ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 378 เตรียมการใหญ่เอาไว้แล้ว
ตอนที่ 378 เตรียมการใหญ่เอาไว้แล้ว
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปเพราะพวกเขาแทบจะหายใจไม่ออก ซึ่งทั้งสองต้องชื่นชมเลยว่าภรรยาของเฉาฮงหลีนั้นเป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงจริงๆ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้
เฉาฮงหลีก็แทบรอไม่ไหวที่จะเตะภรรยาของเขาให้ตายเพราะเขาละอายใจอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นเฉาฮงหลีหยิบผ้านวมขึ้นมาคลุมตัวเธอและจ้องมองเย่เชียนอย่างหวาดกลัวในใจเพราะการปรากฏตัวของเย่เชียนที่นี่นั่นก็หมายความว่าเหลยลี่ล้มเหลวเพราะแม้แต่องค์กรเทียนเต๋าก็ยังไม่สามารถจัดการกับเย่เชียนได้และเฉาฮงหลีก็ต้องประเมินเย่เชียนใหม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนปรากฏตัวที่นี่ก็หมายความว่าเฉาฮงหลีไม่มีโอกาสที่จะกลับมาโต้กลับหรือตอบโต้ได้อีก
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “หัวหน้าเฉาครับ..ดูเหมือนว่าคุณจะลืมสิ่งที่ผมบอกคุณไปเมื่อบ่ายวันนี้นะ..ทำไมคุณขัดสนเงินถึงขนาดนั้นเลยเหรอ..หรือว่างจนไม่มีอะไรทำ? ..โทษทีนะที่ผมเป็นคนใจแคบเพราะถ้าใครทำให้ผมขุ่นเคืองแล้วผมก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ..แล้วคุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ?”
“ฮึ่ม..ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเสี่ยวเหวยต่ำเกินไปสินะ..ตัวตนของแกไม่ง่ายเลยแต่แกกลับเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนธรรมดา..ถึงฉันจะไม่รู้ตัวตนของแกก็เถอะ..แต่ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ยังไม่จบหรอกและไม่สำคัญว่าใครจะชนะหรือแพ้” เฉาฮงหลีพูด “ฉันคิดว่าแกน่าจะรู้นะว่าองค์กรเทียนเต๋าน่ะมีอำนาจมากแค่ไหนในไต้หวัน..ถ้าแกทำอะไรฉันมันก็เหมือนแกกำลังต่อสู้กับองค์กรเทียนเต๋าทั้งหมด! ..และแกจะไม่สามารถอยู่ในไต้หวันได้อีกเลย”
“นี่พวกคุณไม่มีคำพูดอื่นกันแล้วเหรอไง..เหลยลี่ก็พูดแบบเดียวกันกับคุณ..เพราะงั้นผมก็เลยส่งเขาไปหาเจ้าแห่งยมโลกซะเลย..และผมก็สัญญากับเขาว่าเขาจะไม่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวบนสะพานแห่งความตาย..เพราะคุณจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขา” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มราวกับว่าการฆ่าเป็นเพียงเกมสนุกๆ สำหรับเขาอย่างไงอย่างงั้นและในเกมนี้เขาก็จะควบคุมชีวิตและความตายได้เสมอ
การแสดงออกของเฉาฮงหลีก็เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะกล้าที่จะฆ่าเหลยลี่เพราะตอนที่เขาเห็นเย่เฉียนครั้งแรกเขาก็คิดแค่ว่าเหลยลี่ยังไม่ได้ลงมือกำจัดเขาเพียงเท่านั้นแต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าเย่เชียนจะมีพลังมากกว่าที่เขาคิดและเขาก็กล้าเผชิญหน้ากับองค์กรเทียนเต๋าอย่างโจ่งแจ้ง หลังจากหยุดไปชั่วขณะเฉาฮงหลีก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “หืม..แกน่ะเหรอ..ไม่ต้องห่วงฉันจะส่งแกไปสะพานแห่งความตายเอง”
“ผมสงสัยว่าคุณจะต้องผิดหวังนะ” มุมปากของเย่เชียนฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและพูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ! ..เอาหุ้นของคุณออกมาให้หมด!”
