ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 419 เยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนที่ 419 เยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ
ถังเหวยซวนนั้นบรรพบุรุษของเขาเคยเป็นโจรปล้นสุสานซึ่งไม่รู้เลยว่าสุสานของมหาเศรษฐีในสมัยก่อนนั้นถูกบรรพบุรุษของเขาขโมยไปกี่แห่งแล้วในประเทศจีน ดังนั้นพวกเขาจึงสืบค้นข้อมูลต่างๆ และศึกษาของเก่าของโบราณด้วยและพวกเขาก็ทำงานกันเป็นทีมเพราะคนหนึ่งก็ทำหน้าที่ขโมยของและอีกคนรับหน้าที่เป็นคนตรวจสอบโบราณวัตถุและค้นหาข่าวสารต่างๆ ดังนั้นพ่อของถังเหวยซวนจึงรู้จักกับหมินเว่ยเหวินและเมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีของหมินเว่ยเหวินเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นหมินเว่ยเหวินจึงรู้จักกับถังเหวยซวนโดยปริยาย
ถังเหวยซวนมาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ก็เพื่อมาเที่ยวดังนั้นเขาจึงแวะไปเยี่ยมหมินเว่ยเหวินเหมือนตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถังเหวยซวนเห็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าแล้วก็ความโลภของเขาก็เริ่มแผลงฤทธิ์เพราะเขาเกิดมาในตระกูลของโจรขโมยสุสานและเขาก็ได้ศึกษาโบราณวัตถุเหล่านี้มาโดยตลอดซึ่งแน่นอนว่าหลังจากได้เห็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าครั้งแรกนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือมีดคลื่นโลหิตหมาป่าที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเขาก็รู้มูลค่าของมันเป็นอย่างดีเพราะถ้าหากนำไปประมูลล่ะก็อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถได้ราคาการประมูลที่สูงถึง 100 ล้านหยวนเลยทีเดียว
ผู้คนนั้นตายเพื่อความมั่งคั่งและนกนั้นตายเพื่ออาหารแต่ถังเหวยซวนนั้นเกิดมาในตระกูลของโจรปล้นสุสานเขาจึงไม่สนใจมิตรภาพที่ดีและจะไม่พิจารณาว่ามันมีคุณค่าใดๆ และไร้จิตสำนึกไปอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเขาจะไม่พิจารณาคุณค่าทางการวิจัยทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใดเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือมูลค่าของมัน ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นเดนมนุษย์และฆ่าหมินเว่ยเหวินและแม่บ้านได้อย่างเลือดเย็น
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่างๆ นั้นมันเกิดขึ้นเร็วมากและเขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะก่อเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเขานั้นไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ เลยแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รอคำอธิบายของหมินเว่ยเหวินอย่างละเอียดเกี่ยวกับที่มาและเจ้าของมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเล่มนี้เลยแม้แต่น้อยและไม่ได้คำนึงถึงกล้องวงจรปิดตามท้องถนนและชุมชนต่างๆ เลย
ตลอดทั้งคืนถังเหวยซวนได้หลบหนีขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังจากที่แจ็คใช้ข้อมูลข่าวกรองที่ได้มาเทียบกับคนในกล้องวงจรปิดแล้วเขาก็พบว่าคนคนนั้นคือถังเหวยซวนและหลังจากนั้นไฟล์ข้อมูลของถังเหวยซวนก็ถูกถ่ายโอนไปยังสถานีตำรวจโดยตรง
“พี่สองฝากเรื่องนี้ไว้กับพวกเราได้เลย..ผมสัญญาว่าพวกเราจะตามมีดคลื่นโลหิตหมาป่ากลับมาคืนพี่ให้ได้” หลี่ฮ่าวพูด เพราะเขากลัวว่าเย่เชียนจะไปทำสิ่งต่างๆ ที่ร้ายแรงมากเกินไปและมันจะยากที่จะไปทำความสะอาดและเก็บกวาดในตอนนั้น พูดตามตรงว่าหลี่ฮ่าวนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลย ซึ่งเขารู้แค่ว่าเย่เชียนนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำเช่นนั้นเลยเพราะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนนั้นล้วนมีแต่เหล่าสมาชิกระดับสูงรัฐบาลและถึงแม้ว่ากองกำลังของเย่เชียนเย่เชียนในเซี่ยงไฮ้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ยากที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาล
“ไม่จำเป็น..มันเป็นของของฉัน..เพราะงั้นฉันก็ตามหามันเอง!” เย่เชียนพูด “น้องสาม..ฉันขอโทษที่ต้องทำให้เอ็งลำบาก” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็เดินออกจากสถานีตำรวจ
