค่อก็เริ่มแดงก่ำและการแสดงออกของเธอก็ดูน่ารักอย่างมาก
“ถ้างั้นน้องซื่อฉีก็มาพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยมั้ยล่ะว่าฉันน่ะมีปัญหาทางเพศรึเปล่า!” เย่เชียนพูดอย่างซุกซน
เหยาซื่อฉีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงอยู่ในใจและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เข้าใจได้และเธอก็ตกตะลึงไปทันที หลังจากนั้นเธอก็จ้องเขม็งไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ที่พี่สาวของฉันพูดเนี่ยมันไม่ผิดเลยจริงๆ ..คุณเป็นคนหยาบคายมาก..แต่ว่านะเรื่องนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก..แต่ประเด็นคือฉันกลัวว่าพี่สาวเธอจะหึงเอาน่ะสิ..ฮ่าๆ!”
เมื่อเหยาซื่อฉีพูดเช่นนั้นเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปและยิ้มแห้งๆ และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ เพราะเหยาซื่อฉีก็เป็นน้องสาวของหูวเค่อและยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากหูวเค่อเกิดโกรธขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ด้วยทักษะของเธอแล้วเย่เชียนก็กลัวว่ากระดูกในร่างกายของเขาทั้งหมดคงจะหักเพราะเธอเป็นแน่
หลังจากที่เงียบไปสักพักเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “เอ่อฉันสงสัยว่าทั้งๆ ที่เธอเป็นน้องสาวแต่เธอรู้เรื่องของโลกภายนอกเยอะมากไม่เหมือนกับพี่สาวของเธอเลย”
เหยาซื่อฉีก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “นั่นก็เพราะว่าอาจารย์ของฉันบอกว่าฉันน่ะอ่อนต่อโลกเกินไปและหัวใจของฉันก็ไม่สงบ..เพราะงั้นฉันถึงต้องไปแสวงหาประสบการณ์ต่างๆ น่ะ” อันที่จริงก็ยังมีอยู่อีกจุดประสงค์หนึ่งที่เหยาซื่อฉีไม่ได้พูดว่าที่เธอไปมาทั่วโลกนั้นมีจุดมุ่งหมายอื่นและนั่นก็คือการค้นหาว่ายังมีผู้ที่ฝึกตนคนอื่นเหมือนพวกเธอเหรือไม่นั่นเอง
“หัวใจเธอไม่สงบ?” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “อะไรกันเนี่ย..อาจารย์ของพวกเธอเป็นเทพเจ้าหรือยังไง?”
“อย่ามาพูดไร้สาระนะ” หูวเค่อพูด
เย่เชียนก็แลบลิ้นออกมาและรีบพูดเปลี่ยนเรื่องว่า “กินข้าวกันรึยังเนี่ย..เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
“ไม่ๆ ..ฉันสั่งอาหารมาแล้วค่ะ..มันคงจะไม่สะดวกถ้าฉันต้องออกไปข้างนอกน่ะ” เหยาซื่อฉีพูด
หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่งเหยาซื่อฉีเองก็เป็นดาราดังและถ้าหากเธอออกไปในที่สาธารณะล่ะก็เธอก็อาจจะถูกแฟนคลับรายล้อมและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนเองก็ถือได้ว่าเป็นคนดังเช่นกันและเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมในวันนั้นแล้วเย่เชียนก็ยังคงหวาดกลัวอยู่เช่นกัน
……
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ตื่นแต่เช้าและไปวิ่งออกกำลังกายกับหูวเค่อและเขาก็ยังคงนั่งสมาธิตามวิธีที่หูวเค่อบอกเช่นกันและหลังจากกลับมาร่างกายของเย่เชียนเต็มไปด้วยสิ่งแปลกๆ อีกครั้งซึ่งมันทำให้เย่เชียนตกตะลึงอย่างมากและเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากอาบน้ำแล้วเย่เชียนก็โบกแท็กซี่เพื่อนั่งไปยังศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ซึ่งมันบังเอิญมากที่คนขับแท็กซี่นั้นเป็นหม่าหงจง และเมื่อเขาเห็นเย่เชียนแล้วหม่าหงจงก็ยิ้มอย่างดีใจและพูดว่า “อ้าวสวัสดีครับคุณเย่!”