“แกคิดว่าฉันจะยอมเหรอวะ!” เฉาฮงหลีตะโกน
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ถึงยังไงผมก็ไปขอจากคนอื่นได้อยู่ดี..และผมก็จะทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าตายเสียอีก” เมื่อเย่เชียนพูดจบคิ้วของเย่เชียนขมวดเข้าหากันในทันใดและดวงตาของเขาก็ลุกโชนเป็นเจตนาฆ่าและหลังจากนั้นมีดโลหิตหมาป่าในมือของเขาก็เกิดแสงสีแดงประกายและแทงเข้าไปที่แขนของเฉาฮงหลีโดยตรง
เย่เชียนนั้นมีความเข้าใจในโครงสร้างของร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดีและเขาก็รู้ว่าส่วนใดที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดแต่มันจะไม่ถึงชีวิตของเขา มีดของเย่เชียนที่แทงเข้าที่แขนของเฉาฮงหลีอย่างรุนแรงโดยและใช้มีดอีกเล่มตอกแขนทั้งสองข้างของเฉาฮงหลีติดกับเตียงนอนจนเฉาฮงหลีกรีดร้องเหมือนลูกหมูและเหงื่อที่หน้าผากของเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุดไม่ยั้ง
ในที่สุดภรรยาของเฉาฮงหลีก็กลับมามีสติอีกครั้งและหลังจากเห็นสภาพของเฉาฮงหลีเธอก็ตกใจมากและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเธอก็เข้าใจทันทีว่าซูเหวยส่งเขามา เพราะเธอเคยเห็นเย่เชียนตอนที่เธออยู่ที่บริษัทในวันนี้และได้ยินซูเหวยพูดถึงตัวตนของเย่เชียนแต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าซูเหวยจะโหดร้ายขนาดนี้
หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของเฉาฮงหลีก็คุกเข่าลงอย่างร้อนรนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะขอร้องอ้อนวอนว่า “ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ..ปล่อยพวกเราไป..ฉันสัญญาว่าเราจะไม่ยุ่งกับบริษัททะเลสี่ทิศอีกแล้ว..ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย..เห็นแก่พวกฉันในฐานะลุงกับป้าของซูเหวยเถอะ”
เย่เชียนก็หัวเราะเยาะและดึงมีดออกมาและแทงแขนอีกข้างของเฉาฮงหลีทันทีด้วยวิธีการเดียวกันโดยยังคงตอกแขนของเขาเอาไว้กับเตียงนอนจนเฉาฮงหลีกรีดร้องอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว หลังจากนั้นเย่เชียนก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นว่า “ผมก็อยากจะปล่อยพวกคุณไปเหมือนกัน..แต่พวกคุณไม่ให้ความร่วมมือเลยนี่สิ”
“ฉันรู้..ฉันรู้!” ภรรยาของเฉาฮงหลีรีบพูดอย่างร้อนรน “เอกสารและสำเนาหุ้นใช่มั้ย..ฉันจะหยิบมาให้คุณ..คุณแค่ปล่อยเราไป” ภรรยาของเฉาฮงหลีลุกออกจากเตียงและไปเปิดตู้เซฟจากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าเอกสารออกมาแล้วยื่นให้เย่เชียน
เฉาฮงหลีก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และตะคอกว่า “ยัยผู้หญิงโง่! ..คุณคิดว่ามันจะปล่อยเราไปเหรอถ้าเราให้หุ้นไปแล้ว”
เย่เชียนหยิบกระเป๋าเอกสารออกมาเปิดหลังจากนั้นก็ชำเลืองมองมันและยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ภรรยาของคุณฉลาดกว่าคุณอีก..เพราะงั้นเธอจะตายเร็วกว่าคุณและตายแบบไม่เจ็บไม่ปวด” ในขณะที่เย่เชียนพูดเขาก็มองไปที่ชิงเฟิงซึ่งชิงเฟิงก็เข้าใจและเดินไปหาภรรยาของเฉาฮงหลี
