ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 414 การประมูล
ตอนที่ 414 การประมูล
เมื่อเย่เชียนเหลือบมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เฟิงกั๋วฟู่แล้วเย่เชียนก็แสดงรอยยิ้มที่นเจ้าเล่ห์และสะกิดแขนของเฟิงกั๋วฟู่อย่างลับๆ และพูดอย่างคลุมเครือว่า “หัวหน้าเฟิง..ผู้หญิงคนนั้นไม่เลวเลย..ไปพาเธอมาจากไหนเนี่ย?”
“เอ็งชอบมั้ยล่ะ? ..เดี๋ยวฉันจะแบ่งให้เอ็งไปเล่นสนุกสักสองสามวัน” เฟิงกั๋วฟู่พูดอย่างเต็มใจ ซึ่งเขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะตราบใดที่เขาสามารถเข้าหาหลินโรวโร่วได้ล่ะก็เขาก็เต็มใจที่จะมอบผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาให้กับเย่เชียนอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเพราะในสมัยนี้มีผู้หญิงจำนวนมากที่ยอมทุกอย่างตราบใดที่พวกเธอได้รับเงินและค่าตอบแทนที่มากพอและยิ่งไปกว่านั้นเฟิงกั๋วฟู่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับเธอแล้วดังนั้นเขาจึงโยนเธอทิ้งได้ง่ายๆ
“เดี๋ยวสิคุณ..คุณจะทิ้งฉันให้คนอื่นได้ยังไง” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เฟิงกั๋วฟู่ก็เขย่าแขนของเขาและพูด อย่างไรก็ตามสายตาของเธอก็ยังคงจ้องมองไปที่เย่เชียนเพราะในสายตาของเธอนั้นเฟิงกั๋วฟู่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ากระเป๋าเงินของเธอ ซึ่งในตอนนี้เธอเองก็เบื่อเฟิงกั๋วฟู่เช่นกันเพราะเวลาที่เธอมีอะไรกับชายชราอย่างเฟิงกั๋วฟู่นั้นเธอก็เบื่ออย่างมากและอยากจะทำกับชายหนุ่มที่หล่อเหลาและแข็งแกร่งอย่างเย่เชียนบ้าง เพราะอย่างน้อยๆ เธอก็ยังสามารถสัมผัสกับความสนุกที่เธอไม่ได้พบเจอมานานได้
“เอาหน่าๆ ..ฉันก็แค่ล้อเล่น” แน่นอนว่าเฟิงกั๋วฟู่นั้นสามารถดูได้ว่าเธอหมายถึงอะไรเพราะมันเป็นเรื่องของการแสดงออกอย่างตรงประเด็น เพราะเขาก็รู้ดีเช่นกันว่าสาเหตุที่ผู้หญิงคนนี้คอยติดตามเขาไปนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการพยายามหาเงินเพราะเขาเป็นคนที่มีเงินและไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ และสาเหตุที่เขาอยู่กับเธอก็เพราะเธอยังสาวและสวยและการที่เธอมักจะเอาใจใส่อยู่เสมอแต่ทว่าเฟิงกั๋วฟู่ก็ไม่อยากที่จะแต่งงานกับเธอ
“ไม่มีใครที่ดีไปกว่าคุณแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างยั่วยวนและน้ำเสียงของเธอนั้นก็เกือบจะทำให้เย่เชียนถึงกับผงพและเกือบจะหงายท้องตกเก้าอี้ ซึ่งเดิมที่เย่เชียนก็ไม่ได้ดูถูกผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อยแต่ทว่าหลังจากเห็นการแสดงออกของเธอแล้วเขาก็พบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่าสมเพชอย่างมาก
“คุณสัญญาแล้วนะว่าวันนี้จะประมูลของที่ฉันชอบให้” หญิงสาวพูด
“ไม่ต้องกังวลไป..ฉันไม่โกหกเธอหรอก” เฟิงกั๋วฟู่พูดต่อ “ฉันมีเงินเยอะแยะมากมายไม่ต้องกังวลไป”
“คุณสามีคุณเท่มาก..ฉันชอบความมั่นใจในตัวเองของคุณมากเลย” หญิงสาวพูดอย่างประจบประแจงจนเย่เชียนแทบจะอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดจนรู้สึกคลื่นไส้และแทบจะอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา
เย่เชียนก็กวาดสายตามองไปรอบๆ หวังหูและแจ็คก็นั่งกระจัดกระจายอยู่คนละข้าง ซึ่งหลังจากเห็นเย่เชียนแล้วหวังหูก็พยักหน้าเล็กน้อยและเหลือบมองคนตรงหน้าเขาซึ่งเห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นคือคนที่เย่เชียนขอให้เขาจัดการซึ่งเย่เชียนก็พยักหน้ายืนยันและหรี่ตาลง