หลังจากที่ถังเหวยซวนกลับไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะกลับบ้านเลยซึ่งระหว่างทางนั้นเขาพบบ้านร้างและกบดานอยู่ที่นั่นชั่วคราว เพราะท้ายที่สุดแล้วหมินเว่ยเหวินนั้นก็มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศจีนและเขาก็มีลูกศิษย์มากมายและส่วนใหญ่คนเหล่านั้นก็ล้วนเป็นข้าราชการระดับสูงกันทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงอาจจะโดนไล่ล่าโดยหลายฝั่งหลายฝ่ายเขาจึงไม่กล้าที่จะกลับบ้านของเขา
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนได้พูดกับหลี่ฮ่าวเอาไว้แล้วว่าอย่าเข้ามาแทรงแซงเรื่องนี้ ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าเขายังไม่มีเบาะแสใดๆ เพราะไม่เช่นนั้นภายใต้ความกดดันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เขาก็กลัวว่าถังเหวยซวนจะหลบหนีไปยังประเทศอื่นพร้อมกับมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเช่นนั้นซึ่งมันจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่ง
หลังจากที่เย่เชียนพักผ่อนอยู่ที่บ้านของซ่งหลันอีกเป็นเวลาสองวันหลังจากนั้นเขาก็ส่งเย่หลินกลับไปหาพ่อของเขาตามที่บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและหลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาโจวหยวนจากนั้นทั้งสองก็ซื้อตั๋วบินเพื่อบินไปยังเมืองเสิ่นหยาง
อาจกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้นั้นสำหรับเย่เชียนแล้วเขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิงและเขาก็ไม่รู้จักใครเลยสักคนเดียว ว่ากันว่าที่แห่งนี้มีเสือซ่อนเล็บอยู่เต็มไปทั่วทุกพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ถึงยังไงก็ยังไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าระหว่างเย่เชียนกับเจ้าถิ่นเหล่านี้ใครจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากัน
ที่แห่งนี้มีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสองกองกำลังซึ่งก็คือกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่และสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายนี้เกือบจะควบคุมกองกำลังในวงการใต้ดิน 60% ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและพวกเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและไม่มีใครที่ไม่เกรงกลัสเมื่อเอ่ยชื่อกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่และสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวิน
เนื่องจากเขากำลังจะเดินทางไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเพื่อตามหาใครบางคนดังนั้นเย่เชียนจึงทำการตรวจสอบพื้นฐานบางอย่างเอาไว้ล่วงหน้าและไม่ว่าจะด้วยความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่และอำนาจของตำรวจและคนจากรัฐบาลรวมไปถึงข้อมูลของสองยักษ์ใหญ่อีกด้วย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงไม่ชอบวิธีที่จะจัดการกับพวกตำรวจดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าไปที่สองยักษ์ใหญ่แทน
ในความเป็นจริงแล้วถึงจะบอกว่าเย่เชียนนั้นเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็จริงแต่ทว่าชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้โด่งดังถึงขนาดนั้นเพราะทั่วประเทศจีนในตอนนี้คนอื่นๆ จะรู้จักหวังหูแต่ไม่ใช่เย่เชียนเลย อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีอย่างมากสำหรับเย่เชียนเพราะเขาไม่ได้ต้องการเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะมากจนเกินไป
ส่วนโจวหยวนก็ดูตื่นเต้นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่เชียนจะทำตามที่เขาพูดเอาไว้และให้ตัวเองมาอยู่ช่วยเขา อย่างไรก็ตามโจวหยวนก็รู้ดีเช่นกันว่าการเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้จะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเย่เชียนไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องลำบากแน่ๆ หรือบางทีแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็อาจจะไม่รอดกลับไป แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ดีนั้นหายากและไม่สำคัญว่าเราจะแพ้หรือชนะถ้าหากเราสูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้มันก็จะเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตนั่นเอง
