ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 410 ไร้หนทาง
ตอนที่ 410 ไร้หนทาง
เย่เชียนนั้นส่งมอบตัวอาซูกะนากาจิมะและอู๋หยางเฉินให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นขอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเล่าทุกอย่างที่เขารู้หลังจากการสอบสวนอาซูกะนากาจิมะและอู๋หยางเฉิง ซึ่งในขณะนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มีความสุขมากเพราะเขารู้นิสัยของเย่เชียนเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจะไม่เปิดเผยปมในการลอบสังหารเย่เชียนเมื่อช่วงกลางวันอย่างแน่นอนเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นรู้ว่าเย่เชียนจะต้องไล่ล่าและล้างแค้นด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเย่เชียนเองก็มีความคิดของตัวเองเพราะตั้งแต่ที่เขาเริ่มเตรียมพัฒนาสิ่งต่างๆ ในประเทศจีนนั้นเย่เชียนก็รู้ดีว่าผู้นำและเบื้องบนของจีนนั้นจะไม่ยอมให้เขาดำรงอยู่ในองค์กรที่ทรงพลังเช่นนี้ ดังนั้นเย่เชียนจึงวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าและทำเพื่อตัวเองและวางแผนสำหรับอนาคตอีกด้วย ซึ่งเย่เชียนก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าพวกเขาจะใจดีกับตัวเองมากเช่นนี้ แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ร็ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเขาก็รู้ดีว่าเขานั้นยืนอยู่ในตำแหน่งไหน
การยืมมือกันและกันนี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและผู้นำรัฐบาลกลางและเบื้องบนเหล่านั้น เพราะพวกเขาต้องการใช้เย่เชียนเพื่อรวบรวมกองกำลังใต้ดินของจีนและไต้หวัน ซึ่งเย่เชียนก็ต้องการใช้พวกเขาเพื่อสร้างอำนาจของเขี้ยวหมาป่าในประเทศจีนอย่างรวดเร็วและไม่เพียงแต่ในด้านของเศรษฐกิจเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงด้านอื่นๆ อีกด้วย เพราะเมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้ว่ารัฐบาลกลางจะหันมาจัดการกับตัวเองก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้พวกเขาไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกต่อไป
เย่เชียนนั้นมีความรักชาติแต่เย่เชียนก็ไม่ได้ต้องการให้ความรักชาติของเขากลายเป็นวิธีการที่ทำให้บุคคลหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช้ตัวเองเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเบี้ยในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ เพราะสำหรับเย่เชียนแล้วตราบใดที่ใครสามารถทำให้ประเทศมั่งคั่งและยั่งยืนได้ก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะเย่เชียนสามารถใช้ชีวิตในฐานะคนรวยคนหนึ่งได้และสามารถผ่อนคลายสบายใจได้ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรล่ะก็เย่เชียนก็จะไปที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกและหาเกาะเล็กๆ และใช้ชีวิตที่เหลือของตัวเองโดยไม่มีความขัดแย้งใดๆ อีกต่อไป
หลังจากออกจากบ้านของอู๋หยางเฉิงแล้วเย่เชียนก็ขับรถตรงไปที่บ้านของหวังหู ส่วนแจ็คก็คอยดูแลจัดการสิ่งต่างๆ ให้เหล่าเจ้าหน้าที่และผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังหูเพื่อให้พวกเขาได้ผ่อนคลาย ซึ่งเย่เชียนนั้นก็สั่งให้หวังหูตามหาอู๋หยางเทียนฉิงและฆ่าเขาทิ้งเสีย เพราะเย่เชียนนั้นต้องการตัดหญ้าและถอนรากถอนโคนออกให้หมดเพราะเย่เชียนก็ไม่ต้องการให้เหตุการณ์การแก้แค้นเหมือนของอู๋หยางเฉิงเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นเพราะความใจอ่อนของเขาที่เขาคิดว่าอู๋หยางเฉิงได้เลิกแก้แค้นและเลิกแล้วต่อไปกัน เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องต่างๆ ก็คงจะไม่นำมาสู่สถานการณ์ในวันนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงต้องตัดหญ้าและถอนรากถอนโคนออกให้หมดและไม่ใช่แค่แต่อู๋หยางเทียนฉิงเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงตระกูลอู๋หยางทั้งหมดด้วย
