ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 413 มอบทั้งกายและใจ
ตอนที่ 413 มอบทั้งกายและใจ
หลังจากมาถึงบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดแล้วเย่เชียนก็เล่าให้แจ็คฟังสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องของม่อหลงและบอกให้แจ็คค้นหาข้อมูลของผู้ที่นำกริชดาวตกมาประมูลในครั้งนี้ แต่เดิมนั้นถ้าหากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของผู้รับผิดชอบในการประมูลเราก็จะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของได้ อย่างไรก็ตามบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดก็เป็นผู้ที่รับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยทั้งหมดของการประมูลในครั้งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เสียหายถ้าหากทำเช่นนั้น
เนื่องจากเป็นเรื่องของม่อหลงเช่นนี้แจ็คจึงเต็มใจที่จะช่วยอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่กริชดาวตกถูกประมูลเสร็จแล้วถึงยังไงผู้ชนะการประมูลก็จะต้องมอบเช็คเงินสดให้กับเจ้าของซึ่งมันก็ไม่น่าจะยากอะไรถ้าหากเป็นเช่นนั้น
ช่วงนี้ม่อหลงก็จะอยู่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดเพราะเขาไม่ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งปกติแล้วเขามักจะอาศัยอยู่ในโรงแรมหรือห้องเช่าชั่วคราวเท่านั้น ทางด้านเย่เชียนก็กลับไปที่บ้านของซ่งหลันเพราะเขาเกรงว่าเขาอาจจะอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้อีกไม่นานดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะอยู่กับสาวน้อยเย่หลินให้มากขึ้น
หลังจากนั้นเย่เชียนก็ไปรับเย่หลินที่โรงเรียนในตอนเย็นและหลังจากส่งเธอกลับบ้านแล้วเย่เชียนก็ได้โทรไปหาหลินโรวโร่วและขอให้เธอกลับมาเร็วๆ เพื่อมาช่วยดูแลเย่หลินเพราะเย่เชียนกลัวว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะไม่มีอะไรกินในตอนเย็น
สำหรับกริชดาวตกของจริงนั้นก็อยู่คู่กับม่อหลงเนื่องจากมันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลของเขาจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะกลับไปหาเจ้าของเดิม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนก็อยากรู้อยากเห็นมากว่าลัทธิและสำนักม่อจื๊อที่มีมานานหลายพันปีนั้นยังคงมีอยู่หรือไม่เพราะถ้ายังมีเหลืออยู่จริงๆ ล่ะก็เย่เชียนก็กลัวว่ามันอาจจะเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยใช่ไหม?
เมื่อเย่เชียนกลับไปที่บ้านของซ่งหลันนั้นก็พบว่าเย่หลินหลับไปแล้วและมีเพียงหลินโรวโร่วเท่านั้นที่นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ เขาจึงถามอย่างสงสัยว่าทำไมซ่งหลันถึงยังไม่ได้กลับมา ซึ่งเขาก็ได้คำตอบมาว่าซ่งหลันเดินทางไปทำธุระตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว หลังจากได้รับคำตอบแล้วเย่เชียนก็นั่งลงบนโซฟาซึ่งสีหน้าของเขาก็ยังคงรู้สึกผิดตั้งแต่เกิดเรื่องกับซ่งหลันเมื่อคืนนี้และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าความผิดที่เขามีต่อซ่งหลันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนแรกเขากับซงหลันนั้นก็แค่อาบน้ำด้วยกันและเล่นด้วยกันจริงๆ แต่เย่เชียนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับเธอ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นและเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับเธอ
บางทีอาจจะเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่จึงทำให้เขาคิดเช่นนั้นหรืออาจจะเป็นเพราะเย่เชียนเองที่รู้สึกกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการที่เขาไม่สามารถมอบความสุขให้กับซ่งหลันได้เลยนั่นเอง ซึ่งเย่เชียนก็เย่เฉียนเข้าใจว่าบางทีมันอาจจะเป็นเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้ซ่งหลันรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจเธอจึงออกเดินทางเพื่อไปทำธุรกิจเพื่อที่จะหลบหน้าเย่เชียนโดยเจตนา อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องดังกล่าวมันก็ได้เกิดขึ้นแล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องนี้
ในห้องนั่งเล่นนั้นเย่เชียนและหลินโรวโร่วก็พูดคุยกันอย่างอ่อนโยนและหลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ลุกขึ้นและไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำหลินโรวโร่วก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป ซึ่งเย่เชียนก็อยากจะหยอกล้อเธอแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เลียปากตัวเองเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องของเขา
แต่ทันทีที่เย่เชียนเปิดประตูห้องเข้าไปเขาก็เห็นหลินโรวโร่วที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาจนเขาอดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วขณะ “มานอนด้วยกันนะคืนนี้..มันก็นานมาแล้วที่ฉันได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของคุณ” หลินโรวโร่วเขินเล็กน้อยแต่เธอก็พูดด้วยความจริงใจ
เย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” หลังจากนั้นเย่เชียนก็รีบดึงผ้าขนหนูอาบน้ำออกอย่างรวดเร็วและมุดเข้าไปในผ้าห่มทันที
“เดี๋ยวสิคุณ! ..ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนล่ะ” หลินโรวโร่วนั้นสัมผัสได้ถึงบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจจนเธอถึงกับเขินอายและประหม่าอย่างมากและเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด
“นี่เป็นนิสัยเสียๆ ของผม..เพราะผมเคยชินกับการนอนโดยไม่ใส่เสื้อผ้าน่ะ” เย่เชียนพูดต่อ “คุณเองก็ถอดมันออกสิ..การสวมเสื้อผ้าตอนกลางคืนมันจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี..มันจะทำให้ร่างกายเติบโตช้านะ”
หลังจากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและถอดเสื้อผ้าของหลินโรวโร่วออก
หลินโรวโร่วก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนอย่างนุ่มนวลและพูดว่า “คุณมันหมาป่า!” แต่เธอก็ยังไม่หยุดการกระทำของเย่เชียนและปล่อยให้เขาทำมันต่ออย่างราบรื่น
เมื่อมองไปที่สายตาของที่ดูมีเสน่ห์ของเย่เชียนแล้วหลินโรวโร่วก็ค่อยๆ เบียดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เชียนและถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากันอย่างตาต่อตาก็ตามแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายเพราะเธอนั้นยังบริสุทธิ์อยู่
“เย่เชียน! ..ฉันอยากทำมันคืนนี้!” หลินโรวโร่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่เชียนก็พูดอย่างแผ่วเบาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินเลย
“คุณอยากทำมันคืนนี้จริงๆ หรอ?” เย่เชียนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“แล้วไงล่ะ..เขาว่ากันว่ามันจะเจ็บครั้งแรก..คุณก็แค่ค่อยๆ ทำอย่างอ่อนโยน” หลินโรวโร่วพูดเบาๆ