หลังจากลงจากเครื่องบินแล้วเย่เชียนและโจวหยวนก็หาโรงแรมในละแวกใกล้ๆ และพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ได้ติดต่อไปหาเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของเขี้ยวหมาป่าที่แจ็คได้กระจายกำลังเอาไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกแล้วเพื่อรับข่าวสารและข้อมูลต่างๆ จากเขา ซึ่งต้องบอกเลยว่าแจ็คนั้นเป็นคนที่มองการณ์ไกลอย่างมากเพราะหลังจากที่เขี้ยวหมาป่าได้ก่อตั้งหน่วยข่าวกรองและหน่วยสืบราชการลับในประเทศจีนนั้นเขาก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศจีนทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นสงครามครั้งใหญ่หรือสงครามย่อยก็ตามถึงยังไงไหวพริบและกลยุทธ์ที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าหน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่าจะถูกก่อตั้งขึ้นได้ไม่นานก็ตามแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างมากได้เพราะข้อมูลต่างๆ จากทั่วประเทศถูกส่งต่อไปยังหูของแจ็คในทุกๆ วันอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามบุคลากรด้านข่าวกรองนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือทำให้ตัวตนที่ซ่อนอยู่เป็นความลับที่สุด ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากที่ได้ข้อมูลและที่อยู่ของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกหลวนเฉียงเหนือปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินจากพวกเขาแล้วเย่เชียนก็บอกให้พวกเขาแยกย้ายกันออกไปตามปกติ
เย่เชียนเชื่อว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากพวกเขาที่จะหาใครสักคนในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงต้องวิเคราะห์ข้อมูลบางอย่างให้ถี่ถ้วนรอบคอบและเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เคยพบพวกเขาและก็ไม่รู้ว่าพวกเขานั้นเป็นใครและเป็นคนอย่างไร ในดินแดนแห่งนี้ถ้าหากไม่ก็ระวังล่ะก็อาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปก็เป็นได้ เย่เชียนนั้นสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูนับร้อยได้แต่เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูมากกว่าหนึ่งพันคนได้หรือไม่?
ในตอนกลางคืนเย่เชียนส่งข้อมูลต่างๆ ให้โจวหยวนโดยตรงและบอกให้เขาอ่านอย่างละเอียดจากนั้นก็วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ของทักสองยักษ์ใหญ่ ในท้ายที่สุดเย่เชียนก็ยังคงพอใจเป็นอย่างมากเพราะโจวหยวนนั้นมีสมองที่ดีและไหวพริบเพราะถึงแม้ว่าเขาจะทำการวิเคราะห์ได้ไม่ละเอียดถี่ถ้วนสักเท่าไหร่แต่เขาก็สามารถเข้าใจถึงประเด็นสำคัญหลักๆ ได้
บรรพบุรุษกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่นั้นเดิมทีเป็นตระกูลของโจรในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและเป็นทหารผ่านศึกแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ทว่าสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวินเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นได้ไม่นานแต่ด้วยอิทธิพลของพวกเขานั้นพวกเขาจึงไล่ตามความยิ่งใหญ่ของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่ได้
ก่อนหน้านี้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่นั้นมีอำนาจเหนือกว่า แต่ตอนนี้สมาคมแม่ม่ายดำจือเหวิน ซึ่งแน่นอนว่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองนั้นมักจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ แต่ทว่ากลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่นั้นจะถูกสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวินคุกคามเอาเปรียบได้อย่างไร?
มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมทั้งสองฝ่ายถึงมีพลังและอำนาจมากมายถึงขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากหน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าที่เพิ่งจะจัดตั้งขึ้นมาได้ไม่นานนั้นข้อมูลที่ได้มาจึงมีจำกัด อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ของโจวหยวนแล้วก็สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของเย่เชียน ซึ่งทั้งคู่รู้สึกว่าสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นน่าเชื่อถือและเข้าถึงได้ง่ายกว่ากลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่เพราะถึงแม้ว่าชื่อเสียงของสมาคมแม่ม่ายดำจะค่อนข้างน่ากลัวแต่ทว่าสมาชิกทั้งหมดก็เป็นหญิงสาวที่งดงามจากข้อมูลและรูปภาพที่แจ็ครวบรวมมาซึ่งบางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าหญิงแกร่งใช่หรือไม่?
