ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 380 ความลับของผู้หญิง
ตอนที่ 380 ความลับของผู้หญิง
ในท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ไม่รั้งจ้าวหยาเอาไว้และปล่อยให้เธอได้พบหูวเค่อ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะมีคนคอยติดตามและคุ้มกันหูวเค่อก็จริงแต่ทว่าเย่เชียนก็เชื่อว่าถึงยังไงหูวเค่อก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เย่เชียนยังไม่รู้เกี่ยวกับไต้หวันแห่งนี้
สถานที่นัดพบกับหูวเค่อนั้นเป็นโรงน้ำชาใกล้ๆ และเช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนกับจ้าวหยาก็มาก่อนเวลาและจองห้องส่วนตัว และหลังจากนั้นไม่นานหูวเค่อก็มาและเดินตามบริกรเข้ามาและเมื่อแวบแรกที่หูวเค่อเห็นจ้าวหยานั้นคิ้วของหูวเค่อก็ขมวดกันแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจและเธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงอากาศแห่งความตายที่เย็นยะเยือกที่ออกมาจากจ้าวหยา ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าหูวเค่อนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและเธอก็ไม่คาดคิดเลยว่าจ้าวหยาจะกลายเป็นเช่นนี้หลังจากไม่ได้พบเธอมานาน ซึ่งหูวเค่อก็รู้สึกได้เบาๆ ว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับจ้าวหยาในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้
ออร่าที่เย็นยะเยือกรอบๆ ร่างของจ้าวหยานั้นหูวเค่อก็คุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะมันเหมือนกับคนที่เธอเคยพบเจอมาก่อนหรือจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จ้าวหยาจะ..ซึ่งขนาดหูวเค่อเองก็ไม่กล้าที่จะคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้จ้าวหยานั้นไม่เคยรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างหูวเค่อกับคนธรรมดาๆ เลยแต่ทว่าตอนนี้มันแตกต่างออกไปเพราะจ้าวหยาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงออร่าที่ค่อนข้างแปลกประหลาดจากหูวเค่อ ซึ่งในกรณีนี้จ้าวหยาเองก็ยังเชื่อว่าหูวเค่อเองก็สามารถมองเห็นความแตกต่างในตัวเองได้เช่นกัน ครู่หนึ่งแวบแรกที่เจอหน้ากันทั้งสองก็ตกตะลึงและมองหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
นี่คือสิ่งที่ทำให้เย่เชียนประหลาดใจอย่างมากเพราะมันเป็นเหตุผลว่าพี่น้องสองคนนี้ที่ไม่ได้เจอกันมานานมากพวกเธอก็ต้องดีใจและมีการแสดงออกที่มีความสุขไม่ใช่หรอกหรือ? ซึ่งเมื่อมองสถานการณ์ปัจจุบันก็ดูเหมือนว่าคนสองคนจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปเสียแล้ว? เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็มองไปที่หูวเค่อด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็มองไปที่จ้าวหยาและถามอย่างงุนงงว่า “พวกเธอสองคนกำลังทำอะไรอยู่..ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลย..มันก็แค่ครึ่งปีเท่านั้นเอง”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งในที่สุดทั้งสองสาวก็ยิ้มและกอดกันแน่น
“เย่เชียนรู้เรื่องแล้วหรอ?” จ้าวหยาถามเบาๆ
“แล้วเธอไม่ได้บอกเขาหรอ” หูวเค่อถามกลับเช่นกัน
“ไม่ๆ ฉันไม่ได้บอกเขา” จ้าวหยาตอบ
หูวเค่อก็พยักหน้าและพูดว่า “อันที่จริงมันก็ไม่สำคัญเพราะไม่ช้าก็เร็วถึงยังไงเขาก็จะรู้เอง..มันมีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นในตัวเขา..แต่เขาไม่เป็นอะไรหรอกไม่ต้องกังวล”
“พวกเธอสองคนกำลังพูดถึงอะไรแปลกๆ ..พวกเธอนินทาฉันงั้นเหรอ?” เย่เชียนถามแบบติดตลก
“ความลับของผู้หญิงคุณจะรู้ไปทำไม?” หูวเค่อเหลือบมองเย่เชียนและพูด หลังจากปล่อยกอดจ้าวหยาแล้วผู้หญิงทั้งสองก็นั่งลงด้วยกัน และหูวเค่อก็จ้องเขม็งเย่เชียนและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้เคลียกับคุณเลยนะเรื่องที่คุณกลับมาที่ไต้หวันตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้ติดต่อมาบอกฉันน่ะ?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปและมองไปที่หูวเค่อด้วยความประหลาดใจและถามว่า “คุณรู้หรอว่าผมกลับมาแล้ว?”
