ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 412 สมบัติประจำตระกูลของม่อหลง
ตอนที่ 412 สมบัติประจำตระกูลของม่อหลง
สำหรับกงห่าวผู้มีความภาคภูมิใจในตนเองสูงนั้นเขาจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำออกมาอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่ตนนั้นคิดเสมอมา ซึ่งคำพูดของม่อหลงนั้นเป็นสิ่งที่หาสิ่งใดเปรียบมิได้เลยจนกงห่าวถึงกับแน่นิ่งไปและพูดด้วยความประม่าว่า “เอ็งมองออกจริงๆเหรอ?”
สิ่งนี้สำคัญมากเพราะถ้าหากม่อหลงเพียงแค่คาดเดาเอานั้นมันก็เป็นเรื่องปกติแต่ถ้าหากม่อหลงสามารถมองออกได้นั่นก็แสดงว่ากงห่าวล้มเหลวและต้องอับอายอย่างมากนั่นเองและชื่อเสียงของเขาก็จะถูกทำลายในที่สุด
“ใช่!” ม่อหลงพูดอย่างจริงจังว่า “เพราะกริชดาวตกของจริงน่ะมันสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกเช่นเดียวกับแวมไพร์ในภาพยนตร์..ซึ่งของปลอมน่ะมันไม่มีกลิ่นอายแบบนั้นอยู่เลย”
ตอนนี้เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงและมองไปที่ม่อหลงด้วยความประหลาดใจและถามว่า “พี่เคยเห็นกริชดาวตกมาก่อนหรอ?”
ม่อหลงก็พยักหน้าอย่างเงียบๆและไม่ได้พูดอะไรใดๆและดวงตาของเขาก็มองไปไกลโดยไม่รู้ตัวราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาทำเช่นนั้นอยู่เป็นเวลานานและหลังจากนั้นม่อหลงก็ค่อยๆถอนสายตากลับมาและหันไปจ้องมองที่กงห่าวและพูดว่า “คุณกงไม่จำเป็นต้องไปสนใจเหตุผลที่ผมสามารถมองมันออกได้แค่การเห็นด้วยตาเปล่าหรอก..นั่นก็เพราะว่าผมน่ะคุ้นเคยกับกริชดาวตกมาตั้งแต่ยังเด็กๆ..และผมก็ยังเคยใช้มันอยู่บ่อยๆ..ซึ่งกริชดาวตกของปลอมที่คุณทำขึ้นมาน่ะมันก็เหมือนของจริงและแทบจะไม่ต่างเลยเพราะถ้าหากไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับมันจริงๆแล้วล่ะก็..คนคนนั้นก็ไม่มีทางที่จะแยกออกได้เลย”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของม่อหลงแล้วกงห่าวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเพราะไม่ว่าใครจะผ่านประสบการณ์การสร้างหรือการมองของปลอมและของเลียแบบมามากแค่ไหนแต่ถ้าเขาคนนั้นคุ้นเคยกับสิ่งนั้นดีล่ะก็มันก็สามารถแยกของจริงกับของปลอมออกได้อย่างง่ายดายและยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายที่ม่อหลงพูดออกมานั้นเดิมทีมันเป็นสิ่งที่ลึกลับและลี้ลับอย่างมากและมันก็คือความรู้สึกและสัมผัสพิเศษและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดอะไรออกมาโดยไม่มีแก่นสารหรือมูลเหตุได้
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกตกใจอยากมากและอยากจะถามม่อหลงถึงเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้เย่เชียนก็จะไม่ถามเพราะว่าที่นี่ตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วย
หลังจากใส่กริชดาวตกทั้งสองลงในกล่องนิรภัยแล้วเย่เชียนก็หยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าของเขาและส่งให้โดยพูดว่า “อาจารย์กง..ผมรู้ดีว่าสิ่งนี้อาจจะดูไม่ดี..แต่คุณรับมันเอาไว้เถอะครับ..ผมขอบคุณมากสำหรับเรื่องนี้..ถ้าหากมีโอกาสแบบนี้ในอนาคตผมก็หวังว่าอาจารย์กงจะช่วยได้อีกครั้ง”