ถึงเวลาแล้วที่หลินโรวโร่วนั้นพร้อมที่จะเป็นของเย่เชียนเต็ม ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เย่เชียนไปที่บ้านของหลินโรวโร่วนั้น ซึ่งพวกเขาก็แค่นอนร่วมกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเย่เชียนได้พูดกับหลินโรวโร่วเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้ก็ต่อเมื่อหลินโรวโร่วพร้อม
เย่เชียนก็สะกิดคางของหลินโรวโร่วเบาๆ และพูดว่า “ผมจะอ่อนโยนกับคุณ!” หลังจากนั้นเย่เชียนก็โน้มหัวไปจูบหลินโรวโร่วอย่างอ่อนโยน
*****
วันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ตื่นแต่เช้าและส่งเย่หลินไปโรงเรียน อย่างไรก็ตามเย่หลินก็ยิ้มเยาะตลอดทางจนเย่เชียนนั้นประหลาดใจอย่างมากและในที่สุดเย่เชียนก็เอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เย่หลินก็พูดออกมาประโยคๆหนึ่งจนทำให้เย่เชียนแทบจะเป็นลม
“พ่อคะ..ทำไมเมื่อคืนนี้เสียงดังกันจังเลยล่ะ…พ่อกำลังจะมีลูกกับพี่โรวโร่วหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็แทบจะพูดไม่ออกแต่ทว่าเขานั้นพูดได้แค่ว่าตอนนี้เย่หลินนั้นแก่แดดเกินไปเพราะเธอสามารถคาดเดาเรื่องแบบนี้ได้เพียงแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น จากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่เย่หลินและบอกเธอว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้อีกแต่ทว่าเย่หลินก็หัวเราะเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากที่ส่งเย่หลินที่โรงเรียนแล้วเย่เชียนก็ขับรถกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนี้หลินโรวโร่วนนั้นเหนื่อยมากเธอจึงยังไม่ตื่น ซึ่งเย่เชียนก็รีบไปที่ห้องครัวเพื่อทำโจ๊กจากนั้นก็ไปที่ห้องนอนเพื่อปลุกหลินโรวโร่วขึ้นมาและเย่เชียนก็พบว่าผิวของเธอนั้นดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากและหน้าตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสดใส
ซึ่งเมื่อเธอลุกออกจากเตียงหลินโรวโร่วก็แทบจะยืนไม่ได้และเกือบจะล้มลงแต่โชคดีที่เย่เชียนเร็วพอที่จะพยุงเธอเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณสบายดีมั้ย?”
ใบหน้าของหลินโรวโร่วก็แดงระเรื่อและมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “เมื่อคืนนี้คุณรุนแรงเกินไป!”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “คุณเองก็ไม่เลวเลยนะ..เล่นซะผมหมดแรงเลย”
“ไหนคุณบอกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วไง” หลินโรวโร่วพูดอย่างเขินอาย
“ก็ได้ๆ ..ไม่พูดแล้วๆ” เย่เชียนก็หัวเราะอย่างมีความสุข “ผมทำโจ๊กเอาไว้แล้วรีบไปกินสิ..วันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานหรอก..พักผ่อนอยู่บ้านนี่แหละ”
“ไม่ได้..ที่บริษัทยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้ฉันจัดการอยู่” หลินโรวโร่วพูด
เย่เชียนก็รู้นิสัยใจคอของเธอดีเพราะถึงแม้ว่าเธอจะดูอ่อนแอแต่เธอก็เป็นคนที่เข้มแข็ง ดังนั้นเธอจึงไม่ท้อและไม่หมดกำลังใจ ซึ่งหลังจากที่หลินโรวโร่วกินโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็ขับรถไปที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเนื่องจากเย่เชียนนั้นเคยไปที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปและพบกับปัญหามากมายจึงทำให้บางคนยังรู้จักเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่แผนกต้อนรับนั้นก็มีความประทับใจอย่างมากต่อเย่เชียนแต่เมื่อเธอเห็นหลินโรวโร่วเดินมาเธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยและหลังจากนั้นเธอก็กะพริบตาให้เย่เชียนอย่างเย้ายวน