“คุณ..ไหนคุณพูดแล้วไม่ใช่เหรอ?” ภรรยาของเฉาฮงหลีตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าจะปล่อยคุณไป” เย่เชียนพูด “นอกจากนี้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เอาหุ้นออกมาให้ก็เถอะ..แต่หลังจากที่ผมฆ่าคุณไปแล้วผมก็หามันเองได้..คุณก็แค่เลือกตายอย่างชาญฉลาดเท่านั้นเอง..เอาเถอะอย่างน้อยๆ คุณก็ตายอย่างไม่ทรมาน”
เมื่อคำพูดของเย่เชียนหลุดออกไปชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มและใช้ในมือของเขาแทงเข้าที่คอของภรรยาของเฉาฮงหลีและเส้นเลือดใหญ่ก็ถูกตัดขาดจนเลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุและร่างของเธอก็ค่อยๆ ร่วงลงพื้นไปอย่างช้าๆ
เฉาฮงหลีก็หันหน้าไปมองและถอนหายใจอย่างสิ้นหวังแต่ความเจ็บปวดที่แขนของเขาก็ทำให้เขาสั่นกลัวอย่างมาก “ดูสิ..เธอตายง่ายกว่าคุณอีก?” เย่เชียนแสยะยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว..แต่! ..คุณต้องทุกข์ทรมานมากกว่านี้อีก!”
เย่เชียนดึงมึดออกมาและมองไปที่ชิงเฟิงและพูดว่า “นายจัดการเถอะ..ฉันไม่อยากเห็นฉากที่เปื้อนเลือด” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบแล้วเขาก็เดินออกไปอย่างสบายใจเฉิบ
ชิงเฟิงก็จ้องเขม็งเย่เชียนและถึงกับตกตะลึงเพราะเย่เชียนทิ้งสิ่งที่ไร้ยางอายให้กับตัวเองจัดการและหนีไป
เย่เชียนก็ยืนอยู่ด้านนอกประตูและดูเอกสารในมือของเขาและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เพราะเงินทั้งหมดนี้เป็นเงินเพียงก้อนเดียวที่ไม่ได้เยอะแยะมากมายถึงขาดนี้นแต่กลับสามารถทำลายได้แม้แต่ความรักในครอบครัว ความโลภของมนุษย์นั้นช่างน่าเศร้าเกินไป หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนของเฉาฮงหลีดังไปทั่วบ้าน
“มันโหดร้าย..มันโหดร้ายจริงๆ” เย่เชียนพึมพำ
ไม่นานนักเสียงในห้องก็ค่อยๆ เงียบลงและชิงเฟิงก็เดินออกมาจากห้องและมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้วบอส..เราไปกันเถอะ..กลิ่นเลือดแบบนี้ชินนะคงไม่ให้ผมเข้านอนแล้ว”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินลงไปที่ชั้นล่างแต่สิ่งที่ทำให้เย่เชียนแปลกก็คือเรื่องก็เกิดขึ้นเช่นนี้แต่ทว่าเฉายู่เหลียงกลับไม่โผล่ออกมาเพราะทั้งสองมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเฉายู่เหลียงเลยและดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยู่บ้าน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลอะไรมากเพราะเฉายู่เหลียงเลยก็เป็นเพียงแต่นกกระจอกตัวเล็กๆ เพราะเขาไม่สามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างไปรายงานต่อคนขององค์กรเทียนเต๋าได้เลย
ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็เดาได้ว่าด้วยความคิดของเฉายู่เหลียงเลยนั้นเขาอาจจะไม่ได้คิดเลยว่าเย่เชียนกับชิงเฟิงเป็นคนทำเช่นนี้ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งเขาและพ่อของเขานั้นได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากขุ่นเคืองและมีหลายคนที่ต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ
หลังจากออกจากบ้านของเฉาฮงหลีก้อนหินในใจของเย่เชียนก็ถูกปล่อยออกในที่สุดเพราะตอนนี้ซูเหวยจะเป็นเจ้าของหุ้น 80% และเย่เชียนก็เชื่อว่าจะไม่มีใครสามารถคุกคามเธอได้อีกต่อไปเว้นแต่จะเป็นนักปั่นตลาดหุ้นทางการเงินที่มีอำนาจมากที่จงใจโจมตีเศรษฐกิจของบริษัททะเลสี่ทิศนั่นเอง
