ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 376 ความตายมีหลายแบบ
ตอนที่ 376 ความตายมีหลายแบบ
ในความเป็นจริงนั้นเย่เชียนต้องการหาใครสักคนเพื่อคอยดูแลสถานการณ์ในไต้หวันแต่คนแบบนั้นไม่ได้หากันได้ง่ายๆ เพราะก่อนอื่นเลยคนคนนั้นก็ควรจะเป็นคนบนท้องถนนและไม่มีอำนาจสูงเกินไปเพราะไม่เช่นนั้นเราก็จะเหมือนคนโง่ที่ไปพูดแบบนั้นกับคนที่มีอำนาจอยู่แล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือคนๆ นี้ต้องไม่ปากร้ายและเกรี้ยวกราดเกินไปไม่งั้นมันก็ยากที่จะควบคุมและต้องไม่โง่เกินไปด้วยเพราะเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ซึ่งถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เย่เชียนได้พบกับหวังหมิงซูก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ตัดสินใจที่จะให้โอกาสเขาจากนั้นค่อยๆ เฝ้าดูเขาเพื่อดูว่าเขาสามารถรับผิดชอบภาระอันใหญ่หลวงได้หรือไม่
เนื่องจากครั้งนี้องค์กรเทียนเต๋ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉาฮงหลีดังนั้นองค์กรเทียนเต๋าจึงเป็นเป้าหมายแรกที่จัดการ อย่างไรก็ตามการจัดการกับองค์กรเทียนเต๋านั้นก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะท้ายที่สุดแล้วองค์กรเทียนเต๋าก็เป็นถึงหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของไต้หวันและเพื่อเป็นการไม่ให้ดึงดูดความสนใจขององค์กรสามมุมเมืองนั้นเย่เชียนก็ต้องหาวิธีสร้างสถานการณ์ที่คลุมเครือโดยการโยงไปถึงองค์กรสามมุมเมืองและองค์กรซูเหลียนให้พวกนั้นเข้าใจว่ามันเป็นเพียงการตอบโต้ที่สมเหตุสมผลและแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความช่วยเหลือขององค์กรสามมุมเมืองเพราะมันจะทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นอย่างมาก
เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งพวกเขาก็มาถึงบ้านของเหลยลี่แต่ก่อนหน้านั้นชิงเฟิงบ่นว่าหิวระหว่างทางและทั้งสองก็เลยแวะกินบะหมี่กันคนละหนึ่งชาม ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลเลยว่าหวังหมิงซูจะไปรายงานเหลยลี่ล่วงหน้าว่าเขาจะบุกไปหา นั่นก็เพราะว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เหลยลี่ก็คงจะต้องฆ่าหวังหมิงซูก่อนเป็นแน่
คนฉลาดมักจะรู้ว่าต้องเลือกอย่างไรและถ้าหากหวังหมิงซูไม่สามารถคิดเรื่องนี้ได้เขาก็สมควรตายจริงๆ
เมื่อเย่เชียนไปถึงบ้านของเหลยลี่ปรากฏว่าบ้านก็มืดและไม่มีไฟเปิดเลยแม้แต่ดวงเดียว เมื่อเห็นเช่นนั้นทั้งสองก็ลงจากรถและกระโดดข้ามรั้วและตรงเข้าไปในบ้าน ซึ่งโชคดีที่ไม่มีสุนัขพันธุ์ทิเบตันหรือพิตบลูในบ้านไม่เช่นนั้นคงจะลำบากอย่างมากแน่นอน
ทั้งสองคนก็เข้าไปในบ้านได้อย่างง่ายดายโดยค้นหาห้องทีละห้องจนพบชั้นสามในที่สุดก็พบห้องนอนของเหลยลี่ ซึ่งการสะเดาะกลอนประตูนั้นก็เป็นแค่วิธีการของเด็กๆ สำหรับเขี้ยวหมาป่าแล้ว ดังนั้นชิงเฟิงจึงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายและยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ไม่ใช่ประตูแบบไฮเทคจึงไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้วทั้งสองก็มองไปที่เตียงและเห็นชายหญิงคู่หนึ่งนอนอยู่บนเตียงซึ่งผู้ชายสวมเพียงกางเกงในส่วนผู้หญิงสวมเสื้อนอนกับกางเกงในเท่านั้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากชิงเฟิงนั้นได้หลงรักนากาจิมะชินนะอย่างหัวปักหัวปำแล้วและก็ซื่อสัตย์มากไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็กลัวว่าชิงเฟิงคงจะอดไม่ได้ที่จะใช้ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ กับหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
เมื่อมองไปที่ทั้งสองที่กำลังนอนหลับอยู่ชิงเฟิงก็เปิดไฟและแสงเจิดจ้าก็สว่างไสวจนเหลยลี่และหญิงสาวคนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาและหลังจากที่ได้เห็นเย่เชียนและชิงเฟิงแล้วเหลยลี่ก็ถึงกับผงะและลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกแกเป็นใคร..แกเป็นใคร?”
