ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 373 ข่มขู่
ตอนที่ 373 ข่มขู่
เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆ ของบริษัททะเลสี่ทิศจะดำเนินมาถึงจุดนี้ดังนั้นเขาจึงต้องวางแผนการทำสิ่งต่างๆ ให้รอบคอบ
หลังจากที่เย่เชียนและชิงเฟิงออกจากโรงน้ำชาแล้วพวกเขาก็หาร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นกันอย่างง่ายๆ และเย่เชียนก็โทรหาซูเหวยและสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ และเมื่อเย่เชียนกำลังจะวางสายซูเหวยก็รีบถามเย่เชียนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในบ่ายวันนี้และเหตุใดเฉาฮงหลีจึงล้มเลิกการไล่ซื้อหุ้นอย่างกะทันหัน
เห็นได้ชัดเลยว่าซูเหวยนั้นก็รู้สึกเบาๆ ได้ว่าเย่เชียนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเย่เชียนจะถามที่อยู่ของเฉายู่เหลียงทำไมและยิ่งไปกว่านั้นเพราะหลังจากนั้นไม่นานเฉาฮงหลีก็ล้มเลิกการกวาดซื้อหุ้น แต่ทว่าเย่เชียนนั้นก็ตอบอย่างคลุมเครือและไม่ได้ให้คำตอบในเชิงบวกมากนักจนซูเหวยรู้ว่าเธอคงจะไม่ได้คำตอบใดๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่ถามต่อแต่เธอก็แค่เริ่มสงสัยในตัวตนของเย่เชียนมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น
ซูเหวยก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกันเธอสามารถได้ยินคำพูดที่คลุมเครือของจ้าวหยาในวันนี้ได้และเธอก็กลัวว่าตัวตนของเย่เชียนคงจะไม่ธรรมดาๆ อย่างที่เธอเห็นเป็นแน่ และถึงแม้ว่าซูเหวยจะเพียบพร้อมมากแค่ไหนก็ตามแต่ถึงยังไงจ้าวหยาก็เป็นถึงCEOของเดอะมัวร์กรุ๊ปภาคเอเชียและการที่เย่เชียนเป็นแฟนของจ้าวหยานั้นเย่เชียนก็คงจะไม่ธรรมดาๆ อย่างแน่นอนและอย่างน้อยๆ เขาก็เหมาะสมและคู่ควรกับจ้าวหยาเป็นแน่
หลังจากทานมื้อค่ำกันแล้วเย่เชียนกับชิงเฟิงก็รีบไปที่บ้านของซูฟู่ไห่ตามที่อยู่ที่ซูเหวยให้ไว้ ซึ่งซูฟู่ไห่เป็นอาของซูเหวยหรือก็คือน้องชายของพ่อของซูเหวย ซึ่งเขาคนนี้เป็นเจ้าของหุ้น 10% ในบริษัททะเลสี่ทิศ และสิ่งที่ทำให้เย่เชียนงุนงงก็คือการที่ซูฟู่ไห่คนนี้เป็นอาแท้ๆ ของซูเหวยดังนั้นบริษัทนี้ก็ควรจัดเป็นสมบัติของตระกูลซูด้วยเช่นกันและซูฟู่ไห่ก็ไม่ควรช่วยเฉาฮงหลีจัดการกับซูเหวยใช่หรือไม่? เพราะจะมีใครกล้าปล่อยให้ทรัพย์สินของตระกูลตนเองตกไปอยู่ในกำมือของคนนอกเช่นนี้
ในความคิดของเย่เชียนนั้นถ้าหากเขาเป็นซูฟู่ไห่ล่ะก็เขาก็ควรจะช่วยซูเหวยจัดการกับเฉาฮงหลีด้วยตัวเอง ซึ่งการทำเช่นนี้มันก็จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยึดบริษัททะเลสี่ทิศไว้ในมือของพวกเขาเอง? หรืออาจจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น? หรือเป็นเพราะเฉาฮงหลีข่มขู่ซูฟู่ไห่กัน?
