ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 37 รั้วมหาวิทยาลัย
เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาอำลาฟูจุนเฉิงและคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปในรถของเลขานุการของจ้าวเทียนห่าวซึ่งมีชื่อว่า หูวเก๋อ และพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยนานาชาติ…
สำหรับจ้าวเทียนห่าวแล้ว เย่เชียนก็ยังถือเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ถึงแม้ว่าจ้าวเทียนห่าวจะเชื่อใจเย่เชียนอยู่พอสมควรแต่เขาก็ยังคงการ์ดไม่ตกตั้งมาตรการป้องกันเผื่อเอาไว้ ในกรณีนี้เขาแอบสั่งให้เลขาหูวเก๋อส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเทียนหยากรุ๊ปมาคอยสอดส่องดูแลลูกสาวของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้ทราบถึงเรื่องนี้ด้วย
ทางด้านเย่เชียนที่นั่งอยู่บนรถ เลขาหูวเก๋อก็ได้เล่ารายละเอียดแผนการให้ฟังคร่าว ๆ เขาคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำมันตลกเล็กน้อย เมื่อเขาคิดว่าเขานั้นค่อนข้างที่จะโตเกินวัยมหาวิทยาลัยแล้ว แต่กลับต้องแฝงตัวไปเป็นเด็กมหาวิทยาลัย!
เลขาหูวเก๋อบอกกับเย่เชียนว่าเขาได้เตรียมการให้เย่เชียนสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว เย่เชียนถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นเลขาหูวเก๋อก็หัวเราะในท่าทีของเขาและพูดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเขาในการทำภารกิจ และเย่เชียนเองก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป
เธอสวยมั้ย ? ลูกสาวของลุงจ้าวน่ะ เย่เชียนถามอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย
เลขาหูวเก๋อดูตกใจเล็กน้อยจากคำถามอันตรงไปตรงมาของเย่เชียน จากนั้นเขาก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า สวย… สวยสิ! ถึงแม้ว่าจ้าวหยาจะสวยมากเพียงใด แต่เธอนั้นไม่ต่างจากปีศาจร้ายตนหนึ่งเลย ทว่าเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอไม่สวย
เธอเป็นคนยังไง ? เธอเข้ากับคนอื่นได้ดีมั้ย ? เย่เชียนถามห้วน ๆ ในสิ่งที่เขาสงสัย
อะ… เอ่อ เรื่องนั้นน่ะนะ… ฮ่า ๆ ๆ เธอเป็นลูกคุณหนูที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอก็เลยออกจะหยิ่ง ๆ นิดหน่อยอะนะ แต่ถึงยังไงผมว่าเธอก็เป็นเด็กดีและเข้ากันได้ดีกับคนที่เธอชอบ เลขาหูวเก๋อตอบอย่างจริงใจ แม้จะตะกุกตะกักนิดหน่อยก็ตาม
เย่เชียนขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเลขาหูวเก๋อ ดูเหมือนว่าภารกิจนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว เขาไม่คิดว่าจ้าวหยาจะเข้ากับเขาได้ดีหรือทำตัวเป็นมิตรกับเขาได้ง่ายดายขนาดนั้นแน่ ๆ แค่เขาได้ยินว่าจ้าวหยาเป็นผู้หญิงเย่อหยิ่ง เขาก็มั่นใจสุด ๆ ว่าจะต้องเจอกับปัญหาที่น่าปวดหัวแน่นอน เขาคิดในใจว่า ‘ฉันแค่อยากจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ แต่ทำไมต้องมาเจอกับเรื่องปวดหัวแบบนี้ด้วย!’ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันก็เป็นเพราะตัวเขาที่แส่หาเรื่องเอง
แต่นี่เขาคือเย่เชียน ในเมื่อเขาเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ถึงขนาดนี้แล้ว แถมไม่ใช่แค่ตัวเขาเพียงคนเดียว ยังมีพี่ ๆ ทั้งสามอีกล่ะ เขาก็ต้องสู้ไปจนถึงที่สุดสิ! ต่อให้จะต้องบุกน้ำลุยไฟเขาก็จะไม่ถอยเด็ดขาด เพราะท้ายที่สุดแล้วภารกิจนี้มันก็แค่ต้องปกป้องเด็กสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น…
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงรั้วมหาวิทยาลัย เลขาหูวเก๋อก็หยุดรถ มันเป็นเวลาพักเที่ยงพอดีเย่เชียนจึงเห็นเด็กมหาลัยกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในโรงอาหารและรู้สึกถึงอารมณ์อ่อนไหวเล็กน้อยในใจของตนนั้น เขาฝันถึงชีวิตเฉกเช่นนี้อยู่เสมอ ชีวิตเสมือนอยู่บนหอคอยงาช้างที่ไร้ซึ่งความกังวลและแสนสุข
ทันใดนั้น เลขาหูวเก๋อพูดขึ้นว่า คุณเย่เชียน… ผมได้เตรียมการเอาไว้ทั้งหมดแล้ว คุณแค่ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานคณบดีของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ตอนนี้คุณอยู่ในคลาสเรียนเดียวกันกับคุณหนูจ้าวหยาแล้ว มันจะได้สะดวกต่อคุณ คุณมีคำถามอะไรอีกมั้ยครับ ?