หญิงสาวก็สังเกตเห็นได้ว่ามีชายแปลกหน้าสองคนบุกเข้ามาในห้องเธอจึงตะโกนว่า “อ๊าย!” ด้วยความตกใจเธอจึงรีบดึงผ้านวมมาคลุมร่างของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ปล่อยตัวปล่อยใจก็ตามแต่หลังจากที่เธอได้ติดตามเหลยลี่จนได้นับการยกย่องว่าเป็นคุณผู้หญิงแล้วเธอก็ดูมีความภาคภูมิใจอย่างมากและเมื่อมีคนเห็นตัวเธอในสภาพแบบนี้แล้วจะไม่ให้เธออับอายได้อย่างไร
เย่เชียนนั้นไม่ได้แยแสหญิงสาวคนนั้นแต่อย่างใดเขาเพียงนั่งลงบนโซฟาข้างเตียงและมองไปที่เหลยลี่พร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณคือเหลยลี่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งเทียนเต๋าใช่มั้ย?”
“ใช่แล้วน้องชาย..แล้วเอ็.เป็นใคร?” เหลยลี่ที่คุ้นเคยกับวงการใต้ดินและรู้จักนักเลงอันธพาลมานับไม่ถ้วนดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เขาก็สามารถฟื้นคืนตัวเองจากความตื่นตระหนกได้ในทันที
“คุณไม่รู้จักผมเหรอ?” เย่เชียนแสร้งทำเป็นแปลกใจและพูดว่า “ถ้าคุณไม่รู้จักผมแล้วทำไมคุณถึงส่งคนมาทำให้ผมเดือดร้อนได้ล่ะ?”
“เอ็งคือเย่เชียนเหรอ?” เหลยลี่ตกตะลึงอย่างมากเพราะเขาส่งลูกน้องออกไปมากกว่าห้าสิบคนและตอนนี้เย่เชียนกลับสามารถปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเขาได้เช่นนี้นั่นหมายความว่าลูกน้องของเขาจำนวนห้าสิบกว่าคนพ่ายแพ้ให้กับเย่เชียนอย่างงั้นหรือ การที่มีคนมากกว่าห้าสิบคนแล้วไม่สามารถจัดการกับคนสองคนได้นี่มันคืออะไรกันแน่? ซึ่งสิ่งนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เฉาฮงหลีพูดว่าเย่เชียนเป็นแค่ผู้ช่วยผู้บริหารของบริษัททะเลสี่ทิศ
“โอ้..ดูเหมือนว่าคุณเหลยจะจำได้แล้วสินะ” เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณเหลยมีปัญหาอะไรกับผมงั้นหรอถึงได้ส่งคนมาตามหาผมตั้งเยอะตั้งแยะแบบนี้”
“เอ็งต้องการอะไร?” เหลยลี่ขมวดคิ้วและถาม ระหว่างที่คุยกันเขาก็แอบค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปใต้หมอนเพราะมันมีปืนซ่อนอยู่ใต้หมอนของเขานั่นเอง
“คุณเหลยนี่นิสัยไม่ดีเลยนะ” เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและในทันใดนั้นมีดหมาป่าโลหิตในมือของเขาก็แทงทะลุข้อมือของเหลยลี่จนเหลยลี่ส่งเสียงกรีดร้องและเลือดก็พุ่งออกมาจากข้อมือของเขาทันที
เมื่อเป็นเช่นนี่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนออกมาว่า “คุณอย่าทำอะไรฉันเลย..ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะให้คุณ” หญิงสาวพูด “แต่ฉันขอบอกพวกคุณเลยนะว่าสามีของฉันน่ะเป็นผู้นำขององค์กรเทียนเต๋า..เพราะงั้นรับเงินไปแล้วก็ไสหัวไปซะ..ไม่งั้นองค์กรเทียนเต๋าจะไม่ปล่อยพวกคุณไปแน่!”