“หืม..คุณคิดว่าคุณจะปดปิดมันจากฉันได้หรอ..ฉันรู้ตั้งแต่วันที่คุณกลับมาวันแรกแล้ว!” หูวเค่อพูด
เย่เชียนก็รีบตรวจดูเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “นี่คุณแอบติดตั้งเครื่องติดตามกับผมหรอ?”
จ้าวหยาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กยิ้มน้อย ส่วนหูวเค่อก็มองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นหรอ..แล้วคุณล่ะแอบไปทำอะไรไม่ดีมารึเปล่า?”
“ไม่ๆ ..ไม่มีอะไรแน่นอน!” เย่เชียนรีบโบกมือขึ้นและพูด
“หืม..เมื่อเร็วๆ นี้นายไม่ได้อยู่กับผู้หญิงที่สวยๆ และเร่าร้อนหรอกเหรอ?” จ้าวหยาพูดและเติมเชื้อไฟเข้าไปในกองไฟ
เมื่อเห็นสีหน้าของหูวเค่อที่ค่อยๆ เย็นชาลงเย่เชียนก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ไม่ๆ ..มันไม่ใช่แบบนั้น..เธอเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ..เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น”
“เพื่อนเหรอ? ..เพื่อนหรือทาสกันแน่..ราชินีกับทาสสินะ..ฉันไม่คิดเลยว่านายจะมีรสนิยมแบบนี้” จ้าวหยาก็ยังคงเติมเชื้อไฟต่อไป
“หึ..ไม่น่าแปลกใจเลยที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” หูวเค่อพูดประชดประชัน “คุณคงไม่ได้ลืมจุดประสงค์ที่เรามาไต้หวันครั้งนี้หรอกใช่มั้ย? ..คุณทำตัวเหมือนมาเที่ยวเล่นเลย..ฉันล่ะปวดหัวจริงๆ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ที่ฉันต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปน่ะกำลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่..เพราะงั้นสามยักษ์ใหญ่แห่งไต้หวันต้องจับตามองเป็นแน่..เพราะงั้นผมก็เลยต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้พวกเขาเล็งเป้ามาที่ผมมากเกินไป..ผมจะได้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นน่ะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว!” หูวเค่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพึมพำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเธอก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นพูดความจริงแต่เธอแค่ไม่อยากทำให้เย่เชียนภาคภูมิใจในตัวเองจนเกินไป เขาไม่รู้ว่าหางของเขาจะสูงแค่ไหน หลังจากนั้นหูวเค่อก็หันหน้าไปทางจ้าวหยาและถามว่า “หยาเอ๋อ..เธอมาที่ไต้หวันเมื่อไหร่..เธอเรียนจบแล้วหรอ?”
