ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 377 ยิ่งอายุมากก็ยิ่งร้อนแรงมาก
ตอนที่ 377 ยิ่งอายุมากก็ยิ่งร้อนแรงมาก
คำพูดของเย่เชียนในเวลานี้นั้นเหลยลี่เองก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยเพราะทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นไม่เหมือนมาเฟียในไต้หวันที่ฆ่าคนอย่างเงียบๆ แล้วใครจะทำอะไรพวกเขาได้? เย่เชียนนั้นไม่เคยกลัวเลยว่าองค์กรเทียนเต๋าจะมาล้างแค้นเขาเพราะนอกจากนี้แล้วถ้าหากไม่ใช่ในไต้หวันแล้วองค์กรเทียนเต๋าจะทำอะไรได้? และยิ่งไปกว่านั้นนอกจากนี้องค์กรเทียนเต๋าก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขี้ยวหมาป่าทำสิ่งต่างๆ ในวันนี้
เมื่อพูดจบเย่เชียนก็รีบดึงมีดของเขาแทงเข้าไปในหัวใจของเหลยลี่และฉีกกระชากหัวใจของเหลยลี่ด้วยพลังแห่งความมืดโดยตรงจนร่างกายของเหลยหลี่แทบจะไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลยจนหญิงสาวข้างๆ กรีดร้องด้วยความตกใจและรีบวิ่งออกจากเตียงเหมือนคนบ้าและอยากจะวิ่งหนีออกไป ซึ่งในเวลานี้ในหัวของเธอมีแต่การหนีตายเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามต่อหน้าเย่เชียนกับชิงเฟิงแล้วเธอจะหนีไปไหนได้? ถ้าเธอหนีไปได้นั่นก็คงเป็นเรื่องตลก เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงก็หัวเราะเยาะและมีดทหารในมือของเขาก็ตัดผ่านลำคอของเธออย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองและชิงเฟิงก็เช็ดเลือดที่มีดและเปิดประตูเดินออกไป
หญิงสาวคนนั้นก็พยายามใช้มือปิดคอของเธอและตาของเธอก็เบิกกว้างและเธอก็ค่อยๆ ก้มลงอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อต้านเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงของเหลยลี่และรู้จักตัวตนของเย่เชียนแล้วดังนั้นเธอก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป ถ้าหากเธอจะต้องโทษใครก็จงโทษตัวเองที่โชคร้ายเกินไปเพียงเท่านั้น
หลังจากออกจากบ้านพักของเหลยลี่แล้วเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรไปที่เบอร์ของหวังหมิงซู ซึ่งหลังจากได้ยินเสียงของเย่เชียนแล้วหวังหมิงซูก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและพูดอย่างร้อนรนว่า “พี่เย่..เอ่อ..ครับบอส”
เมื่อได้ยินชื่อนี้เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและดูเหมือนว่าหวังหมิงซูกำลังเรียนรู้ตัวตนใหม่ของเขาไปอย่างช้าๆ “เหลยลี่ไปพบยมโลกแล้ว..ฉันหวังว่าเอ็งจะสามารถคว้าโอกาสนี้เพื่อแสดงบางสิ่งบางอย่างนะ”
หวังหมิงซูสั่นไปทั้งตัวและไม่ตอบสนองอยู่สักพักหนึ่งเพราะปรากฏว่าเย่เชียนได้กำจัดเหลยหลี่ได้อย่างง่ายดายและเย่เชียนก็ไม่กลัวการแก้แค้นขององค์กรเทียนเต๋าเช่นนี้อีก? เมื่อฟังน้ำเสียงที่มั่นใจของเย่เชียนแล้วหวังหมิงซูก็รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเย่เชียนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่เกรงกลัวองค์กรเทียนเต๋าเลยแม้แต่น้อยและกำจัดผู้นำขององค์กรเทียนเต๋าเช่นนี้ซึ่งสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างแล้ว
ชีวิตคือการเดิมพันถ้าหากเราชนะเราก็จะเป็นคนที่สำเร็จและยิ่งใหญ่แต่ถ้าหากเราแพ้เราก็ไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าผู้คนไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้แล้วล่ะก็ต่อให้ใช้อะไรถึงยังไงก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จอยู่ดี เพราะมันดีกว่าถ้าเราสู้อย่างเต็มที่และฝ่าฟันอุปสรรค