“โอ้..องค์กรเทียนเต๋าน่ากลัวจังเลย” เย่เชียนพูดขณะที่เขาตบหน้าอกของเขาและแสร้งทำเป็นกลัวและน่าเสียดายที่การเยาะเย้ยนั้นเห็นได้ชัดบนใบหน้าของเย่เชียนว่ามันมีความหยอกล้อมากกว่าความหวาดกลัวจริงๆ
“องค์กรเทียนเต๋าคืออะไรหรอ?” ชิงเฟิงแสร้งถามและทำเป็นไม่รู้และให้ความร่วมมือกับเย่เชียนเป็นอย่างดี
“นี่นายไม่รู้จักองค์กรเทียนเต๋าเหรอ..นั่นเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งไต้หวันเลยนะ..แค่พวกเขาขยับนิ้วพวกเราก็กลายเป็นศพกันแล้ว”
“ถ้ารู้ก็ดี..งั้นก็ไสหัวไปเลยแล้วเราจะลืมมันไปซะ!” หญิงสาวพูดอย่างมีชัย
เหลยลี่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและคิดกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้มีดีแค่หน้าอกใหญ่จริงๆ เพราะเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนกำลังล้อเลียนและเย้ยหยันโดยเจตนาและพวกเขาก็ตัดสินใจมาที่นี่แล้วดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังท้าทายองค์กรเทียนเต๋าอยู่
“แล้วผมจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดได้ยังไง..ผมคิดว่าคนตายน่ะพูดไม่ได้เพราะงั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็คว้ามีดและดึงออกมาจากมือของเหลยลี่จนเหลยลี่กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าและเหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
เมื่อเห็นเช่นนี้หญิงสาวคนนั้นก็ตื่นตระหนกและพูดอย่างร้อนรนว่า “แล้วพวกคุณต้องการอะไร?”
“หุบปาก!” เหลยลี่จ้องเขม็งไปที่หญิงสาวคนนั้นและตะคอกเพราะเขากลัวว่าเรื่องไร้สาระจะออกจากปากของผู้หญิงคนนี้จริงๆ และตัวเองจะต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “น้องชาย..ในเมื่อเรื่องต่างๆ มันมาถึงขนาดนี้แล้ว..ถ้าน้องชายจะฆ่าฉันก็ฆ่าซะเถอะ..แต่อย่างน้อยๆ เอ็งช่วยบอกฉันหน่อยจะได้มั้ยว่าตัวตนที่แท้จริงของเอ็งเป็นใครกันแน่..เพราะเฉาฮงหลีบอกแค่ว่าเอ็งเป็นแค่ผู้ช่วยของประธานบริษัททะเลสี่ทิศแค่นั้น..แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกใช่มั้ย?”
“เพื่อให้เกียรติคุณได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีผมจะบอกคุณก็แล้วกัน” เย่เชียนพูดช้าๆ “ผมเป็น CEO ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างนานาชาติเขี้ยวหมาป่า..และผมก็มีฉายาว่าราชาหมาป่าเย่เชียน!”
ร่างกายของเหลยลี่ก็สั่นอย่างมากพร้อมกับความตกตะลึงจนถึงขีดสุดเพราะไม่ว่าจะเป็นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปหรือทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน ซึ่งมาเฟียในวงการใต้ดินอย่างพวกเขานั้นเมื่อเทียบกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วมันก็เหมือนกับกระต่ายที่ตื่นตูมเวลาฟ้าร้องนั่นเอง และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่จะมายืนอยู่ตรงหน้าของตัวเองเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นานเหลยลี่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “มันก็คุ้มค่าที่ต้องตายด้วยน้ำมือของคุณ..งั้นก็เชิญจัดการได้เลย!”