กงห่าวก็ส่ายหัวและผลักเช็คเงินสดกลับไปและพูดว่า “ฉันสัญญาว่าจะช่วยเอ็งแล้วและมันไม่ใช่เพราะเงิน..เพราะถ้าฉันเห็นแก่เงินอีกฉันก็จะกลับไปเป็นเหมือนก่อน..ฉันจะบอกความจริงกับเอ็งนะว่าที่ฉันทำไปก็แค่เพื่อความสำเร็จของตัวเองเท่านั้น..เอ็งเอาเงินของเอ็งเก็บไปเถอะ..ถึงยังไงเราก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ในอนาคตอยู่ดี..เพราะเราจะไม่หยุดอยู่กันแค่นี้หรอก”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเย่เชียนก็พยักหน้าและหยิบเช็คกลับไปใส่กระเป๋าและพูดว่า “ถ้าหากอาจารย์กงต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคตก็บอกผมได้เลยนะครับ..ถ้ามันเป็นสิ่งที่น้องเย่คนนี้สามารถทำได้ล่ะ..ผมจะไม่ลังเลใดๆเลย”
“ถ้าเอ็งอยากจะขอบคุณฉันจริงๆล่ะก็..พาฉันไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเนื้อสักชามก็พอแล้ว” กงห่าวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหาครับ..ชามเดียวไม่พอหรอก..ต้องอย่างน้อยสามชาม!” เย่เชียนพูดแล้วหัวเราะ
“แต่วันนี้ฉันไม่ไหว..ฉันต้องการพักผ่อนอย่างมาก..ฉันล่ะอยากจะฆ่าพวกเอ็งจริงๆ” กงห่าวพูด
“เชิญพักผ่อนเถอะครับ” เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราจะไม่รบกวนอาจารย์กงแล้ว..คุณพักผ่อนเถอะครับเราขอตัวก่อน”
กงห่าวนั้นอดหลับอดนอนถึงสามวันสามคืนติดๆโดยไม่ได้หลับตาลงเลย ซึ่งในขณะนี้เขาก็ค่อนข้างง่วงและเหนื่อยล้าอย่างมากแต่การได้เห็นสิ่งต่างๆที่ตัวเองทำแล้วก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จและท้ายที่สุดมันก็คุ้มค่ากับการทำงานอย่างหนักหน่วงเช่นนี้
หลังจากออกจากบ้านของกงห่าวแล้วเย่เชียนก็ขับรถไปที่โรงเก็บสินค้าของงานการประมูลครั้งนี้ ซึ่งเย่เชียนนั้นจะเตรียมกริชดาวตกปลอมเอาไว้ในคืนนี้เพื่อรอการประมูลของพรุ่งนี้เช้า อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็กำลังคิดว่าใครเหมาะสมที่จะดูแลรักษากริชดาวตกของปลอมเอาไว้? ซึ่งหลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่จะหาคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอย่างเช่นหวังหู ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะคุมหงเหมินกรุ๊ปและแก๊งชิงอยู่จนกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วก็ตาม แต่ถึงยังไงก็ยังไม่มีใครร็ถึงภูมิฐานของเขาเพราะหวังหูนั้นก้าวกระโดดมาจากนักเลงตัวน้อยๆตามท้องถนน ดังนั้นเย่เชียนจึงคิดว่าจะไม่มีใครรู้รายละเอียดความเป็นมาของหวังหูเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนจึงโทรหาหวังหูและบอกเขาเกี่ยวกับความคิดของตนและที่เหลือก็ปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการและให้เตรียมคนที่ฉลาดๆมีไหวพริบเอาไว้ด้วย ซึ่งหวังหูก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเลใดๆและโอ้อวดกับเย่เชียนว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุดภายใต้เย่เชียน แต่เขาก็ภักดีและเก่งในการคบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาและลูกน้องของเขาแต่ละคนนั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไปอย่างหลากหลาย
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและปล่อยให้หวังหูดูแลจัดการและเตรียมการต่างๆและหลังจากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป
