ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 423 หยุนเหลา
ตอนที่ 423 หยุนเหลา
หลังจากที่เย่เชียนจากไปในวันนั้นจือเหวินก็มองไปที่ภาพวาดในคืนนั้นอย่างใกล้ชิดอย่างใจจดใจจ่อและเธอก็รู้สึกบางอย่างในใจของเธอ เพราะหลายปีที่ผ่านมานั้นเธอก็ตั้งใจอยากจะลืมเรื่องน่าอับอายและความอัปยศอดสูนั้น แต่เธอก็อดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ได้และยิ่งอยากลืมมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งลืมไม่ได้เท่านั้นเพราะเหตุการณ์ในอดีตนั้นเหมือนแมลงมีพิษที่กัดกินหัวใจของเธอตลอดเวลา หากใครสามารถเผชิญกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างมีความสุขล่ะก็เขาคนนั้นก็ต้องกล้าหาญและแข็งแกร่งจริงๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจความตั้งใจของเย่เชียนก็ตามแต่เธอก็ชอบภาพวาดนี้อย่างมากที่วาดขึ้นมาเพื่อตัวของเธอเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกของผู้หญิงในภาพวาดนั้นทำให้เธอนึกถึงตัวเองที่เธอเคยเป็นคนที่คิดสั้นและทำร้ายตัวเอง เพราะถ้าเธอไม่ได้พบกับหยางเทียนล่ะก็เกรงว่าเธอจะไม่มีวันประสบความสำเร็จเหมือนในทุกวันนี้และคิดว่าเธอคงจะไหลไปไกลพร้อมกับน้ำในแม่น้ำซงฮัวราวกับลูกคลื่น
อย่างไรก็ตามเธอก็เหนื่อยและล้าอย่างมากกับการทำเช่นนี้ด้วยตัวคนเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หยางเทียนเสียชีวิตไปนั้นจึงทำให้ภาระทั้งหมดอยู่ที่เธอเองและไม่ว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหนเธอก็ยังต้องฝืนทน เธอไม่สามารถทำลายสิ่งที่หยางเทียนสร้างเอาไว้ได้และเธอก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นอย่างเลวร้ายได้และถ้าหากเธอล้มลงล่ะก็ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็จะเป็นทุกข์และที่สำคัญกว่านั้นก็ยังมีบุคคลที่เธอต้องจัดการอยู่ไม่เช่นนั้นเธอจะคู่ควรกับวิญญาณของหยางเทียนบนท้องฟ้าบนสวรรค์ได้อย่างไร
แม้ว่าจือเหวินจะพยายามขอให้เย่เชียนเอาของขวัญกลับคืนไปก็ตามแต่เย่เชียนก็ทำเพียงยิ้มจางๆ และไม่ได้ยื่นมือเพื่อไปรับมันกลับแต่อย่างใด ซึ่งภาพวาดนี้ไม่มีความหมายสำหรับเธออย่างมากเพราะถ้ามันไม่ได้อยู่กับจือเหวินล่ะก็ภาพนี้ก็จะสูญเสียคุณค่าไป หลังจากหยุดไปชั่วชณะเย่เชียนก็พูดว่า “หัวหน้าจือ..ช่วยบอกผมหน่อยจะได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่..ด้วยอำนาจของหัวหน้าจือในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือนี้ผมเชื่อว่าการหาใครสักคนก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่หรือ?”
“อันที่จริงการหาใครสักคนนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆ นั่นแหละ” จือเหวินพูดต่อ “เพียงแต่ถังเหวยซวนน่ะมันหันไปหาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่..และฉันก็ได้ส่งคนไปตามหาเขาและพบว่าเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่น่ะ..เพราะงั้นฉันก็เลยทำอะไรไม่ได้”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและดวงตาของเขาก็พลันเปล่งประกายออกมาด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง ซึ่งเย่เชียนนั้นเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าใครก็ตามที่มายุ่งวุ่นวายกับมีดคลื่นโลหิตมาป่าล่ะก็คนคนนั้นจะต้องตายสถานเดียว ซึ่งตอนนี้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ได้ยื่นมือเข้ามาปกป้องถึงเหวยซวนเช่นนี้ซึ่งอาจพูดได้ว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้นเชียนจะอดทนต่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ถึงแม้ว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่อาจจะไม่รู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดก็ตามเพราะบางทีพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็อาจจะแค่ต่อต้านและเย้ยหยันจือเหวินเพราะจือเหวินกำลังตามหาถึงเหวยซวนอยู่ แต่ทว่าในมุมมองของเย่เชียนนั้นสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อแก้ตัวทั้งนั้นเพราะถ้าหากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ตัดสินใจอะไรไปแล้วเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขานั่นเอง
จือเหวินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเธอรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดกับเจตนาฆ่าที่รุนแรงอย่างยิ่งที่จู่ๆ เย่เชียนก็ระเบิดออกมาซึ่งเขาทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นจากก้นบึ้งของหัวใจและด้วยเหตุนี้จือเหวินจึงยิ่งแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนนักธุรกิจทั่วๆ ไปแต่ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังของเย่เชียน
เย่เชียนก็ตระหนักดีว่าการแสดงออกของเขานั้นดูดุร้ายเกินไปเมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็รีบระงับแรงกดดันและกลิ่นอายแห่งเจตนาฆ่าของเขาจากนั้นก็พูดว่า “เท่าที่ผมรู้มาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่น่ะดูเหมือนพวกนั้นจะเริ่มยั่วโมโหหัวหน้าจือแล้วสินะ..แล้วหัวหน้าจือจะทำยังไง? ..อดทนไปก่อนหรอ?”