“ฉันเพิ่งมาไม่กี่วันก่อนเอง..ฉันก็วางแผนที่จะกลับไปที่เซี่ยงไฮ้หลังจากเสร็จงานที่นี่แหละ..แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าฉันจะได้พบเขาที่นี่” จ้าวหยาพูดต่อ “ใช่ฉันเรียนจบแล้ว..ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในตำแหน่งประธานของเดอะมัวร์กรุ๊ปภาคเอเชีย”
“เดอะมัวร์กรุ๊ป?” หูวเค่อผงะไปชั่วขณะและโน้มตัวไปที่ข้างๆ หูของจ้าวหยาและถามเบาๆ ว่า “ถ้างั้นก็เป็นเพราะเดอะมัวร์กรุ๊ปหรอกเหรอ?”
จ้าวหยาก็พยักหน้าเบาๆ และตอบว่า “ใช่!”
หูวเค่อก็พยักหน้าเบาๆ และยื่นจี้หยกสีเขียวให้จ้าวหยาและพูดว่า “เธอพกสิ่งนี้ติดตัวเอาไว้นะ..ไม่งั้นเวลาเธอไปเหยียบแผ่นดินใหญ่เธอจะเป็นอันตรายมาก”
จ้าวหยาก็รับจี้หยกเอาไว้ในอ้อมแขนของเธอและพูดว่า “ขอบคุณนะ!”
เย่เชียนก็รู้สึกสับสนและงุนงงไปกับหญิงสาวทั้งสองอย่างมากและเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าพวกเธอกำลังพูดถึงอะไรกันแน่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็มองไปที่พวกเขาอย่างว่างเปล่าแต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวทั้งสองจะไม่แยแสเขาเลย ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รับรู้อะไรเลยและจุดบรุหรี่สูบอย่างสบายใจเฉิบ
ทั้งสองสาวก็เงยหน้าขึ้นหลังจากกระซิบกันอยู่นานและเมื่อเห็นท่าทางที่หดหู่ของเย่เชียนทั้งสองสาวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กยิ้มน้อย “นี่ถ้าคุณเบื่อก็ไปก่อนก็ได้นะ..ฉันจะอยู่คุยกับหยาเอ๋อ” หูวเค่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด
เย่เชียนก็เหมือนจะสูญเสียอาการอย่างมากเพราะปรากฏว่าหญิงสาวทั้งสองนั้นไม่แยแสเขาเลย และเขาก็ต้องไปที่บริษัททะเลสี่ทิศเพื่อมอบหุ้นเหล่านั้นให้กับซูเหวยอีก “งั้นเชิญสองสาวคุยกันไปนะ..เดี๋ยวผมไปก่อน..มื้อเย็นต้องการไปที่ไหนมั้ย?”
“ไม่ต้อง..เดี๋ยวเราไปกันเองได้” หูวเค่อพูด อันที่จริงหูวเค่อนั้นไม่ต้องการที่จะทะเลาะหรือผิดใจกับเย่เชียนเลย เพราะเธอเห็นว่าเย่เชียนนั้นไม่สะดวกถ้าเขาเคลื่อนไหวแบบเปิดเผยเช่นนี้
เย่เชียนก็เบะปากเล็กน้อยและส่ายหน้าอย่างหดหู่ ซึ่งเขาคิดว่าบางครั้งผู้หญิงคนนี้ก็เอาแต่ใจและไม่มีเหตุผลเกินไป แล้วถ้าหากเป็นเช่นนี้ในอนาคตเขาจะไม่ลำบากเหรอ?