เย่เชียนจึงถามด้วยความสงสัยว่า คุณเลขาจะไม่ชี้แนะผมซักหน่อยเหรอ ? ผมจะรู้ได้ไงว่าผู้หญิงคนไหนคือคุณหนูจ้าวหยาคนนั้น ?
เลขาหูวเก๋อยิ้มเล็กยิ้มน้อยและตอบอย่างคลุมเครือว่า ก็เอ่อ… เดี๋ยวคุณเข้าไปในห้องเรียน คุณก็จะรู้เองนั่นแหละ!
เย่เชียนจ้องมองเลขาหูวเก๋อด้วยความประหลาดใจพลางคิดในใจไปต่าง ๆ นา ๆ
‘หรือเลขาหนุ่มสวมแว่นคนนี้จะกลัวที่ต้องนึกถึงสาวน้อยคนนั้น… เป็นไปได้ไหมที่คุณหนูนั่นน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นคนน่าเกลียดไม่น่าคบหา ?’
เย่เชียนเชื่อในคำพูดที่ว่าผู้หญิงที่น่าเกลียดมักจะเอาแต่ใจเพื่อกลบจุดด้อยของพวกเธอ และนั่นคงเป็นปัญหาระดับชาติอย่างแน่นอน เขาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ หลังจากนั้นก็พูดว่า อืม… เดี๋ยวผมโทรหาลุงจ้าวแล้วบอกเขาว่าผมต้องการสลับตัวกับใครซักคนที่นั่นดีกว่า… ใช่ ๆ ไท่จู้ไง! ผมจะสลับตัวกับจ้าวไท่จู้ เขาไม่น่าจะมีปัญหาหรอก… ฮ่า ๆ ๆ
เลขาหูวเก๋อมองเย่เชียนด้วยความตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงคิดจะเปลี่ยนใจ
หลังจากที่เย่เชียนพูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่รอช้ารีบโทรไปหาจ้าวเทียนห่าวและบอกเขาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ทว่าจ้าวเทียนห่าวไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจนัก ท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ไม่มีภาระผูกพันใด ๆ แต่กลับต้องมาช่วยเหลือเขา หากเย่เชียนต้องการที่จะถอนตัวในตอนนี้ ตนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธหรือทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม จ้าวเทียนห่าวก็ประหลาดใจมากว่าทำไมเย่เชียนถึงเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
เย่เชียนขอให้จ้าวเทียนห่าวส่งโทรศัพท์ให้จ้าวไท่จู้ และเมื่อเขาได้ยินเสียงของจ้าวไท่จู้แล้ว เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดไปว่า พี่ไท่จู้… ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่!
นายมีอะไรล่ะ ? จ้าวไท่จู้ถามอย่างตรงไปตรงมา
พี่ยังไม่มีแฟนใช่มั้ย ? เย่เชียนเองก็พูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
จ้าวไท่จู้ไม่เข้าใจว่าจู่ ๆ ทำไมเย่เชียนถึงนึกอยากจะมาถามเรื่องแบบนี้ แต่เขาก็ยังตอบตามความเป็นจริงว่า ยัง… ฉันยังไม่มี ทำไม ? นายจะแนะนำผู้หญิงให้ฉันรู้จักหรือยังไง ?
บิงโก… พี่เดาถูกแล้ว! เย่เชียนตอบอย่างกระตือรือร้น ถ้าผมไม่ได้มาที่นี่ มาเห็นด้วยสองตาของตัวเอง ผมก็คงไม่รู้เลยว่าที่มหาลัยนี้มีสาว ๆ สวย ๆ เยอะแยะเลยพี่! เฮ้อ… เสียดายที่ผมมีแฟนแล้ว ผมไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับเธออย่างไรดี ดังนั้นผมเลยคิดว่าผมจะส่งเรื่องนี้ให้พี่จัดการดีกว่า เรามาสลับหน้าที่กันเถอะ! พี่มาที่มหาลัยนี้และคุ้มกันลูกสาวของลุงจ้าว อย่าคิดว่าน้องชายคนนี้ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ล่ะ และก็อย่าบอกให้พี่หวันรู้เรื่องนี้นะ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องรีบมาแน่นอน
เย่เชียนไม่ได้คิดเลยว่าตอนนี้หวันชุนหัวอยู่ข้าง ๆ จ้าวไท่จู้และกำลังฟังพวกเขาคุยกันอยู่ และเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูด หวันชุนหัวก็เย้ยหยันและพูดพึมพำว่า แหม… ไม่จริงมั้ง ฉันว่าเขาเห็นว่าที่มหาลัยนั้นเต็มไปด้วยพวกดึกดำบรรพ์ เขาจึงมาหลอกให้พวกเราไปแทน!