“เป็นไงบ้างครับ..ลูกสาวของคุณได้รับการผ่าตัดแล้วหรือยัง?” เย่เชียนถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ..การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีและตอนนี้เธอก็ได้ย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยทั่วไปแล้ว..คุณเย่ครับ! ..คือผมต้องขอขอบคุณจริง..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแล้วล่ะก็ลูกสาวของผมก็คงจะไม่รอดแล้ว” หม่าหงจงพูดด้วยความจริงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..แค่ลูกของคุณหายป่วยก็ดีแล้ว” เย่เชียนพูด “อ้อใช่ๆ ..ผมต้องรบกวนคุณในการจัดการเรื่องการเปิดธุรกิจแท็กซี่น่ะครับ..และคุณเองก็อยู่ในแวดวงนี้มานานและก็คุ้นเคยกับมันดี..ส่วนเรื่องเงินน่ะถ้าคุณมีปัญหาก็โทรมาหาผมได้เลย”
“ไม่มีปัญหาครับ..คุณเย่ได้ช่วยชีวิตลูกของผมเอาไว้เพราะงั้นต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรืออะไรผมก็จะทำโดยไม่ลังเลเลย..ฝากเรื่องนี้เอาไว้กับผมได้เลยแล้วผมจะทำทุกอย่างให้ดี” หม่าหงจงพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าเสื้อและเขียนเงินจำนวนสามล้านหยวนและส่งมอบให้พร้อมพูดว่า “นี่เป็นเงินทุนเริ่มต้น..ผมเชื่อว่าคุณรู้ว่าจะต้องทำยังไง”
“คุณเย่ครับ..คือคุณไม่กลัวว่าผมจะหนีไปพร้อมกับเงินแบบนั้นหรือ?” หม่าหงจงถามด้วยความประหลาดใจ
เย่เชียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าผมกลัวแล้วผมจะกล้าให้เงินคุณงั้นหรอ..แต่ถ้าคุณหนีไปผมก็โทษได้แค่ดวงตาของผมที่ไม่มีแววและมองคนผิดก็แค่นั้น..ผมจะไม่โทษใครอื่น” อันที่จริงแล้วเย่เชียนก็ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เพราะด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตของทั้งสองนั้นก็จำเป็นที่จะต้องพูดเช่นนี้ เพราะในความเป็นจริงนั้นถึงแม้ว่าหม่าหงจงจะหนีไปพร้อมกับเงินก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็สามารถตามล่าหาเขาเจอได้อย่างง่ายดาย
“ที่คุณเย่เชื่อมั่นในตัวของผมมากถึงขนาดนี้..แล้วถ้าผมทำแบบนั้นลงไปจริงๆ ล่ะก็ผมคงจะแย่กว่าหมูกับหมาอีกน่ะสิ…เพราะงั้นคุณเย่สบายใจได้เลย..ผมจะทำอย่างถูกต้อง” หม่าหงจงพูด
เย่เชียนก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “ฉันเชื่อว่าคุณน่ะจะไม่โลภมากในเงินตราจนเกินไป..เพราะเราต้องเป็นองค์กรขนส่งสาธารณะที่ยิ่งใหญ่เพราะงั้นทั้งหน่วยงานราชการและหน่วยงานต่างๆ ก็จะมาใช้บริการพวกเรา..เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบในการจัดหาบุคลากรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้..ผมเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานหลายปีของคุณในแวดวงนี้มันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร..ส่วนเรื่องของเงินเดือนน่ะผมรับปากได้เลยว่ามันจะสูงกว่างานบริการขนส่งทั่วไปอย่างแน่นอน”
“ครับ..เงินเดือนไม่ใช่ปัญหาเลย..และต่อให้มันจะน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ ก็ตาม..ถึงยังไงฉันก็สามารถจัดหาบุคลากรมาให้คุณเย่ได้อย่างแน่นอนครับ” หม่าหงจงพูดอย่างหนักแน่น
