ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 406 สามสาว
ตอนที่ 406 สามสาว
เมื่อเย่เชียนนั่งลงที่โต๊ะอาหารเย่เชียนก็รินไวน์ใส่แก้วต่อหน้าซ่งหลันและหลินโรวโร่วจากนั้นก็รินให้ตัวเอง ซึ่งเย่หลินก็ถือแก้วไวน์อย่างคาดหวังและหวังให้เย่เชียนรินไวน์ให้เธอแต่ทว่าเย่เชียนก็วางขวดไวน์ลงจนเย่หลินอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “พ่อคะแล้วไวน์ของหนูล่ะ”
“คุณปู่เขาสั่งห้ามไม่ให้หนูดื่มน่ะ!” เย่เชียนพูดอย่างเคร่งขรึม
เย่หลินก็เม้มปากและดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อยจนซ่งหลันถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วเธอก็ยิ้มแล้วถามว่า “ให้เธอดื่มนิดๆ หน่อยๆ เองไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
“พี่หลันเดี๋ยวเธอก็กลายเป็นสาวน้อยขี้เมาหรอก” เย่เชียนพูดติดตลกจนซ่งหลันและหลินโรวโร่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกๆ ..ให้เธอดื่มเถอะ..เธอจะได้รู้ซึ้งถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เพื่อที่เธอจะได้ไม่ทรมานในอนาคตน่ะ” ซ่งหลันยิ้มและพูดว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน..เพราะงั้นพี่สาวคนนี้จะอนุญาตให้หนูดื่มได้..แต่แค่แก้วเดียวเท่านั้นนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สาวหลัน!” เย่หลินพูดอย่างมีความสุข เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วเทไวน์ใส่แก้วให้เย่หลินแล้วพูดว่า “พอใจหรือยัง..ถ้าหนูกลับไปหนูจะอธิบายกับคุณปู่ของหนูยังไง?”
เย่หลินก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าหนูเมาคืนนี้หนูก็จะนอนที่นี่แล้วพรุ่งนี้พ่อก็ไปส่งหนูที่โรงเรียน..เพราะพวกเด็กผู้ชายในโรงเรียนบอกว่าหนูไม่มีพ่อน่ะ!”
เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเย่เชียนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยซึ่งในฐานะคนเป็นพ่อแล้วสิ่งนี้มันเป็นความรับผิดชอบของเขาและมันก็เป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นนี้ที่ต้องมีความร้าวฉานในโรงเรียน เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเย่เชียนนั้นรู้สึกว่าเขาต้องไปส่งเย่หลินที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้เพื่อที่เด็กคนอื่นๆ จะได้รู้ว่าเย่หลินนั้นมีพ่อและเลิกหัวเราะเยาะเธอสักที จากนั้นเย่เชียนก็นึกถึงฉากที่เขาเจอที่โรงเรียนในวันนี้และก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่าคงจะไม่มีเด็กในโรงเรียนคนไหนที่กล้าหัวเราะเยาะเธอหรอกใช่ไหม? และเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีกันแน่
“พ่อสัญญากับหนูเลยว่าตราบใดที่พ่อยังอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ล่ะก็พ่อจะไปส่งหนูที่โรงเรียนทุกวันและไปรับหนูที่โรงเรียนทุกวันนะ” เย่เชียนพูด
“นี่แหละพ่อที่ดี!” เย่หลินตบบ่าของเย่เชียนอย่างหนักแน่นและพูดเหมือนผู้นำขององค์กรใหญ่ๆ จนซ่งหลันและหลินโรวโร่วหัวเราะอีกครั้ง
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแต่ทว่ารอยยิ้มนั้นยังเผยให้เห็นถึงความสุขมากมายเพราะเย่เชียนชอบเด็กที่ฉลาดเช่นนี้ ซึ่งพ่อกับลูกเหมือนจะเป็นเพื่อนกันและเข้ากันได้ดีอย่างมาก หลังจากนั้นเย่เชียนก็หยิบของขวัญที่ซื้อมาและยื่นให้และพูดว่า “พี่หลันผมให้พี่..หวังว่าพี่จะชอบมันนะ!”