หลังจากทราบเรื่องนี้แล้วหวังหมิงซูก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ครับบอส..ผมจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้” หวังหมิงซูเข้าใจว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเด็กอย่างเขา เพราะเย่เชียนอาจจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าองค์กรเทียนเต๋าก็เป็นไปได้และเย่เชียนก็จะสนับสนุนตัวเองอย่างเต็มที่และเมื่อใดที่ประสบความสำเร็จล่ะก็เย่เชียนก็จะสนับสนุนเขาด้วยใจจริง และเขาก็จะยิ่งใหญ่ได้ในอนาคตและอาจจะมากกว่าผู้นำขององค์กรเทียนเต๋าเลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดหวังหมิงซูก็ต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดของเขาเอง
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “จงเป็นตัวของตัวเองเอาไว้!” หลังจากพูดแล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป
จัดการปัญหาของเหลยลี่ได้แล้วและตอนนี้ก็เป็นเวลาตีสองแล้วเย่เชียนก็พูดกับชิงเฟิงและขับรถไปที่บ้านของเฉาฮงหลีเพราะเฉาฮงหลีเองก็ต้องถูกกำจัดคืนนี้เช่นกันเพราะไม่เช่นนั้นหากข่าวการเสียชีวิตของเหลยลี่ถูกแพร่กระจายออกไปในวันพรุ่งนี้เฉาฮงหลีก็ต้องรู้ว่านั่นเป็นมือของเขาเองและเมื่อถึงเวลานั้นมันจะดึงดูดความสนใจขององค์กรเทียนเต๋าและตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผยเป็นแน่และหลังจากนั้นแผนการทั้งหมดในไต้หวันก็จะพังทลาย
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลเลยว่าเฉาฮงหลีจะเตรียมพร้อมในตอนนี้เพราะตอนนี้เขาคงจะพอใจและเชื่อว่าเหลยลี่ได้กำจัดเขาไปแล้ว
หลังจากออกจากบ้านของเหลยลี่เย่เชียนก็จำได้ว่าเขาสัญญาว่าจะให้จ้าวหยามาที่บ้านของเขาในคืนนี้ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็ยุ่งมากจนไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้และเย่เชียนก็เดาว่าเขาจะต้องโดนบ่นอีกครั้งหลังจากที่เขากลับไป และเมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็หดหู่ขึ้นมาทันที
ถ้าหากเย่เชียนไม่สามารถแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้ล่ะก็เขาก็อาจจะถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ได้ และการที่เขาเป็นถึงCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่สง่าผ่าเผยและผู้นำของเขี้ยวหมาป่าผู้เกรียงไกรแต่กลับทำทุกอย่างด้วยตัวเองมันก็ดูน่าเศร้าเกินไป แต่ถึงยังไงมันก็สบายใจที่ได้ลงมือทำเอง อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องโทษตัวเองเพียงเท่านั้นเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่ไปเดิมพันพับซูเหวยล่ะก็เรื่องต่างๆ คงไม่มาถึงจุดนี้เป็นแน่
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเย่เชียนดูแปลกไปชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจว่า “บอสมีอะไรเหรอ..กังวลเรื่องเหลยลี่หรือยังไง?”
“ฉันลืมไป” เย่เชียน “ฉันนัดกับหยาเอ๋อไว้..เธอจะมาที่ห้องฉันคืนนี้..แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้กลับไปเลย”
“จะไปคิดมากทำไมบอส” ชิงเฟิงพูด “นั่นจ้าวหยานะบอส..ถึงยังไงเธอก็รอบอสอยู่ดี..ไม่ว่าจะไปทำกันคืนนี้หรือพรุ่งนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกันหนิ..ทำอย่างกับว่าบอสไม่เคยทำงั้นแหละ”
เย่เชียนถึงกับผงะไปและหลังจากนั้นเขาก็เคาะหัวของชิงเฟิงเบาๆ และพูดว่า “ไอ้บ้านี่..นายคิดว่าฉันคิดเรื่องนั้นตลอดทั้งวันเลยเหรอ..นายนั่นแหละ..วันหลังก็ทำกันเบาๆ หน่อยจะได้มั้ย..มันเสียงดังเกินไป..ฉันก็ไม่เคยนอนหลับฝันดีเลยสักคืน!”