เมื่อมองไปที่ม่อหลงแล้วเย่เชียนก็ยื่นกริชดาวตกของจริงให้และพูดว่า “ลองถือมันดูสิ..ผมเห็นสีหน้าที่ดูตื่นเต้นของคุณแล้ว..มันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หลังจากนั้นไม่นานม่อหลงก็พยักหน้าเบาๆและพูดว่า “ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันยังเด็กมากน่ะกริชดาวตกมันเป็นมีดของตระกูลของฉัน..ซึ่งตามบันทึกโบราณของบรรพบุรุษของฉันในสมัยคังซีของราชวงศ์ฉินน่ะ..ครั้งนั้นพ่อค้าชาวยุโรปคนหนึ่งได้เดินทางมาเยือนประเทศจีนและกล่าวว่าการมาเยือนครั้งนี้นั้นเป็นการเสนอสมบัติให้กับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉินและสมบัตินั้นก็คือกริชดาวตกแห่งยุโรป..ซึ่งจุดประสงค์ของม่อจื๊อในสมัยนั้นก็คือการแสดงหาภราดรภาพเพื่อยุติสงครามด้วยสงครามและใช้ความรุนแรงขับไล่ความรุนแรงและชำระล้างผู้คนในราชวงศ์ฉินให้สิ้น..ซึ่งลิทธิม่อจื๊อในเวลานั้นก็ได้พัฒนาไปสู่กองกำลังต่อต้านราชวงศ์ฉิน..ดังนั้นหลังจากเรียนรู้เรื่องนี้บรรพบุรุษของฉันจึงยกกองทัพไปฆ่าทหารทุกคนที่คอยอารักษ์ขาชาวยุโรปและปล้นกริชดาวตกออกมาและหลังจากนั้นมากริชดาวตกก็ได้กลายเป็นสมบัติของสำนักม่อจื๊อและตกทอดมาสู่บรรพบุรุษของฉันและพวกเขาก็ดูแลรักษามันมาเสมอ”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “คือถ้าพี่พบคนที่นำกริชดาวตกออกมาประมูลในครั้งนี้พี่ก็จะรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลของพี่ก่อนหน้านี้ใช่มั้ย?..บางทีเขาอาจจะเป็นสมาชิกของสำนักม่อจื๊อก็ได้”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้..แต่มันก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วนะ..ใครจะไปรู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น..เพราะบางทีเขาอาจจะพบกริชดาวตกได้โดยบังเอิญ” ม่อหลงพูดด้วยความหดหู่ ซึ่งนี่ไม่ใช่รูปแบบการแสดงออกของม่อหลงเลย ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาได้เห็นกริชดาวตกจึงทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตมากจนเกินไป
เย่เชียนก็ตบไหล่ของม่อหลงเบาๆและพูดว่า “อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย..รอได้พบคนคนนั้นก่อน..เพราะอย่างน้อยนี่ก็คือโอกาสของเรา”
“อืม!” ม่หลงพยักหน้าเบาๆและเปิดกล่องนิรภัยออกและหยิบกริชดาวตกออกมาและเขาก็มองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเขากำลังมองดูของเล่นในวัยเด็กซึ่งชวนให้นึกถึงวัยเด็กของเขาอย่างไงอย่างงั้น
“พี่ม่อหลง!..คือ..กริชดาวตกเล่มนี้มันเป็นกริชดูดเลือดเหมือนที่ตำนานเขาพูดกันจริงๆเหรอ..ถ้าใครถูกมันบาดแล้วล่ะก็เลือดมันจะไม่หยุดไหลจริงๆเหรอ?” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
“ใช่!” ม่อหลงก็พยักหน้าและพูดว่า “มันเป็นเหมือนในตำนานจริงๆ..เพราะจำนวนเกล็ดเม็ดเลือดในบาดแผลที่ถูกฟันด้วยกริชดาวตกนั้นจะสลายหายไปอย่างรวดเร็วจนทำให้เลือดไม่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้..ซึ่งบรรพบุรุษของฉันก็เคยลองทำและหาสาเหตุเหมือนกัน..แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเหตุผล..ซึ่งถ้าหากเราต้องการที่จะพกกริชดาวตกติดตัวไปโดยไม่ถูกกลืนกินเข้าไปล่ะก็..วิธีเดียวคือให้อาหารมันด้วยเลือดทุกวันและมันต้องเป็นเลือดของเราเท่านั้น แต่ไม่มันก็ไม่ได้เยอะจนเกินไปเพราะแค่วันละห้าหยดก็เพียงพอแล้ว..เพราะถ้าหากมาเกินไปล่ะก็มันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่และมันก็จะต้องการมากขึ้นเรื่อยๆเป็นมากขึ้นและในอนาคตมันจะดูดเลือดในร่างกายของเราไปจนหมด”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเพราะสิ่งนี้คือกริชที่มีชีวิตอยู่ด้วยตัวของมันเองและดูเหมือนว่ากริงดาวตกเล่มนี้ตะเป็นสมบัติอันล้ำค่าในตำนานจริงๆและมีเพียงม่อหลงเท่านั้นที่รู้เรื่องราวที่แท้จริงของมัน เพราะถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะถ้าพกมันเอาไว้ติดตัวพวกเขาก็จะโดนมันดูดเลือดและกลายเป็นศพในที่สุด