“มันคืออะไร” ซ่งหลันถามในขณะที่เธอกำลังจะเปิดมันออกแต่ทว่าเย่เชียนก็รีบขัดจังหวะว่า “พี่ค่อยดูมันทีหลังก็ได้” สิ่งนี้ทำให้ซ่งหลันสงสัยอย่างมากและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ของขวัญมันก็ต้องลุ้นสิ..เพราะงั้นพี่ค่อยไปเปิดดูที่ห้องของพี่คนเดียวก็แล้วกัน”
“แต่หนูรู้! ” เย่หลินยกมือขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเธอ
“หนูจะรู้ได้ยังไง?” เย่เชียนจ้องมองเธอและพูดว่า “อย่าพูดไปเรื่อยสิ”
“หนูรู้จริงๆ ..เพราะว่าตอนที่หนูอยู่ในรถหนูก็แอบเปิดมันดูและมันก็คือ…” เมื่อเย่หลินกำลังจะพูดแต่จู่ๆ เย่เชียนรีบปิดปากของเธอเอาไว้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไร..ไม่มีอะไร..เดี๋ยวพี่ก็จะรู้เองเมื่อพี่เปิดมันตอนกลับไปที่ห้อง” เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ โจมตีเช่นนี้เพราะเธอนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในมันมีอะไรอยู่ซึ่งเธอเพียงแค่หลอกและแกล้งเย่เชียนเพียงเท่านั้น
ซ่งหลันก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและวางของขวัญลงบนพื้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ซ่งหลันไม่ได้คาดคิดก็คือเมื่อเธอเปิดมันหลังจากกลับมาที่ห้องปรากฏว่ามันเป็นชุดชั้นในลายลูกไม้ที่เซ็กซี่อย่างมาก ซึ่งเธอยังคงจำสไตล์ของชุดชั้นในนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะตอนที่เธอพาเย่เชียนไปช้อปปิ้งกับเธอครั้งแรกเธอก็ได้สวมชุดชั้นในแบบนี้ แต่เพราะเย่เชียนรู้สึกละอายใจในตอนนั้นเขาจึงดึงเธอและวิ่งหนีไปโดยที่เธอไม่ได้ซื้อมัน ซึ่งหลังจากนั้นมาซ่งหลันก็ได้ไปเดินหาตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ และเว็บไซต์แต่เธอก็ไม่พบชุดชั้นในลายแบบนี้เลยและเธอก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เรื่อยมาและเธอก็ไม่คิดคาดคิดเลยว่าเย่เชียนจะพบมันและซื้อมันมาเป็นของขวัญให้เธอเช่นนี้
หลังจากเงียบไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “แล้วหนูล่ะ..เตรียมของขวัญอะไรเอาไว้ให้พี่สาว”
“หนูเตรียมเอาไว้แล้ว” เย่หลินพูดอย่างเคร่งขรึมซึ่งทำให้เย่เชียนประหลาดใจเพราะตั้งแต่ที่เขาไปรับเธอจากโรงเรียนเขาก็ไม่เห็นว่าเธอจะไม่มีของขวัญอะไรเลยแล้วเธอไปเตรียมเอาไว้เมื่อไหร่กันแน่?