โบราณวัตถุทุกชิ้นที่จะมาร่วมในการประมูลครั้งนี้จะได้รับการตรวจสอบโดยหมินเว่ยเหวินและผู้ประเมินราคาโบราณวัตถุอีกสองคน ซึ่งก่อนจากนั้นจะต้องมีการแสดงใบรับรองการประเมินราคาก่อนการประมูลจะดำเนินการ ซึ่งเฟิงกั๋วฟู่นั้นก็ไม่ได้ร่วมเสนอราคามากนักเว้นแต่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เขามักจะเข้าร่วมการเสนอราคาเครื่องประดับต่างๆ นั่นก็เพราะว่าเฟิงกั๋วฟู่นั้นรอกริชดาวตกอยู่นั่นเอง
หวังหูและแจ็คก็ร่วมเสนอราคาบางอย่างเป็นครั้งคราวในระหว่างการประมูล แต่พวกเขาก็ไม่ได้เสนอราคาแบบแข่งขันจริงจังแต่อย่างใดเพราะสำหรับพวกเขานั้นพวกเขาไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้เลยซึ่งมันแต่เป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้นเพราะถ้าหากใครไม่ได้หลงใหลในโบราณวัตถุและของสะสมแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยากได้สิ่งเหล่านี้มาครอบครองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามผู้คนที่มาเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในสังคมกันทั้งนั้น ดังนั้นฉากและสถานการณ์ต่างๆ ในการประมูลจึงยังคงเข้มข้นมากโดยเฉพาะพ่อค้าชาวยุโรปนั่นที่ทำการเสนอราคากันอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ราคาประมูลของสิ่งของต่างๆ นั้นสูงขึ้นอย่างมาก อาจเป็นเพราะความงดงามและความล้ำค่าของโบราณวัตถุของประเทศจีนจริงๆ
เย่เชียนก็เชื่อว่าในกลุ่มคนกลุ่มนี้นั้นต้องมีใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับคนที่บุกมาแย่งชิงกริชดาวตกในคืนนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้วดังนั้นเย่เชียนก็ไม่ต้องกังวลที่จะตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าใครเป็นคนทำเพราะท้ายที่สุดแล้วกริชดาวตกก็มาจากทวีปยุโรปดังนั้นพวกเขาเหล่านั้นต้องรู้ถึงสิ่งต่างๆ ของกริชดาวตกมากกว่าที่คนจีนรู้และพวกเขาต้องการให้กริชดาวตกกลับไปสู่พวกเขาดังเดิมอีกครั้ง
ในช่วงพักกลางวันเฟิงกั๋วฟู่ก็ใจดีมากเพราะเขาชวนเย่เชียนไปร่วมโต๊ะด้วยซึ่งเย่เชียนก็ไม่เคยปฏิเสธคน ก็ตามเนื่องจากประสบการณ์ครั้งก่อนเฟิงกั๋วฟู่จึงเลือกร้านอาหารที่ไม่หรูหรามากเหมือนครั้งที่แล้วเพราะที่สโมสรเจิดจรัสนั้นเขาจำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะไม่ว่าเขาจะร่ำรวยมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อการที่จะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังเรื่องของการใช้เงินเป็นอย่างมากมิฉะนั้นความมั่งคั่งของเขาก็จะไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ตลอดชีวิตเป็นแน่
ระหว่างรับประทานอาหารเฟิงกั๋วฟู่ก็ยังคงถามเรื่องที่เกี่ยวกับหลินโรวโร่วอยู่ตลอดเวลาซึ่งเย่เชียนก็ตอบอย่างมีชั้นเชิงเพราะสำหรับเย่เชียนแล้วเฟิงกั๋วฟู่คนนี้ก็ยังคงเป็นคนที่มีประโยชน์และเย่เชียนก็ไม่ต้องการปล่อยผลประโยชน์นี้ไป ซึ่งเฟิงกั๋วฟู่นั้นใฝ่ฝันถึงความฝันที่งี่เง่าที่จะเข้าไปอยู่ในสายตาของหลินโรวโร่ว อย่างไรก็ตามเฟิงกั๋วฟู่ก็มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมากและเขาก็เชื่อว่าตราบใดที่เขาควบคุมเย่เชียนและให้ประโยชน์ต่างๆ แกเขาและเมื่อนั้นหลินโรวโร่วก็จะอยู่ในกำมือของเขา
ส่วนหญิงสาวก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและลูบหน้าอกของเย่เชียนเป็นระยะๆ ซึ่งเธอนั้นรู้สึกประทับใจเย่เชียนจริงๆ ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่ใช่ความรักแต่เป็นแค่ความหื่น ซึ่งเย่เชียนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและแสร้งทำเป็นหมกมุ่นและถูเรือนร่างของเธอเป็นครั้งคราว