เย่เชียนก็เข้าใจดีว่าเขาไม่ต้องกังวลไปกับเรื่องนี้เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องไปจัดการกับซูฟู่ไห่อยู่แล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักชิงเฟิงก็ขับรถมาถึงหมู่บ้านที่ซูฟู่ไห่อาศัยอยู่ซึ่งมันตั้งอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองแต่หมู่บ้านก็หรูหรามากเช่นกัน
“บอส! ..บอสไม่ต้องมาเองก็ได้..ให้ผมไปจัดการเองก็ได้มันง่ายมากเลย” ชิงเฟิงพูด
“มันง่ายก็จริงแต่ฉันอยากจะชี้แจงอะไรสักหน่อยน่ะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเดินออกจากรถและมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงจันทร์พร้อมกับหมอกหนาราวกับว่าเขาถูกหมอกปกคลุมจนไม่เห็นดวงจันทร์ที่ส่องแสงยามค่ำคืน
“ไปกันเถอะ!” เย่เชียนพูดและเดินไปที่บ้านของซูฟู่ไห่ส่วนชิงเฟิงก็รีบลงจากรถและวิ่งตามเย่เชียนไป ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาสองคนไม่จำเป็นต้องเคาะประตูเพื่อเข้าไปเพราะพวกเขากระโดดข้ามกำแพงบ้านเข้าไปโดยตรงแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ครอบครัวซูฟู่ไห่ที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนจ้าวฟ้างภรรยาของเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ เขาและเธอก็พูดว่า “คุณคะทำไมคุณถึงทำแบบนี้..ทำไมคุณต้องขายหุ้นให้เฉาฮงหลีด้วยล่ะ? ..นั่นก็เหมือนกับการยกบริษัทให้เขาไม่ใช่หรือ? ..บริษัททะเลสี่ทิศน่ะเป็นของพี่ชายคุณหนิ..และเสี่ยวเหวยน่ะก็ดีกว่าเฉาฮงหลีเพราะอย่างน้อยๆ แซ่ของเธอก็คือตระกูลซูและเสี่ยวเหวยเธอก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของเราด้วยนะ”
เหตุใดทำไมซูฟู่ไห่ถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้เขาควรจะสนับสนุนซูเหวยไม่ใช่หรอกหรือ? แต่การมอบหุ้นให้เฉาฮงหลีนั้นก็จะเท่ากับการมอบบริษัทให้กับบุคคลภายนอก และยิ่งไปกว่านั้นภูมิหลังตระกูลเฉานั้นก็ไม่ขาวสะอาดเพราะตอนที่เขายังเด็กเขาเป็นนักเลงอันธพาลข้างถนนและต่อมาเขาก็ได้มาทำงานในบริษัทและดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว แต่ถึงยังไงเฉาฮงหลีก็ยังคงพัวพันอยู่ในโลกใต้ดินอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เฉาฮงหลีจะข่มขู่ซูฟู่ไห่โดยบอกว่าถ้าซูฟู่ไห่ไม่ขายหุ้นให้กับเขาล่ะก็เฉาฮงหลีจะฆ่าครอบครัวของเขาซูฟู่ไห่ทิ้งทันทีและซูฟู่ไห่ก็ไม่กล้าสงสัยในคำพูดของเฉาฮงหลีเลยเพราะเครือข่ายและการผัวพันของเฉาฮงหลีและโลกใต้ดินนั่นเอง และถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะถูกฆ่าก็ตามแต่ถึงยังไงพวกตำรวจก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“คุณน่ะไม่รู้อะไรหรอก..คุณคิดว่าฉันไม่เข้าใจหลักการพวกนี้หรือ” ซูฟู่ไห่พูดอย่างหดหู่
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่เย่เชียนและชิงเฟิงก็เดินตรงเข้ามาจากทางประตูและเมื่อเห็นเช่นนั้นซูฟู่ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกคุณเป็นใคร..พวกคุณเข้ามาได้ยังไง?”