“ก็อย่างที่ผมพูดนั่นแหละ..เพราะการเป็นลูกจ้างพนักงานขนส่งน่ะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะชีวิตต้องลุยทั้งลมและฝนและการดำรงชีวิตในแต่ละวันในสมัยนี้มันก็ใช้เงินเยอะมาก..เพราะงั้นเราจะไม่เอาเปรียบพวกเขาอย่างเด็ดขาด..ดังนั้นเราจึงเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาให้เหมาะสมแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว” เย่เชียนพูด
หม่าหงจงรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเย่เชียนนั้นไม่เพียงแค่เป็นคนดีเพียงเท่านั้นแต่เขายังเป็นนักธุรกิจที่ใจดีและมีน้ำใจอย่างมากอีกด้วย ซึ่งชายหนุ่มคนนี้สมควรแล้วที่คู่ควรกับการเป็นเจ้านายของเขาและเขาก็รู้สึกว่าตราบใดที่เขาติดตามเย่เชียนด้วยใจจริงและสัตย์จริงล่ะก็เย่เชียนนั้นก็จะไม่มีวันปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้ายอย่างแน่นอน
ในขณะที่คุยกันอยู่รถก็ได้มาถึงหน้าประตูไซต์ก่อสร้างของศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์แล้วและเย่เชียนก็หยิบเงินสดออกมาและยื่นให้หม่าหงจงซึ่งหม่าหงจงก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า “เอ่อคุณเย่ครับ..คือผมจะรับเงินของได้ยังไงกัน”
“มิตรภาพก็ส่วนมิตรภาพครับ..เพราะนี่คืองานและธุรกิจและอาชีพของคุณ..เพราะงั้นอย่าเอามันมารวมกันเลยครับ..คุณรับเอาไว้เถอะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเย่เชียนพูดเช่นนั้นแล้วหม่าหงจงก็ยื่นมือออกไปรับและพูดว่า “แล้วคุณเย่จะกลับเมื่อไหร่หรือ? ..ให้ฉันมารับไปส่งที่โรงแรมมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ..คุณไปทำธุระของคุณเถอะเพราะผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับตอนไหนน่ะ” เย่เชียนพูดขณะเดินออกจากรถแท๊กซ่
หม่าหงจงก็พยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ!” หลังจากพูดจบเขาก็หันกลับไปและขับรถออกไปจากไซต์ก่อสร้าง
เย่เชียนก็จัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาและเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งคนงานเหล่านั้นที่อยู่ข้างในต่างก็ไม่ว่างและกำลังทำงานกันอย่างกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยเสียงของเครื่องจักร ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าทางเข้าเห็นเย่เชียนเขาก็ทำความเคารพอย่างเป็นธรรมชาติเพราะเขาได้รู้จักตัวตนของเย่เชียนในเมื่อวานนี้แล้ว เย่เชียนก็พยักหน้าและถามว่า “เลขาเหลียงอยู่ที่นี่มั้ย?”
“คุณเลขาเหลียงออกไปทำธุระน่ะครับ..เธอยังไม่กลับมาเลย” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามต่อ “คุณเย่ต้องการให้ผมโทรไปถามเธอมั้ยครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ..ผมแค่แวะมาดูเฉยๆ” เย่เชียนพูด “คุณทำงานต่อเถอะครับ..เดี๋ยวผมไปเดินดูรอบๆ สักหน่อย”
“ครับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบ
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและเดินเข้าไปยังไซต์ก่อสร้างและเมื่อเหล่าคนงานเห็นเย่เชียนเข้ามาพวกเขาก็ดูประหลาดใจและเย่เชียนตอบกลับทุกคนด้วยรอยยิ้มของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
.
.
.
.
.
.
.