สำหรับหวังหูที่เกิดและเติบโตมาในวงการใต้ดินนั้นเขาก็เคยได้เห็นการกวาดล้างทั้งตระกูลแบบนี้มามากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ เลย ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังหูก็ตอบรับโดยไม่ลังเลใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ทางด้านของจื้อจุนและเซียวหวันนั้นได้พาตัวอู๋หยางเฉิงและอาซูกะนากาจิมะขึ้นรถรีบไปยังพื้นที่รักษาการณ์พิเศษของเมืองเซี่ยงไฮ้ในชั่วข้ามคืนและบินตรงกลับไปยังกรุงปักกิ่งทันที ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ได้โทรศัพท์ไปหาหวังปิงเพื่อขอให้เขาทำทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้นข่าวสารทั้งหมดอย่างเคร่งครัดและสำหรับเบาะแสของอู๋หยางเฉิงนั้นก็ให้เขาหาเหตุผลในการแก้ต่างไปชั่วคราวเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเกิดความสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วหวังปิงก็รู้แล้วว่าอู๋หยางเฉิงนั้นจบสิ้นและสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบเพราะการเข้าไปยังในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาตินั้นไม่ได้สบายเหมือนกับการเดินเข้าไปในสำนักงานกรมตรวจสอบวินัยกลางแต่อย่างใด และไม่เพียงแค่นั้นเพราะด้วยความมีไหวพริบทางการเมืองของหวังปิงแล้วเขาก็ยังคาดเดาได้ว่ารัฐบาลกลางจะต้องเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน
หลังจากกลับไปที่บ้านแล้วเย่เชียนก็พบว่าซ่งหลันและหลินโรวโร่วยังไม่ได้หลับเพราะพวกเธอนั้นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นและคุยกันเบาๆ และเมื่อพวกเธอเห็นเย่เชียนเข้ามาหลินโรวโร่วก็รีบลุกขึ้นและทักทายเขาขณะที่เดินไปหยิบเสื้อโค้ตที่เย่เชียนจะถอดออกและเธอก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง?”
“ผมไม่เป็นไร” เย่เชียนพูด “ทำไมพวกคุณยังไม่นอนกันล่ะ” เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าพวกเธอกำลังรอตัวเองอยู่และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจ
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ..ฉันก็เลยมาคุยกับพี่หลัน..คุณหิวมั้ย? ..ฉันทำโจ๊กเอาไว้ในครัวน่ะ..ให้ฉันไปอุ่นให้มั้ย?” หลินโรวโร่วพูด
“ได้สิ..ผมหิวจะตายอยู่แล้ว” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินโรวโร่วก็ยิ้มอย่างมีความสุขและเดินเข้าไปในครัวเพราะความสุขบางครั้งก็ง่ายเหมือนกันเพราะนอกจากนี้ก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นคนรักกินของที่เราทำอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินไปหาซ่งหลันและนั่งลงและซ่งหลันก็จ้องมองเขาและพูดว่า “นี่นายไม่รู้จักละอายใจบ้างเลยหรอ..ทำไมนายถึงกล้าที่จะซื้อชุดชั้นในแบบนี้..นายไม่กลัวเลยหรอว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะนายเอา?” ความโกรธดูเหมือนจะเป็นแค่คำพูดเพราะการแสดงออกของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสุขและความหวานอย่างชัดเจน
“ก็ไม่ใช่ว่าคนเราเมื่ออายุมากขึ้นก็จะหน้าด้านขึ้นหรอ?” เย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “แล้วพี่ล่ะชอบหรือเปล่า..ผมคิดว่าพี่คงตื่นเต้นและรีบลองใส่มันทันที” เย่เชียนพูดพร้อมกับมองซ่งหลันด้วยท่าทางที่หลงใหล
น่าเสียดายที่เย่เชียนนั้นเป็นเหมือนคู่ต่อสู้ของซ่งหลันเพราะเย่เชียนนั้นกลัวการหยอกล้อของเธออย่างมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นซ่งหลันก็ตอกกลับอย่างร้อนแรงว่า “แล้วถ้าฉันใส่มันล่ะ! ..นายจะกล้าดูมั้ย? ..นายกล้าสัมผัสมั้ย?”