“เดี๋ยวก่อนๆ ..อย่าเพิ่งรีบอยากตายสิ..มันต้องมีใครสักคนที่ต้องตายไปพร้อมกับคุณสิ” เย่เชียนพูดช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา “ตอบคำถามผมมาก่อนว่ามันคือเฉาฮงหลีใช่มั้ย? ..แผนการยึดครองบริษัททะเลสี่ทิศน่ะเป็นความคิดคุณหรือเฉาฮงหลี?”
“เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วคุณคิดว่าฉันจะยังพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหรอ..ถึงยังไงถ้าฉันพูดออกไปฉันก็ต้องตายอยู่ดี..แล้วทำไมฉันถึงต้องทรยศเพื่อนของฉันด้วยล่ะ” เหลยลี่พูด
“คำพูดดูดีใช้ได้เลยหนิ..แต่ก็นะ..มันมีอยู่ตั้งหลายวิธีที่จะตาย..ไม่ว่าคุณจะตายอย่างมีความสุขหรือตายอย่างทรมานหรือตายทั้งเป็นมันก็ขึ้นอยู่กับคุณนะ” เย่เชียนฉีกยิ้มพร้อมกับการแสดงออกที่แสร้งดูเป็นมิตรและพูดว่า “ผมคิดว่าที่คุณเป็นเหมือนพี่ใหญ่มาหลายปีในวงการใต้ดินแบบนี้คุณก็คงจะมีหลายวิธีในการทรมานผู้คนใช่มั้ยล่ะ..คือองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของเราน่ะได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเป็นทางการเพราะแม้แต่สายลับที่เก่งกาจจากนานาชาติก็ยังทนไม่ได้ เลย..มันทรมานมากเลยนะคุณเหลย..คุณอยากลองมั้ยล่ะ?
เหลยลี่สั่นสะท้านไปทั้งตัวและความหวาดกลัวของเขาก็เกินคำบรรยายไปแล้วและเขาก็ไม่สงสัยในสิ่งที่เย่เชียนพูดเลยแม้แต่น้อยเพราะไม่เช่นนั้นเย่เชียนจะถูกขนานนามว่าราชาแห่งโลกทหารรับจ้างได้อย่างไร? การทรมานนั้นผิดกฎหมายอาญาอย่างมากและนั่นก็คือกฎหมายและถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่ามีการบังคับใช้กฎหมายแบบจริงจังก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็เป็นเหมือนเรื่องไร้สาระจริงๆ เพราะมันฟังดูดีแต่ก็ไม่เคยบังคับใช้อย่างจริงจังสักทีจนไม่มีใครกลัวการทรมานผู้คน
ภูมิคุ้มกันทางจิตใจของเหลยลี่ก็หายวับไปอย่างสมบูรณ์และถึงแม้ว่าเขาจะเลือกวิธีการตายที่ไม่ทรมานก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ดีกว่าการทรมานจนตาย หลังจากที่เขาตระหนักและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “ใช่! ..เฉาฮงหลีขอให้ฉันกำจัดคุณ..เพราะคุณขู่เขาเมื่อบ่ายวันนี้และทำให้เขาพลาดโอกาสยึดครองบริษัทไป..เพราะงั้นก็เป็นปกติที่เขาต้องการที่จะตอบโต้คุณ..เฉาฮงหลีกับฉันน่ะเป็นเหมือนพี่ชายน้องชายบวกกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากเขาฉันก็เลยเห็นด้วย..ส่วนเรื่องบริษัททะเลสี่ทิศน่ะมันเป็นความคิดของเฉาฮงหลีเองทั้งหมด..มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย”
เย่เชียนจ้องมองเหลยลี่ในขณะที่เหลยลี่กำลังพูดเพราะเหลยลี่นั้นไม่ใช่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษและเขาจึงมีการเคลื่อนไหวทางร่างกายที่ชัดเจนและถ้าเขาโกหกเย่เชียนก็จะรู้ได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเหลยลี่แล้วเย่เชียนก็มั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้โกหก หลังจากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “คนที่รู้สถานการณ์ไม่ใช่คนโง่จริงๆ ..คุณเหลยไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ..คุณจะหลับอย่างสบายผมรับปากเลย..และจะมีเฉาฮงหลีกับลูกชายของเขาอยู่บนสะพานความตายกับคุณด้วย..คุณจะได้ไม่เหงา”
.
.
.
.
.
.
.