แผนกต้อนรับที่ล้วนแล้วมีแต่ผู้หญิงจำนวนมากที่ต้องการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและไปไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเย่เชียนที่เป็นถึงCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเช่นนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นแผนกต้อนรับก็ตามแต่ถึงยังไงที่นี่ก็มีผู้หญิงจำนวนมากที่ต้องการอุทิศชีวิตของพวกเธอเพื่อความสะดวกสบายในอนาคต อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงเหล่านี้นักเพราะหลังจากที่เขาส่งหลินโรวโร่วไปที่ออฟฟิศของเธอแล้วเย่เชียนก็ขับรถออกจากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและมุ่งหน้าไปที่สถานที่จัดงานการประมูลในทันที
เวลาเริ่มการประมูลถูกกำหนดเอาไว้ที่ 9:30 น. ซึ่งจะมีการประมูลผลิตภัณฑ์และของทั้งหมดมากกว่า 50 รายการและเวลาสิ้นสุดก็จะเลื่อนไปจนกว่าชิ้นสุดท้ายจะถูกประมูลไปทั้งหมด อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนก็มีเวลากินมื้อเที่ยงมากกว่าหนึ่งชั่วโมงและเหลือเวลาเพียงพออย่างมาก
เมื่อมาถึงสถานที่งานการประมูลแล้วการประมูลก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเย่เชียนก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และเมื่อเขาพบร่างของเฟิงกั๋วฟู่แล้วเย่เชียนก็ยิ้มและเดินเข้าไปหา จากนั้นเย่เชียนก็นั่งลงข้างๆ เฟิงกั๋วฟู่และยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “หัวหน้าเฟิง! ..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
เฟิงกั๋วฟู่ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเขาไม่เข้าใจว่าเย่เชียนนั้นเข้ามาได้อย่างไร ซึ่งเขาเองก็รีบนั่งลงหันหน้าไปมองเย่เชียนและถามว่า “มาด้วยเหรอ..หืม..ถ้าเอ็งพลาดของดีๆ ไปมันก็จะเป็นการเตือนความจำที่น่าเศร้า..แต่ถ้าเอ็งอยากได้อะไรล่ะก็ถึงยังไงเอ็งก็จ่ายมันไม่ไหวอยู่ดี..เพราะงั้นก็แค่นั่งดูไปเถอะ”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ใช่..แค่ได้ดูแค่ได้เห็นผมก็พอใจแล้ว”
“ฉันก็ยังไม่ได้เสนอราคาอะไรเลย..เพราะของที่ขึ้นประมูลตอนนี้มันไม่ค่อยน่าสนใจฉันก็เลยไม่เสนอราคา” เฟิงกั๋วฟู่ก็พูดต่อ “แล้วคุณโรวโร่วอยู่ไหน..ทำไมเธอถึงไม่มาล่ะ?”
เย่เชียนก็สาปแช่งอย่างลับๆ เมื่อเห็นว่าเฟิงกั๋วฟู่นั้นเป็นคนหน้าด้านและไม่รู้จักยอมแพ้ ซึ่งรอยยิ้มที่มุมปากของเย่เชียนก็ปรากฏขึ้นมาและเขาก็พูดว่า “เธอจะมาที่นี่ทำไมล่ะ..เธอไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย..ผมก็เลยทิ้งเธอเอาไว้ที่บ้าน”
เฟิงกั๋วฟู่ก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและรอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาซึ่งแน่นอนว่าเขาอยากให้เย่เชียนและหลินโรวโร่วทะเลาะกันและขุ่นเคืองกัน เพื่อที่เขาจะได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้และเข้าหาเธอ น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นแกะเฒ่าที่ถูกหมาป่าจ้องจะเขมือบและยังคงฝันถึงความฝันที่แสนสุขของตัวเอง
“ฉันไม่เห็นว่าเอ็งจะเป็นลูกผู้ชายตรงไหนเลย..ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณโรวโร่วชอบคนอย่างเอ็งได้ยังไง!” เฟิงกั๋วฟู่พูดอย่างดูถูก
“คนเรามีความรักความชอบไม่เหมือนกัน..และถึงแม้ว่าเธอจะเสียใจตอนนี้แต่มันก็สายเกินไปแล้ว” ท่าทางการพูดที่ยั่วยุของเย่เชียนนั้นทำให้เฟิงกั๋วฟู่ไม่สงสัยเลยว่าเย่เชียนกำลังปั่นหัวของตัวเองอยู่
.
.
.
.
.
.
.