เฟิงกั๋วฟู่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเพราะเขามีสถานะทางสังคมในปัจจุบันที่สูงมากและเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นั่นก็เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้เป็นพิเศษเพราะเขาต้องการให้เย่เชียนนั้นตกหลุมพรางและจากนั้นเขาก็เอาเรื่องนี้ไปข่มขู่เย่เชียนและปลอบประโลมหลินโรวโร่วและสร้างความร้าวฉานให้เย่เชียนกับหลินโรวโร่วให้ทะเลาะกัน
ซึ่งเย่เชียนนั้นสามารถรับรู้ถึงความคิดที่น่ากลัวของเฟิงกั๋วฟู่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่เนื่องจากเฟิงกั๋วฟู่นั้นมีความมั่นใจมากดังนั้นเย่เชียนจึงปล่อยให้เขาคิดเช่นนั้นต่อไป นอกจากนี้หญิงสาวของเฟิงกั๋วฟู่ก็ไม่ได้ขี้เหร่แถมยังหุ่นดีอีกด้วย ซึ่งนอกจากความบริสุทธิ์ที่เธอจงใจแลกมันกับเงินแล้วเย่เชียนก็มองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย
เพื่อทำให้เย่เชียนหลงกลเขานั้นเฟิงกั๋วฟู่จึงไม่ได้รบกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เย่เชียนทำและยิ่งไปกว่านั้นเขาจงใจดันหญิงสาวของเขาเข้าสู่อ้อมแขนของเย่เชียนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งในขณะนี้หญิงสาวก็มีความสุขมากเพราะเฟิงกั๋วฟู่เคยบอกเธอเอาไว้ว่าเขาจะให้เงิน 500,000 หยวนถ้าเธอล่อลวงเย่เชียนให้หลงเสน่ห์เธอได้และยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ยังเต็มไปด้วยความสน เพราะร่างกายของเย่เชียนนั้นดูแข็งแกร่งจนเธอเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างอย่างมาก ซึ่งอาจพูดได้ว่าการทำเช่นนี้ก็เหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเพราะเธอได้ทั้งเงินได้ทั้งร่างกายของเย่เชียน
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสถานการณ์ในวันนี้เฟิงกั๋วฟูก็รู้สึกเสียใจอย่างมากเพราะเงิน 5 แสนหยวนนั้นดูเหมือนจะมากเกินไปสำหรับคนอย่างเย่เชียนเพราะปรากฏว่าเย่เชียนนั้นง่ายเกินไปที่จะหลอกล่อ ซึ่งเขาก็คิดว่าถ้าหากเขาพาเย่เชียนไปที่โรงแรมและหาผู้หญิงมาให้เย่เชียนซึ่งถ้าหากทำเช่นนั้นเขาก็คงจะไม่ต้องเสียเงิน 500,000 หยวนเช่นนี้และแค่นั้นยังไม่พอเขายังต้องมอบหญิงสาวของเขาให้กับเย่เชียนด้วยซึ่งทำให้ค่อนข้างที่จะหดหู่
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเพราะเฟิงกั๋วฟู่นั้นยังไม่ได้ใช้คำดูถูกต่อหน้าเขาและยังคงพูดให้เกียรติหลินโรวโร่วอยู่ ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะฆ่าเฟิงกั๋วฟูไปตั้งนานแล้ว ซึ่งเฟิงกั๋วฟูนั้นก็พยายามถามเย่เชียนเกี่ยวกับหลินโรวโร่วและหลังจากนั้นเขาก็จะดึงเย่เชียนลงไปในน้ำและใส่ร้ายป้ายสีเย่เชียนแค่นั้นซึ่งมันก็ไม่ได้คุกคามอะไรเย่เชียนจนเกินไปดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เย่เชียนต้องฆ่าเฟิงกั๋วฟู
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วพวกเขาก็หยุดพักกันสักครู่และทั้งสามคนก็กลับไปที่ลานการประมูลอีกครั้ง ซึ่งไฮไลท์ของการประมูลในครั้งนี้ก็คือกริชดาวตกซึ่งเฟิงกั๋วฟูก็ไม่อยากพลาดเช่นกัน ซึ่งก็น่าเสียดายที่กลุ่มพ่อค้าและนักสะสมโง่ๆ นั้นยังไม่รู้ว่าเย่เชียนได้วางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้วจริงๆ ซึ่งอาจจะมีอุปสรรคบ้างก็ตามแต่เย่เชียนก็มั่นใจว่าเขาจะต้องชนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วหมินเว่ยเหวินก็ยังคงต้องทำตามที่สัญญาเอาไว้กับเย่เชียนเพราะการรักษาสัญญานั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะมี
การประมูลนั้นก็ได้ดำเนินไประยะหนึ่งแล้วและอารมณ์และการแสดงออกของผู้คนเหล่านั้นก็ยังคงดูกระตือรือร้นกันอย่างมากและพวกเขาต่างก็เสนอราคากันอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เย่เชียนถึงกับต้องถอนหายใจเพราะปรากฏว่าที่แห่งนี้มีแต่คนรวยทั้งนั้น
“ตอนนี้เรากำลังจะประมูลของชิ้นสุดท้ายกัน..ซึ่งเป็นของโบราณที่มีตำนานอันยาวนาน..ซึ่งกันว่ากันว่ามันเป็นมีดดูดเลือดเพราะบาดแผลที่ถูกมันบาดไปนั้นจะทำให้เลือดไม่หยุดไหล! ..ครั้งนี้เราจะใช้นักประเมินโบราณวัตถุนี้ถึงสามคนในการประมูลครั้งนี้เพื่อพิสูจน์กริชดาวตกเล่มนี้ให้กับทุกคน!” พิธีกรดำเนินรายการพูดด้วยความน่าตื่นเต้นและน่าหลงใหล ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดได้อย่างน่าตื่นเต้นขนาดนี้
ทันทีที่กล่องนิรภัยถูกเปิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนในลานการประมูลเดือดพล่านขึ้นและทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึง
ซึ่งหมินเว่ยเหวินและช่างประเมินโบราณวัตถุอีกสองคนก็มองดูมันอย่างใจจดใจจ่อและเสแสร้งแกล้งทำและถึงแม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วก็ตามแต่ทว่าพวกเขาทั้งสามคนก็ต้องถึงกับผงะและตกตะลึงไป เพราะปรากฏว่ากริชดาวตกของปลอมนั้นเหมือนของจริงมากเกินไปเพราะไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแต่มันยังดูเหมือนของเก่าแก่อีกด้วย ซึ่งทั้งสามก็เชื่อว่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีทักษะระดับสูงเช่นนี้ที่อยู่ในประเทศจีนซึ่งนั่นก็คือกงห่าว
แต่เนื่องจากพวกเขานั้นได้รับผลประโยชน์จากเย่เชียนมาดังนั้นพวกเขาจึงต้องระบุว่ากริชดาวตกเล่มนี้นั้นเป็นของจริง ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นพิธีกรก็เคาะโต๊ะและพูดว่า “ตอนนี้นักประเมินโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงทั้ง 3 จากจีนก็ได้ตัดสินว่ากริชดาวตกเล่มนี้นั้นเป็นของจริง..ดังนั้นการประมูลก็จะเริ่มขึ้นในทันที..ซึ่งราคาเปิดอยู่ที่..ห้าล้านหยวน! ..และการเสนอราคาแต่ละครั้งก็คือ..ห้าแสนหยวน!”
“ห้าล้าน..ห้าแสน!” เฟิงกั๋วฟู่ตะโกนออกมาอย่างไม่แยแส ซึ่งเขามาเพื่อกริชดาวตกเล่มนี้และนั่นก็เพราะว่าถ้าเขาเก็บมันเอาไว้ปีหรือสองปีล่ะก็มูลค่าของมันก็จะพุ่งทะยาน แต่ทว่าเขานั้นคิดน้อยเกินไปเพราะใครๆก็อยากที่จะครอบครองมัน
“หกล้าน!” “เจ็ดล้าน!” “สิบล้าน!” “สิบห้าล้าน!”
ฉากดังกล่าวทำให้ทั้งลานการประมูลเดือดพล่านกันอย่างมากและทุกคนก็แทบจะคลั่งและในไม่ช้าราคาประมูลของกริชดาวตกก็พึ่งขึ้นไปเป็น 20 ล้านหยวนแล้ว
เย่เชียนก็ถึงกับตะลึงไปหมดเพราะเขาไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้จะบ้าคลั่งเช่นนี้ ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนก็คาดว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมกันในราคาที่ต่ำกว่า 50 ล้านหรอกใช่ไหม? ซึ่งพวกเขาต้องเสียเงินห้าสิบล้านหยวนสำหรับกริชดาวตกของปลอมจนทำให้เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่สิ่งที่เรียกว่าสัญญานั้นมันคือศักดิ์ศรีอย่างยิ่งเพราะเมื่อเขาตกลงกับหมินเว่ยเหวินไปแล้วเย่เชียนก็ต้องทำเช่นนั้น ซึ่งเมื่อคิดเช่นนั้นก็มองไปที่หวังหูอย่างจริงจังและบอกให้เขาใช้เงินเพื่อเพิ่มมูลค่าการประมูลของกริชดาวตกของปลอมนั่นเอง
.
.
.
.
.
.
.