แน่นอนว่าเย่เชียนได้จัดเตรียมเอกสารตัวตนใหม่ให้กับตัวเองซึ่งครั้งนี้เขาจะมาในฐานะนักสะสมของเก่าของโบราณ ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สามารถซ่อนจากทางรัฐบาลได้ก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีปัญหาในการปลอมตัวชั่วคราวเช่นนี้ นอกจากนี้เย่เชียนเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือกับสมาคมแม่ม่ายดำเลย ซึ่งมันไม่จำเป็นเลยเพราะจุดประสงค์ของเขาในครั้งนี้ก็คือการตามหามีดคลื่นโลหิตหมาป่าและนำกลับคืนมา
ดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือนั้นเป็นพื้นที่ที่ติดอยู่กับประเทศเกาหลีเหนือดังนั้นประชากรในท้องถิ่นของที่นี่จึงค่อนข้างดุร้ายและเกรี้ยวกราดและประสิทธิภาพในการทำสงครามนั้นก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งประชากรในภาคกลางนั้นไม่สามารถเทียบได้เลย อย่างเช่นหวังหูที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีทักษะอยู่บ้างแต่ถ้าหากหวังหูมาอยู่ที่นี่ล่ะก็คาดว่าเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่ามาเฟียและกองกำลังของที่นี่ได้เลย อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เย่เชียนชื่นชมอย่างมากและนั่นก็คือภายใต้การควบคุมของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือนั้นทำให้กองกำลังของฝั่งเกาหลีเหนือไม่สามารถมาคุกคามได้เลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการปรากฏตัวของสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นจึงทำให้กลยุทธ์ของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่เปลี่ยนไปและเริ่มใช้กองกำลังของประเทศเกาหลีเหนือเพื่อโจมตีสมาคมแม่ม่ายดำ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกสงสารและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
ในมุมมองของเย่เชียนนั้นไม่ว่าจะมีการต่อสู้ภายในระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือยังไงก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ไม่สมควรที่จะให้กองกำลังภายนอกเข้ามาแทรกแซงได้และยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านั้นยังเป็นชาวต่างชาติอีกด้วย ซึ่งการกระทำของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่นั้นเป็นสิ่งที่เกินการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามโชคดีที่การปราบปรามของรัฐบาลจีนนั้นทำให้กองกำลังเหล่านั้นของประเทศเกาหลีเหนือไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองเกินไปและไม่สามารถกวาดล้างได้ด้วยปืนเหมือนที่พวกเขาเคยทำในประเทศเกาหลีเหนือของพวกเขา
เย่เชียนนั้นก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเขาวางแผนที่จะพัฒนาพลังของเขี้ยวหมาป่า ซึ่งถ้าหากการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่านั้นรวดเร็วจนเกินไปมันก็จะทำให้เกิดความขาดแคลนกำลังคนและความมั่นคงและมันจะไม่แข็งแกร่งเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะต่อสู้กับประเทศแต่ทว่ามันจะยากอย่างมากที่จะปกป้องตัวเองจากทั้งประเทศ ซึ่งเย่เชียนก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีดังนั้นทุกอย่างจึงต้องค่อยๆ ทำทีละขั้นตอน
หลังจากที่พักผ่อนในโรงแรมเป็นเวลาสองสามวันแล้วเย่เชียนก็เตรียมของขวัญและรีบไปที่ฐานของสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวินพร้อมกับโจวหยวน มันเป็นสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกับอาคารของพระราชวังที่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำและมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างแท้จริง จากระยะไกลเย่เชียนก็มองเห็นกลุ่มคนอยู่ด้านนอกซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของแม่ม่ายดำจือเหวิน และตอนนี้สถานการณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนก็ค่อนข้างที่จะเครียดอย่างมากเพราะทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในรูปแบบของการเฝ้าระวังซึ่งถ้าหากมีความขัดแย้งเพียงเล็กน้อยมันก็อาจจะก่อให้เกิดสงครามได้
รถหยุดอยู่ห่างจากล้านเพียงไม่กี่ร้อยเมตรซึ่งเย่เชียนและโจวหยวนก็ลงจากรถและมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาและเย่เชียนก็พูดว่า “สวัสดี..โปรดบอกหัวหน้าจือให้ทีว่าผมเย่เชียนอยากจะมาขอพบ!”
.
.
.
.
.
.
.