ซูฟู่ไห่และผู้ถือหุ้นทั้งสามเย่เชียนก็ยังคงให้เงินสำหรับมูลค่าในการโอนหุ้น แต่สำหรับเฉาฮงหลีแล้วแน่นอนว่าเขาไม่ได้โชคดีและเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะใช้เงินเพื่อซื้อหุ้น 20% ของเขาแน่นอนเพราะถึงแม้ว่าเขาจะให้เงินเฉาฮงหลีไปแต่ถึงยังไงเฉาฮงหลีก็ไม่มีโอกาสได้ใช้เงินอยู่ดี
เหตุผลที่เย่เชียนเลือกให้เงินซูฟู่ไห่และค่าธรรมเนียมในการโอนหุ้นนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรักษาน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของครอบครัวซูเหวยเพราะเย่เชียนเชื่อว่าซูฟู่ไห่จะไม่ปฏิบัติต่อซูเหวยเหมือนเดิมอีกต่อไปและอย่างน้อยๆ เขาก็สามารถทำงานให้ซูเหวยได้ในที่สุด
สำหรับหญิงสาวอย่างซูเหวยนั้นเย่เชียนก็ยังคงมีความสงสารและเห็นใจเธออยู่บ้าง เพราะไม่ใช่ว่าคนที่อยู่สูงมีหน้าที่การงานที่ดีจะมีความสุขเสมอไปเพราะถ้าใครสูญเสียครอบครัวและมิตรภาพไปเขาก็จะเป็นแค่ศพที่เดินได้และทนทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต
กว่าจะกลับถึงห้องพักก็เป็นเวลาเกือบตีสี่ ซึ่งแสงจันทร์ก็เริ่มจางหายไปในทิศตะวันตกแล้วและท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าอีกไม่นานรุ่งอรุณวันใหม่ก็จะมาเยือนแล้ว
เวลานี้เป็นช่วงที่คนเราอ่อนเพลียและง่วงนอนมากที่สุดเพราะหลังจากกลับห้องพักของตัวเองกันแล้วเย่เชียนก็อ่อนล้าเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเรื่องในวันนี้มันจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ต้องใช้ความพยายามและพลังงาน ซึ่งสิ่งที่เย่เชียนต้องทำก็คือการหาเหตุผลต่างๆ จากสถานการณ์ในวันนี้และนำไปวางแผนในอนาคตให้ดีที่สุด
เรื่องต่างๆ ในคืนนี้ไม่ได้เลวร้ายเสียเพราะไม่เพียงแค่ได้รับหุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศเพียงเท่านั้นแต่ยังได้หวังหมิงซูมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วยซึ่งถึงแม้ว่าหวังหมิงซูจะยังไม่ได้แสดงความสามารถใดๆ ในขณะนี้ก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็คุ้มค่าที่จะให้เขาขัดเกลาตัวเองและมันจะชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอย่างแน่นอน
สำหรับเย่เชียนแล้วเขี้ยวหมาป่าหรือหน่อยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตหรือแม้แต่หน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นล้วนเป็นคนอัจฉริยะของเขาเองและแต่ละคนล้วนมีความสามารถอย่างมาก ดังนั้นทุกครั้งที่เย่เชียนวางรากฐานเขาก็ต้องหาผู้สืบทอดที่สามารถดูแลสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมเช่นนั้น
อย่างเช่นเมืองเซี่ยงไฮ้ที่มีหวังหูและเมืองหนานเจียงมีเฉิงเหวินกับหยูซิง และถึงแม้ว่าในเมืองหางโจวเย่เชียนจะไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตามแต่ในขณะนี้เนื่องจากการร่วมมือกับหลีจื้อเทียนกับตู้ไห่แล้วพวกเขาก็เป็นกำลังที่สำคัญเช่นกันและต่อไปที่ไต้หวันแห่งนี้คนที่เย่เชียนกำลังจะปลุกปั้นก็คือหวังหมิงซูนั่นเอง
.
.
.
.
.
.
.