“นี่ไง! ..กระต่ายน้อย!” เย่หลินวางมือบนศีรษะของเธอและทำรูปหูของกระต่ายซึ่งตลกมาก “ห๊ะ! ….” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสำลักไวน์ที่ดื่มเข้าไปในปากของเขาและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “นี่น่ะหรอของขวัญ? ”
“ใช่สิ..เพราะของขวัญน่ะไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นของขวัญแบบเป็นของใช้สักหน่อย..บางครั้งของขวัญก็เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้เหมือนกันนะ..พี่สาวหลันไม่คิดแบบนั้นหรอคะ?” เย่หลินพูด
“ใช่จ่ะ..พี่มีความสุขมากเลยที่หนูมาร่วมงานวันเกิดของพี่” ซ่งหลันยิ้มเล็กยิ้มน้อยและลูบหัวของเย่หลิน
สามสาวเหล่านี้ดูเหมือนตัวละครในละครและเย่เชียนก็กลายเป็นเด็กน่าสงสารที่โดนผู้หญิงทั้งสามคนรุมทำร้าย เย่หลินก็รู้สึกตื่นเต้นมากและอยากจะเล่าเรื่องที่เธอทำกับพนักงานในร้านเค้กและสั่งสอนเธอที่เธอเอาเปรียบคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าซ่งหลันและหลินโรวโร่วจะไม่เอาจริงเอาจังและไม่โกรธเธอถ้าหากเย่เชียนพูดอะไรบางอย่างออกไปเธอก็แค่ต้องแต่งเรื่องที่โกหกที่เย่เชียนแอบหนีไปเที่ยวกับหญิงสาวคนอื่น ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวทั้งสองก็ร่วมมือกับเย่หลินในการโจมตีเย่เชียนด้วยเรื่องที่แต่งขึ้นมาเช่นนี้ ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกหดหู่ใจและอดคิดไม่ได้ว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วเขาจะต้องมีลูกชายให้ได้เพราะวิถีแห่งลูกผู้ชายจะไม่ทำอย่างนี้แน่นอน
ดูเหมือนว่าเย่หลินเด็กผ็หญิงตัวเล็กๆ จะลืมความหวาดกลัวที่เคยมีเมื่อเธอแทงสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันไป เพราะเธอสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเกี่ยวกับความตื่นเต้นในเวลานั้นจนทำให้ซ่งหลันและหลินโรวโร่วอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกันอย่างมาก
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเย่เชียนก็หยิบเค้กที่เตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้วออกมาและหลังจากที่ซ่งหลันได้ขอพรแล้วทั้งสี่คนก็เล่นเค้กป้ายใส่กันและฉากที่มีความสุขและดูเป็นเหมือนครอบครัวที่แสนสุขก็ปรากฏออกมา
อาจเป็นไปได้ว่าเย่หลินนั้นเหน็ดเหนื่อยจากการเล่นเพราะไม่นานนักเธอก็หลับไปและเย่เชียนก็โทรหาพ่อของเขาและบอกว่าเย่หลินจะไม่กลับไปในคืนนี้เพื่อไม่ให้พ่อต้องกังวล จากนั้นเย่เชียนก็อุ้มเย่หลินเข้าไปในห้องและปล่อยเธอเอาไว้บนเตียงและมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กยิ้มน้อย
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนออกมาจากห้องแล้วซ่งหลันก็ถามว่า “คืนนี้นายจะออกไปข้างนอกมั้ย?”
เพราะเธอได้ยินสิ่งที่เย่หลินพูดถึงเรื่องเมื่อช่วงตอนกลางวันแล้วซ่งหลันก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นจะไม่มีวันยอมง่ายๆ และการแก้แค้นก็ตามมาในไม่ช้าและแน่นอนว่าเธอนั้นรู้ดีว่าคืนนี้เย่เชียนจะออกไปข้างนอกและคิดบัญชีแค้นของเขาเหมือนที่ผ่านมา
“อืม!” เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เรื่องนี้ผมต้องจัดการโดยเร็วที่สุด..เพราะไม่งั้นมันจะต้องมีเรื่องยุ่งยากอีกมากมายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน..ผมขอโทษนะที่คืนนี้ผมอยู่กับพี่ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรๆ ..นายไปจัดการเรื่องนั้นเถอะ” ถึงแม้ว่าซ่งหลันจะดูผิดหวังเล็กน้อยก็ตามแต่เธอก็พูดอย่างเห็นด้วยเพราะหลังจากที่เธอติดตามเย่เชียนมานานหลายปีซ่งหลันก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนที่มักจะทำสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งวันและเขาก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและอุดมคติที่สูงส่ง ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เธอชอบเพราะถ้าเย่เชียนเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อและมั่วผู้หญิงตลอดทั้งวันนั้นเธอจะยังรักเขาอยู่ไหม?
หลินโรวโร่วก็เอาเสื้อคลุมมาสวมให้เย่เชียนแล้วพูดว่า “ตอนกลางคืนมันหนาวนะ..ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ด้วยสิ..แล้วก็ระวังตัวด้วย”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก..มันแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะ..ผมจะตายได้ยังไง..ร่างกายของผมน่ะแข็งแกร่งดั่งภูผาและไม่มีใครสามารถทำลายผมได้..เอาหน่า..พวกคุณก็ไปพักผ่อนกันนะ..ผมขอตัวก่อน!”