เย่เชียนก็เหลือบมองและพูดว่า “ก็เดินเข้ามาสิครับ..ใครจะบินเข้ามาได้ล่ะ!” ในขณะที่เขาพูดเขาก็เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของซูฟู่ไห่และนั่งลงส่วนชิงเฟิงก็เดินตามมานั่งเช่นกัน
ทั้งซูฟู่ไห่และจ้าวฟ้างดูกังวลอย่างมากเพราะพวกเขาไม่รู้จุดประสงค์ในการมาเยือนของเย่เชียนและชิงเฟิงและมีความตื่นตระหนกบนใบหน้าของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และหยิบแอปเปิลขึ้นมาจากชามผลไม้บนโต๊ะแล้วกินมันหลังจากนั้นก็พูดว่า “รสชาติดีเลยทีเดียว..ผมไม่ได้กินแอปเปิลอร่อยๆ แบบนี้มานานแล้ว”
ชิงเฟิงก็หยิบพวกองุ่นขึ้นมากินและยัดเข้าปากอย่างไม่หยุดไม่หย่อนและดูเหมือนว่าในชีวิตนี้เขาไม่เคยกินองุ่นมาก่อนเลย เย่เชียนก็ตบหัวชิงเฟิงเบาๆ และพูดว่า “ไอ้บ้านี่สุภาพหน่อยได้มั้ย!”
ชิงเฟิงก็หัวเราะเบาๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นเขาก็หยิบกล้วยบนโต๊ะขึ้นมาปอกเปลือกและยัดมันเข้าปากอย่างไม่แยแสจนซูฟู่ไห่และจ้าวฟ้างถึงกับตกตะลึงและพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“เอ่อ..ฉันจำได้ว่าคุณเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของซูเหวยใช่มั้ย?” ซูฟู่ไห่ก็จำได้ว่าเขาได้พบกับเย่เชียนในห้องประชุมของบริษัทในตอนเช้า
“ฮ่าๆ ..หัวหน้าซูความจำดีมากครับ..ใช่ผมเองเย่เชียนผู้ช่วยของประธานซู!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มแต่ซูฟู่ไห่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการเสียดสีหรือมีมีความหมายอย่างอื่น เพราะเขาเพิ่งจะเคยพบเย่เชียนเมื่อเช้านี้และบทสนทนาของเย่เชียนกับจ้าวหยานั้นก็ค่อนข้างคลุมเครืออย่างมากในเวลานั้น
“คุณจะทำอะไร? ..ซูเหวยสั่งให้คุณมา?” ซูฟู่ไห่ขมวดคิ้วและถามเพราะแน่นอนวาสในความคิดของเขานั้นเป็นเช่นนั้นเพราะเฉาฮงหลีได้เริ่มการไล่ซื้อหุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศและทันทีที่การประชุมของวันนี้สิ้นสุดลงซูเหวยก็ต้องรู้ ดังนั้นเธอจึงต้องส่งเย่เชียนมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหุ้นของเธอนั่นเอง
“หัวหน้าเป็นคนฉลาดเพราะงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก” เย่เชียนพูดขณะที่เขาคว้ากล้วยจากมือของชิงเฟิงและยัดมันเข้าปากของเขาเอง
“หุ้นที่ฉันถืออยู่น่ะเหรอ?” ซูฟู่ไห่พูด “จริงๆ ฉันก็อยากช่วยเสี่ยวเหวยจริงๆ ..แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น..คุณกลับไปบอกเสี่ยวเหวยทีว่าฉันขอโทษในฐานะอาของเธอ”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ซึ่งปรากฏว่ามันเป็นการคุกคามของเฉาฮงหลีจริงๆ หลังจากนั้นเย่เชียนก็โยนเปลือกกล้วยลงบนจานและยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “วันนี้ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะคำสั่งของประธานซู..เพราะแค่มาในฐานะเพื่อนที่ควรช่วยประธานซู..และคุณที่เป็นถึงอาแท้ๆ คุณยอมที่จะเห็นบริษัทตกอยู่ในกำมือของคนนอกหรือ? ..ผมเองก็ไม่อยากพูดอะไรมากเกินไปเพราะผมรู้ว่าคุณน่ะถูกเฉาฮงหลีข่มขู่เอาไว้..เพราะงั้นผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าสิ่งที่เฉาฮงหลีทำได้น่ะผมเองก็ทำได้เหมือนกัน”