“เดี๋ยวก่อน!” เมื่อเย่เชียนกำลังจะเดินไปที่ประตูจจู่ๆ หูวเค่อก็เรียกและพูดว่า “ทิ้งเบอร์โทรไว้..เดี๋ยวฉันจะโทรหาทีหลัง”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและบอกหมายเลขโทรศัพท์ให้หูวเค่อแล้วพูดว่า “จำเอาไว้ว่าเมื่อคุณคิดถึงฉันตอนกลางคืนโทรหาฉันและพร้อมรับสายฉันสัญญาว่าจะทำให้คุณสบายใจ”
“ไปได้แล้ว!” หูวเค่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด ซึ่งเย่เชียนก็ยิ้มและเดินออกไปจากห้องส่วนตัว
เมื่อเย่เชียนออกไปข้างนอกเขาก็เห็นคนจำนวนมากกำลังเดินเตร่อยู่บนท้องถนนและดูเหมือนว่าเพราะการตายของเหลยลี่จึงทำให้เหล่าสมาชิกขององค์กรเทียนเต๋าออกไล่ล่าหาข่าวและสอบถามไปทั่วทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้เพราะสิ่งที่เขาทำไปนั้นก็ค่อนข้างที่จะราบรื่นและสมาชิกขององค์กรเทียนเต๋าก็ไม่สามารถรรู้ได้เลย
เย่เชียนก็เรียกแท๊กซี่เพื่อไปที่บริษัททะเลสี่ทิศ
ซูเหวยเองก็รีบมาที่บริษัทเช่นกันในเช้าวันนี้เพราะเธอต้องติดตามตลาดหุ้นทันทีที่ตลาดหุ้นเปิด แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือหุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศนั้นไม่ผันผวนเลยและเธอก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ แต่เมื่อนึกถึงที่เย่เชียนโทรหาตัวเองเมื่อวานนี้แล้วเพื่อถามที่อยู่ของผู้ถือหุ้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆ ว่าเย่เชียนทำอะไรรึเปล่า?
หลังจากนั้นไม่นานเลขาของเธอก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรีบพูดกับซูเหวยว่า “ประธานซูคะ..เฉาฮงหลีตายแล้ว!”
“อะไรนะ?” ซูเหวยอดไม่ได้ที่จะผงะไปและรีบพูดว่า “ตายยังไง? ..ตายเมื่อไหร่?”
“คุณเปิดข่าวดูสิ!” ผู้ช่วยพูด
ซูเหวยก็รีบหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาและเปิดทีวีดูปรากฏว่ามีข่าวหนึ่งที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่คือที่บ้านของเฉาฮงหลีและในข่าวก็มีตำรวจกลุ่มหนึ่งล้อมรอบบ้านอยู่และเจ้าหน้าที่ก็กำลังอุ้มร่างของเฉาฮงหลีออกมาจากบ้านโดยมีเฉายู่เหลียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและหวาดกลัวอยู่ใกล้ๆ
แน่นอนว่าเฉาฮงหลีนั้นได้ทำให้หลายคนขุ่นเคืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและใครจะรู้ได้ล่ะว่าใครเป็นคนลงมือทำในตอนนี้และโชคดีที่เมื่อคือเฉายู่เหลียงไม่ได้อยู่บ้านไม่อย่างนั้นเขาก็คิดว่าเขาอาจจะไม่สามารถหนีจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ไปได้ แต่ใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าอีกฝ่ายจะหวนกลับมาคิดบัญชีตัวเองเมื่อไหร่ เมื่อคิดเช่นนั้นเฉายู่เหลียงก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะหนีไปทันทีและทิ้งงานศพของพ่อและแม่ตัวเองเอาไว้
เมื่อเห็นฉากนี้ซุเหวยก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและใบหน้าของเธอก็ลอยไปด้วยความเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าเฉาฮงหลีจะต้องการยึดบริษัททะเลสี่ทิศไปก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลุงของตัวเองอยู่ดี ดังนั้นซูเหวยก็ยังคงเสียใจเล็กน้อยที่ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเขาเช่นนี้
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเย่เชียนก็ปรากฏขึ้นในความคิดของซูเหวยพลางคิดว่าหรือจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เย่เชียนจะเป็นคนทำ ซูเหวยก็คิดอย่างลับๆ แต่นอกเหนือจากเขาแล้วซูเหวยก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้คิดว่าเย่เชียนจะเป็นคนที่กล้าฆ่าใครเพราะถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนอันธพาลก็ตามแต่ซูเหวยก็คิดว่าเย่เชียนจะไม่กล้าทำเช่นนั้นเป็นแน่
.
.
.
.
.
.
.