จ้าวไท่จู้หัวเราะชอบใจ ฮ่า ๆ น้องเย่ นายใจดีกับฉันจริง ๆ แต่สาวมหาลัยจะสนใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างฉันเหรอ ?
แน่นอนสิพี่! นอกจากนี้พี่มาที่นี่เพื่อเป็นนักศึกษา พวกเธอจะรู้ได้ไงล่ะว่าพี่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ? และถ้าพวกเธอได้เห็นว่าพี่หล่อแค่ไหน พวกเธอก็จะแห่กันมารุมล้อมหน้าล้อมหลังพี่แน่ ๆ ถึงเวลานั้นพี่จะตัดสินใจไม่ถูกเลยล่ะว่าจะเลือกคนไหนเป็นแฟน เพราะพวกเธอสวยกันทุกคน! กว่าพวกเธอจะรู้ว่าพี่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจริง ๆ พวกเธอก็คงจะตั้งท้องแล้ว! พี่ก็จะมีลูกด้วยนะ! มันจะสายเกินไปสำหรับพวกเธอที่จะกลับไปยังจุดนั้น เย่เชียนพูดอย่างกระตือรือร้นและหยอกล้อนิดหน่อย
เลขาหูวเก๋อที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกว่าเย่เชียนก็เป็นแค่เด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมประธานจ้าวถึงชอบและไว้ใจเด็กคนนี้นัก
ฮ่า ๆ ๆ ฉันรู้ว่าตัวเองหล่อแค่ไหนหน่า แต่สาวสวยเหล่านั้นมักจะพูดว่าหน้าตาไม่สามารถกินได้ พวกเธอต้องการคนรวย มันแย่มากที่ฉันไม่มีเงิน… จ้าวไท่จู้พูดตัดพ้อตัวเอง
พี่! พวกเธอเป็นลูกคุณหนูนะ! มหาลัยนี้เต็มไปด้วยเด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยทั้งนั้น มีสาวสวยมากมายที่ไม่สนใจเรื่องเงินเพราะพวกเธอเชื่อว่าคนสำคัญกว่าเงิน พี่ไม่ต้องกังวลไป น้องชายคนนี้ไม่ได้มาหลอกอะไรพี่ ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยตอนนี้ พี่จะเสียใจในภายหลัง ถ้าพี่มาขอเปลี่ยนกับผมตอนนั้น ผมก็จะไม่เปลี่ยนกับพี่แล้วนะ! เย่เชียนกระวนกระวายเล็กน้อยเพราะจ้าวไท่จู้เป็นคนง่าย ๆ และปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น แต่ทำไมเขาถึงยังต่อต้านอยู่แบบนี้
จ้าวไท่จู้หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า น้องเย่ อย่ามาหลอกพี่เลย… พี่ไม่ไปหรอก!
เฮ้อ… เย่เชียนถอนหายใจอย่างหมดหนทางเมื่อพบว่าจ้าวไท่จู้ที่เป็นคนเห็นด้วยกับเขาตลอด ในเวลานี้พี่ชายคนที่ดูเหมือนใสซื่อกลับเป็นคนทรยศน้องชายในท้ายที่สุด!
เมื่อมาถึงจุดนี้เย่เชียนก็ได้แต่โทษโชคชะตาของตัวเขาเอง ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาหมาป่าแห่งกองกำลังทหารรับจ้าง ทำไมเขาถึงต้องมากลัวสาวน้อยคนหนึ่งด้วย ? เขาต้องใจเย็นและกล้าเผชิญหน้าสิ! ถึงแม้ว่าคุณหนูคนนั้นจะไร้ซึ่งความงามแต่เขาก็ต้องคิดเอาไว้ก่อนว่าเธอคือเตียวเสี้ยนที่งดงามเสียจนทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลีกทางให้เธอ
เขาถอนหายใจยาว จากนั้นเย่เชียนก็เปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองสัญลักษณ์บนประตูของมหาวิทยาลัยนานาชาติและพูดพึมพำกับตัวเอง
เฮ้อ… ที่นี่เป็นสวนจูราสสิคปาร์คจริง ๆ ใช่ไหม ?