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ความรักของผมมันลึกซึ้งมาก..มันก็ยากที่จะควบคุมน่ะ..ยิ่งไปกว่านั้นพวกผมก็เพิ่งจะแต่งงานกันมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว..บอสพวกเราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะ”
เย่เชียนจ้องเขม็งชิงเฟิงด้วยสายตาที่เย้ยหยันและพูดว่า “ไอ้บ้านี่ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย”
ชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรอีก
ใช้เวลาไม่นานนักรถก็มาถึงด้านนอกบ้านของเฉาฮงหลีซึ่งไฟทั้งหลังก็ดับสนิทและมีเพียงเสียงหอบๆ และครวญครางเล็กน้อยดังออกมาจนทั้งสองอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกันและกัน และชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “บอส! ..ตาแก่เฉาฮงหลีดูเหมือนจะแข็งแรงและสุขภาพดีอยู่เลยสินะ..กลางดึกกลางดื่นแบบนี้ยังทำไหวอยู่อีก..มันวิเศษมาก”
เย่เชียนก็มองชิงเฟิงแล้วพูดว่า “อย่าเสียงดัง..เลิกพูดได้แล้ว”
ชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มและเดินตามเย่เชียนเข้าไปในบ้าน การที่คู่สามีภรรยาที่สูงอายุยังคงมีคุณสมบัติที่ดีเช่นนี้ได้ชิงเฟิงก็ถึงกับชื่นชมพวกเขาเพราะหลังจากแต่งงานกันมานานชีวิตในแง่มุมนี้ก็อาจจะไม่ลงรอยกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ตามสถานการณ์ของเฉาฮงหลีดูเหมือนจะไม่ใช่แบบคู่สามีภรรยาคนอื่นๆ เลย แต่ชิงเฟิงก็สงสัยอยู่เล็กน้อยว่าคนที่อายุสามสิบพละกำลังเหมือนหมาป่าและอายุสี่สิบเหมือนเสือนั้นแล้วร่างกายของเฉาฮงหลีจะอดทนไปได้อีกนานแค่ไหน
ทันทีที่พวกเขาเดินไปที่ประตูทั้งสองก็ได้ยินเสียงครวญครางอย่างชัดเจนและหลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ จางหายไป แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะยังไม่พอใจเพราะเธอยังคงครวญครางอยู่ เย่เชียนก็แอบคิดอย่างลับๆ ว่าอย่างน้อยๆ เฉาฮงหลีก็ยังเป็นคนดีเพราะเขาไม่ได้ออกไปหาโสเภณีที่เป็นหญิงสาว แต่ทว่ายิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ดูเหมือนว่าเฉาฮงหลีจะไม่สามารถรับมือกับภรรยาของเขาได้เลย
หลังจากนั้นก็มีเสียงของเฉาฮงหลีดังมาจากข้างในว่า “ไปนอนเถอะ..นอนได้แล้ว..เราทำกันไปสองครั้งแล้วนะ..มันเหนื่อยมาก”
“ฉันยังไม่พอใจเลยคุณ” หลังจากนั้นก็มีเสียงภรรยาของเขา
“คุณก็ใช้ของปลอมที่ฉันซื้อให้คุณสิ” เฉาฮงหลีพูด
“หึ! ..ของแบบนั้นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี..มันนิ่มเหมือนไส้เดือนเลย” ภรรยาของเขาพูดอย่างโกรธเคือง
“โถ่คุณ..ฉันไม่ไหวแล้ว..พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานตั้งแต่เช้า” เฉาฮงหลีพูดอย่างหดหู่
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เชียนและชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจนใบหน้าของพวกเขาแดงระเรื่อและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะจับท้องของตัวเองเพื่อกลั้นขำ ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่ได้คาดหวังว่าเฉาฮงหลี่ที่ดูสุขุมจะกลัวภรรยาถึงขนาดนี้
“คุณจะมาโทษฉันหรอ..ก็ตอนหนุ่มๆ คุณไม่ยอมดูแลสุขภาพเองหนิ..แล้วยังมีหน้ามาให้ฉันไปใช้ของปลอมอีก!” ภรรยาของเฉาฮงหลีก็ตะคอกใส่ว่า “เก็บไว้ให้แม่คุณใช้เถอะของปลอมน่ะ”
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ไม่ทนอีกต่อไปจากนั้นพวกเขาก็ฉีกยิ้มและผลักประตูให้เปิดออก ซึ่งภรรยาของเฉาฮงหลีก็ดูเหมือนจะจมอยู่ในโลกของตัวเองโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าประตูถูกเปิดออก แต่เฉาฮงหลีก็เอื้อมมือไปเปิดไฟในทันที และเมื่อเฉาฮงหลีเห็นเย่เชียนเขาก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งและถามด้วยความตื่นตระหนกตกใจว่า “แก..แกมาทำอะไรในบ้านของฉัน?”
แต่ภรรยาของเขานั้นกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์และเธอก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดทำเช่นนั้นจนชิงเฟิงยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “โห..ยิ่งผู้หญิงอายุมากเท่าไหร่พวกเธอก็ยิ่งร้อนแรงมากเท่านั้นสินะ”
เฉาฮงหลีก็โกรธเกรี้ยวและพยายามผลักภรรยาของเขาออกไปและพูดว่า “แม่งเอ้ย..หัดอายซะบ้าง!”
“อ๊า..อย่าหยุด..อย่าหยุด..อ๊า!” ภรรยาของเฉาฮงหลีก็ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่หยุดยั้ง
.
.
.
.
.
.
.