ตั้งแต่ที่ได้รับสายโทรศัพท์ของเย่เชียนแล้วแจ็คก็ไม่กล้าที่จะละเลยใดๆ เพราะเขาได้รีบติดต่อหวังหูเพื่อให้เขาส่งคนจำนวนมากไปล้อมบ้านของอู๋หยางเฉิงเอาไว้เพราะเป็นไปได้ว่าอาจจะมีทหารรับจ้างเรดซันอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นแจ็คจึงได้ระดมพลคนจำนวนมากจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดไปล้อมบ้านของอู๋หยางเฉิงด้วยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วทหารรับจ้างเรดซันนั้นก็ไม่ใช่พวกอันธพาลธรรมดาๆ ดังนั้นจึงจ้องใช้เหล่าบอดี้การ์ดและมาเฟียของหวังหูกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดร่วมมือกันเพราะมันจะทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นเป็นสองเท่า
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์มันใหญ่โตเช่นนี้แล้วหวังหูก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยแต่อย่างใดเพราะเขาลงพื้นที่ด้วยตัวเองพร้อมกับเหล่าลูกน้องของเขาไปปิดล้อมบ้านของอู๋หยางเฉิงเอาไว้ ซึ่งแจ็คเองก็ลงพื้นที่ด้วยเช่นกันเพื่อจัดการกับอาซูกะนากาจิมะเพราะแจ็คยังคงกังวลเล็กน้อยกับผู้หญิงคนนี้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันแห่งญี่ปุ่น ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะแสดงถึงความสามารถของเธอแล้ว
ทางด้านของอู๋หยางเฉิงก็รู้สึกหดหู่เช่นกันเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากรัฐบาลกลางโดยบอกให้เขานั้นรีบไปเข้าการประชุมของคณะกรรมการเทศบาลเมือง ซึ่งทันทีที่เขาออกจากบ้านเขาก็พบว่าบ้านของเขานั้นถูกล้อมรอบไปด้วยกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจำนวนมาก ซึ่งในฉากนี้อาซูกะนากาจิมะที่อยู่ที่ชั้นบนก็มองเห็นได้ชัดเจนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้และเธอก็รู้ว่าแผนของเธอนั้นได้ล้มเหลวไปเสียแล้ว เพราะปรากฏว่าเย่เชียนนั้นเริ่มที่จะต่อสู้กลับ และสิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือทำไมเย่เชียนถึงไม่มาด้วยตัวเองนี่เพราะไม่ใช่สไตล์ของเย่เชียนเลย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอาซูกะนากาจิมะก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวซึ่งนั่นก็คือเย่เชียนมีบางอย่างที่ต้องทำดังนั้นเขาจึงส่งคนเหล่านี้มาล้อมเธอก่อนแต่เขาก็จะไม่ปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน
อู๋หยางเฉิงก็พยายามข่มขู่หวังหูและคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็ไม่แยแสและไม่ยอมปล่อยอู๋หยางเฉิงออกไปจนอู๋หยางเฉิงโกรธจนตัวสั่นเทาไปทั้งตัว เพราะในฐานะรองเลขาธิการผู้ว่าการพรรคเทศบาลเมืองผู้ที่สง่าผ่าเผยถูกกลุ่มอันธพาลปิดล้อมที่หน้าบ้านของตัวเองและไม่สามารถแม้แต่จะออกไปจากประตูบ้านได้เลย ดังนั้นเขาจึงโทรไปหาหลี่ฮ่าวและบอกให้หลี่ฮ่าวส่งคนมาช่วยแต่ทว่าหลี่ฮ่าวกลับพูดอย่างคลุมเครือโดยพูดว่า “มีคนที่กล้าทำแบบนี้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราด้วยเหรอ..เดี๋ยวผมจะส่งคนไปสอบสวนเอง” หลังจากที่ทำงานอย่างหนักหน่วงในรัฐบาลมานานหลายปีอู๋หยางเฉิงก็ชัดเจนมากว่านี่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างและเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหลี่ฮ่าวจะส่งคนมาเมื่อใด
.
.
.
.
.
.
.