“เฮ้!” เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “พี่หลันอย่ามายั่วยุผม..ฮอร์โมนเพศชายของผมมันหลั่งออกมาอย่างรุนแรงเมื่อเร็วๆ นี้เองนะ..ถ้าผมพลั้งทำอะไรไม่ดีลงไปก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
“ใครไม่กล้าก็เป็นหมาไป! ..มาสิ..เดี๋ยวพี่สาวจะถอดเสื้อผ้าออกแล้วนายก็ทำต่อซะ” ซ่งหลันพูดขณะที่เธอถอดเสื้อผ้าออกและเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวจนผิวสีขาวราวกับหิมะปรากฏออกมาให้เห็นทันที ซึ่งหิมะสีขาวตรงหน้าก็ดูเหมือนจะส่งกลิ่นหอมของร่างกายผู้หญิงซึ่งเหมือนผืนผ้าไหมไร้ที่ติเรียบเนียนสุด ๆ
ฉันดื่มไวน์ไปเยอะมากตอนที่ฉันคุยกับโรวโร่ว แถมวันนี้ก็ยังเป็นวันเกิดของซ่งหลันที่ครบรอบอายุยี่สิบแปดปีอีกด้วย ซึ่งหลังจากผ่านมายี่สิบแปดปีเธอก็โหยหาครอบครัวและอยากจะมีครอบครัวเป็นของเธอเองและมีสามีที่รักและรักเธอและลูกของเธอเอง ซึ่งหญิงสาวอายุยี่สิบแปดปีนั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปและเธอก็ตื่นเต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ถ้างั้นก็มาเลย!” เย่เชียนพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “พี่ต้องการท่าไหน? ”
ซ่งหลันก็จ้องมองเย่เชียนและพูดว่า “นายมีท่าไหนบ้างล่ะ? ..พี่สาวคนนี้ได้หมดนั่นแหละ..มันขึ้นอยู่กับนาย”
จากด้านในของห้องครัวหลินโรวโร่วก็กำลังเดินออกมาพร้อมกับโจ๊กและเธอก็เห็นฉากตรงหน้าและเธอก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและเธอก็รีบหันหลังและเดินกลับไป แต่ถึงแม้ว่าเธอจะยอมรับเรื่องที่เย่เชียนมีผู้หญิงคนอื่นได้นั้นแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้เห็นด้วยตาของเธอเอง จากนั้นเธอก็มองลงไปที่หน้าอกของเธอเองและคิดกับตัวเองว่า “หรือเป็นเพราะฉันไม่น่าดึงดูดพอ..ทำไมเย่เชียนถึงไม่ต้องการฉันบ้างเลย? ”
มันอาจจะเป็นอย่างที่เย่เชียนพูดเมื่อเร็วๆ นี้ว่าฮอร์โมนเพศชายของเขาหลั่งออกมามากเกินไปเมื่อเห็นเรือนร่างของซ่งหลันจนเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอย่างลับๆ อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นยังไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ตัณหาโดยสมบูรณ์เพราะเขาเป็นคนที่มักจะเคร่งขรึมอยู่เสมอ นอกจากนี้เขาเองก็รู้ตัวดีว่าเขาปฏิบัติต่อซ่งหลันได้ไม่ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้วซ่งหลันก็คงจะไม่ออกจากองค์กรดาร์คลิลลี่เป็นแน่และเธอก็จะไม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเขาในการจัดการเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปในชีวิตของเขา
ซ่งหลันเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และอารมณ์ของเธอในตอนนี้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานซ่งหลันก็สงบลงและหลังจากเกิดปัญหาดังกล่าวแล้วเธอก็ถอนหายใจเล็กน้อยและใบหน้าของซ่งหลันก็เปลี่ยนไปและเธอก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไปให้พ้น..นายคิดว่านายน่าพิศวาสขนาดนั้นเลยหรอ..ฉันไม่สนใจนายหรอก”