เย่เชียนหันหน้าไปมองชิงเฟิงแล้วพูดว่า “เฮ้ย..เดี๋ยวค่อยกินทีหลัง” เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงก็ยิ้มและวางผลไม้ลงแต่ก็มีเหลืออยู่เพียงลูกเดียวที่เขายังคงถือเอาไว้
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “เท่าที่ผมรู้มาหัวหน้าซูคุณมีลูกชายและลูกสาวใช่มั้ย..และพวกเขาทั้งหมดก็กำลังเรียนอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสใช่มั้ย..โถ่ๆ ผมได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ที่นั่นมีการประท้วงและก่อจลาจลอยู่บ่อยๆ หนิ..หัวหน้าควรบอกพวกเขาให้ระวังตัวเอาไว้นะครับ..และที่ไต้หวันนี้เองมันก็ไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่..พวกผู้ก่อการร้ายก็เยอะเพราะงั้นหัวหน้าซูระวังรถจะระเบิดเอานะเวลาไปไหนมาไหน”
เย่เชียนนั้นขี้เกียจเกินไปที่จะคุยดีๆ กับซูฟู่ไห่และการคุกคามนั้นตรงไปตรงมานั้นคือวิธีที่ดีที่สุดเพราะซูฟู่ไห่กลัวการคุกคามของเฉาฮงหลี ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่เชื่อว่าซูฟู่ไห่จะไม่กลัวการคุกคามของตัวเองและการคุกคามหรือข่มขู่ของเย่เชียนนั้นก็ดีกว่าของเฉาฮงหลีเป็นร้อยเท่า
ซูฟู่ไห่เป็นคนฉลาดดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเย่เชียนหมายถึงอะไรและใบหน้าของเขาก็ดูหดหู่อย่างมากและมุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยและเขาก็พูดว่า “คุณ..คุณกำลังขู่ฉันงั้นหรือ?”
“หัวหน้าซูจะคิดอย่างนั้นก็ได้” เย่เชียนพูดเบาๆ “ซูเหวยน่ะเป็นเหมือนเด็กคนนึงที่ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมาตลอด..แต่ผมน่ะไม่สนใจคุณหรอก..เพราะคุณไม่ใช่ญาติของผม..เพราะงั้นผมจะจัดการกับคุณยังไงก็ได้”
ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายของเย่เชียนเขาก็พูอต่อ “ผมคิดว่าเฉาฮงหลีน่าจะมาข่มขู่คุณเหมือนกัน..เพราะงั้นผมก็คิดว่าคุณน่าจะรู้ว่าวันนี้ตลาดหุ้นมันเงียบไปใช่มั้ยล่ะ..เพราะงั้นก็มีอยู่สองทางเลือก..หนึ่งเลือกเฉาฮงหลี..สองเลือกซูเหวยและรักษาครอบครัวเอาไว้!”
ซูฟู่ไห่ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและสัยว่าเย่เชียนนั้นพูดจริงหรือว่าโกหกกันแน่ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เขากำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวและความผันผวนของตลาดหุ้นของวันนี้และเขาก็แปลกใจอย่างมากและเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉาฮงหลีจึงไม่เคลื่อนไหวใดๆ
.
.
.
.
.
.
.