ยังมีอยู่อีกหลายสิ่งหลายอย่างในโลกใบนี้ที่ยังคงลึกลับอย่างมากและไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์เลย เช่นเดียวกับกริชดาวตกเพราะมันสามารถลดปริมาณเกล็ดเลือดของเม็ดเลือดของมนุษย์เมื่อมันตัดผ่านผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมและเพราะอะไร แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะคิดอะไรมากเกินไปเพราะตราบใดที่กริชดาวตกเล่มนี้มีพลังและภลานำภาพที่รุนแรงเช่นนี้
ม่อหลงก็ใช้ฟันกัดนิ้วของเขาแล้วหยดเลือดห้าหยดลงบนใบมีดของกริชดาวตกและในทันใดนั้นกริชดาวตกก็เปล่งแสงออกมาราวกับว่ามันเป็นการแสดงความยินดีและในทันใดนั้นเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงอย่างมากและในไม่ช้าเลือดห้าหยดที่ม่อหลงหยดลงบนใบมีดนั้นก็ถูกกริชดาวตกดูดซึมไปจนหมดและแสงก็ค่อยๆจางหายไป
“เจ้านี่ดุร้ายจริงๆ..ผมไม่รู้ว่ามันจะมีปฏิกิริยายังไงถ้าผมใช้มีดคลื่นโลหิตหมาป่าของผมสัมผัสกับมัน” เย่เชียนพูดด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาเคยได้ยินหมินเว่ยเหวินพูดว่ามีดคลื่นโลหิตหมาป่านั้นถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีดาบแห่งราชวงศ์ฉินเมื่อหลายพันปีก่อนในประเทศจีน ดังนั้นมันก็ไม่ควรด้อยไปกว่ากริชดาวตกของชาวนาชาวยุโรปในศตวรรษที่ 17 ใช่ไหม? เย่เชียนนั้นรู้สึกมาเสมอว่าเทคโนโลยีการสร้างอาวุธในสมัยก่อนและช่วงเวลาแห่งสงครามนั้นต่างก็เป็นที่ยอมรับในระดับโลกและแม้แต่เทคโนโลยีในปัจจุบันก็ไม่สามารถเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
ม่อหลงก็ยิ้มเจื่อยๆและพูดว่า “อย่าลองเลย..เพราะถ้ามันเกิดอะไรขึ้นหรือมีอะไรเสียหายมันก็ไม่คุ้มค่า..แล้วนับประสาอะไรกับมูลค่าของมีดคลื่นโลหิตหมาป่าและกริชดาวตก..ฉันไม่ต้องการให้พวกมันทั้งคู่เกิดความเสียหายน่ะ”
“ผมแค่พูดเล่นเฉยๆ..ผมไม่ได้จะทำจริงๆหรอก” เย่เชียนยิ้มเยอะและสตาร์ทรถ
เมื่อทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นพวกเขาก็ไปถึงที่หมายกันอย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดนั้นเย่เชียนก็เก็บกริชดาวตกของปลอมที่ถูกกงห่าวสร้างขึ้นเอาไว้ในตู้เซฟนิรภัยและหลังจากนั้นพวกเขาก็แลกเปลี่ยนการสนทนากันสองสามคำกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไอร่อนบลัด ในความเป็นจริงนั้นธรรมชาติของมนุษย์บางครั้งก็เรียบง่ายเหมือนกันและก็ไม่จำเป็นต้องให้รางวัลเป็นเงินแก่เขาเพราะบางครั้งคำพูดที่แสดงความคิดเพียงไม่กี่คำก็อาจทำให้ผู้คนขายชีวิตและวิญญาณให้กับเราก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งนี้เรียกได้ว่าการซื้อใจนั่นเอง
หลังจากนั้นเย่เชียนและม่อหลงก็ขับรถไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัด ซึ่งแจ็คเองก็อาศัยอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดและไม่ได้ออกไปซื้อบ้านเพื่ออาศัยอยู่คนเดียวเลย แต่ทว่าสิ่งนี้ก็เรียกได้ว่าการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีและมันก็ช่วยให้แจ็คและเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดนั้นสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
.
.
.
.
.
.
.