หลังจากพูดจบซ่งหลันก็ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่ห้องนอนของเขา ซึ่งเย่เชียนก็ฉีกยิ้มเบาๆ เพราะเย่เชียนนั้นรู้จักซ่งหลันเป็นอย่างดีเหมือนกับที่ซ่งหลันรู้จักเย่เชียนเป็นอย่างดี ซึ่งซ่งหลันเองก็ไม่ได้ต้องการกดดันหัวใจของเย่เชียนและเธอก็ไม่ได้ต้องการทำให้หลินโรวโร่วเข้าใจผิด ดั่งที่ซ่งหลันเคยพูดเอาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเป็นภรรยาของได้เย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงในชีวิตเธอก็จะเป็นคนรักของเขาและเธอก็ไม่ขอสถานะใดๆ เพียงแค่ขอให้เย่เชียนมีเธออยู่ในใจแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
จากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ซ่งหลันก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นก็มีเธออยู่ในหัวใจของเขาและมันก็เป็นพื้นที่ที่สำคัญมากด้วย เพราะการที่เธออยู่กับเย่เชียนมานานนั้นเธอก็รู้ดีว่าถ้าเย่เชียนไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ล่ะก็เขาก็จะไม่มีวันพาเธอไปง่ายๆ เช่นนั้นอย่างแน่นอน
ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้เวลากับหลินโรวโร่วมานานซ่งหลันก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าหลินโรวโร่วนั้นรักเย่เชียนมากและเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การถูกเย่เชียนปกป้องจริงๆ ซึ่งถ้าหากเย่เชียนต้องเลือกผู้หญิงคนใดคนหนึ่งล่ะก็ซ่งหลันก็มั่นใจว่าเย่เชียนจะต้องเลือกหลินโรวโร่วอย่างแน่นอน เพราะซ่งหลันนั้นรู้ด้วยว่าความรู้สึกของเย่เชียนที่มีต่อเธอนั้นอาจเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณและความรู้สึกผิดเสียมากกว่าความรัก ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะเลือกที่จะเป็นคนรักของเย่เชียนก็ตามแต่ซ่งหลันก็ไม่เต็มใจที่จะทำอะไรล่วงเกินกับเขาเพื่อทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนกับหลินโรวโร่วเลย
ในโลกใบนี้นั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนที่รับได้จริงๆ ว่าผู้ชายของเธอไปมีผู้หญิงอื่นแต่เพียงเพราะความรักนั้นเธอจึงต้องแบกรับมันเอาไว้ ซึ่งซ่งหลันเองก็รู้ว่าตอนนี้หลินโรวโร่วอาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอและเย่เชียนแล้วและเธอก็แสดงออกมาโดยปริยายแต่ยิ่งเธออยู่กับหลินโรวโร่วนานเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอยากจะอยู่ร่วมด้วยกันกับเย่เชียนและหลินโรวโร่วน้อยลงมากเท่านั้น เพราะถึงยังไงซ่งหลันเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกันและบางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เธอรักอย่างลึกซึ้งดังนั้นเธอจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะถ้าหากเธอสามารถควบคุมมันได้เธอก็อาจจะไม่รักเย่เชียนอย่างลึกซึ้งอีกต่อไป
“ไหนมาชิมซิว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง” หลินโรวโร่วเดินถือชามโจ๊กออกมาและยื่นให้เย่เชียนแล้วพูด ซึ่งเธอพยายามแสร้งทำเป็นใจเย็นและสงบมากๆ ราวกับว่าเมื่อครู่นี้เธอไม่เห็นอะไรเลย อย่างไรก็ตามหลินโรวโร่วก็ไม่เก่งในการเสแสร้งแกล้งทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถรู้ได้จากการแสดงออกของเธอว่าหลินโรวโร่วนั้นต้องเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นแน่ แต่เนื่องจากหลินโรวโร่วไม่ต้องการให้ใครรับรู้ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องกลับไปพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอีก
“ผมไม่ค่อยมีแรงเลย” เย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและจับมือเธอแล้วพูด
.
.
.
.
.
.
.