“ตอนนี้กองกำลังของฉันน่ะด้อยกว่าเขาเพราะตอนนี้เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังในประเทศเกาหลีเหนือ..เพราะงั้นฉันจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไปแล้ว..ตอนนี้ฉันก็ทำได้แค่ซ่อนและถอยหนีเท่านั้น!” จือเหวินก็พูดอย่างช้าๆ ซึ่งเย่เชียนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะในสายตาของเขานั้นเขาก็คิดแค่ว่าจือเหวินกำลังจงใจแสดงความอ่อนแอออกมาเพียงเท่านั้น ซึ่งเขาเกรงว่าถ้าหากจือเหวินโจมตีแบบเต็มกำลังล่ะก็มันจะเป็นกองกำลังที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
หลังจากที่หยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็จะไม่รบกวนหัวหน้าจือแล้ว..วันนี้ผมจะไปหาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ด้วยตัวเอง..ผมไม่อยากทำให้หัวหน้าจือมีปัญหา..ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“โชคดี!” จือหวินพูดเบา ๆ
เมื่อเห็นเย่เชียนเดินออกจากห้องนั่งเล่นและออกไปจากบ้านแล้วร่างของจือเหวินก็ค่อยๆ เอนหลังพิงโซฟาและพึมพำว่า “ศึกเสือกับหมาป่าครั้งนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงเลย”
“เตรียมรถเตรียมคนให้พร้อม! ..ฉันจะไปหาหยุนเหลา” จือเหวินพูดกับคนของเธอ
หยุนเหลาคือใคร? ซึ่งทุกคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการใต้ดินและบนถนนสายตะวันออกเฉียงเหนือก็รู้ดีว่าหยุนเหลานั้นเป็นใคร ซึ่งเขาก็คือบุคคลทรงอิทธิพลที่แท้จริงในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถ้าหากใครย่างก้าวเข้ามาเหยียบเท้าของเขาแล้วล่ะก็มันก็อาจจะทำให้ที่แห่งนี้ต้องสั่นคลอนเลยทีเดียว อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่แท้จริงในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือและการที่หยางเทียนสามารถก้าวขึ้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเวลานั้นได้ส่วนมากก็เป็นเพราะหยุนเหลาคนนี้นั่นเอง
แม้ว่าจะเป็นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ตามแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเหลาแล้วเขาก็ต้องเรียกหยุนเหลาว่าผู้อาวุโสด้วยความเคารพเลย ซึ่งก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่หยุนเหลาได้ออกจากแวดวงนี้ไปและเขาก็ไม่ได้ดูแลสิ่งต่างๆ อีก อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เกษียณอายุแล้วและไม่ต้องพูดถึงพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เลยเพราะหลายคนในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือนั้นต่างก็รู้ดีว่าหยุนเหลาได้ปลูกฝังและปลุกปั้นคนสองคนเอาไว้ในช่วงชีวิตของเขาในแวดวงนี้ซึ่งคนหนึ่งก็คือหลวนเซียงผู้เป็นพ่อของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และอีกคนก็คือหยางเทียนนั่นเอง
ณ เมืองเสิ่นหยวนเขตชานเมืองในบ้านหลังหนึ่งในขณะนี้จือเหวินก็กำลังคุยกับชายชราคนหนึ่งอยู่และก็มีเสียงร่าเริงจากข้างในบ้านเป็นระยะๆ
ชายชรามีผมหงอกสีขาวเต็มไปหมดแต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยพลังและใบหน้าของเขานั้นก็แดงก่ำซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะอายุมาก แล้วก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ยังมีอ่อร่าและกลื่นอายที่ไม่สามารถปกปิดได้อยู่ ซึ่งเมื่อเขายังหนุ่มยังแน่นเขาก็เป็นคนที่มีอำนาจมากในยุคนั้นและเรียกได้ว่าเขาได้ปกครองดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมดภายใต้กำมือของเขา ซึ่งเขาเองก็เคยเป็นเสือที่ผ่านการต่อสู้มาแล้วหลายครั้งนับไม่ถ้วนจนถึงขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลางยังต้องให้ความเคารพเขาเมื่อได้พบกับหยุนเหลาผู้นี้
จือเหวินนั้นแต่งกายด้วยกางเกงยีนส์และเสื้อยืดและผมของเธอก็มัดเป็นหางม้าและปล่อยไว้ที่ด้านหลังศีรษะซึ่งเธอดูเหมือนเด็กสาวอย่างมาก “คุณปู่หยุนนี่คือหยกที่ฉันได้มาจากเมียนมาร์..ฉันเห็นคุณปู่หยุนชอบเล่นหมากรุก..ถ้ามีหยกเอาไว้ข้างกายมันจะทำให้โชคดีนะ” จือเหวินยิ้มและวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะกาแฟและเธอก็หยิบชุดน้ำชาบนโต๊ะเพื่อชงชาให้หยุนเหลาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เสี่ยวเหวิน..ฉันชอบมันนะฮ่าๆ” หยุนเหลาพูดด้วยรอยยิ้มและหัวเราะซึ่งคนในระดับเขานั้นเงินก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างยิ่งเพราะสิ่งที่ดีที่สุดก็คืออะไรก็ตามที่ทำให้เขามีความสุข ซึ่งถึงแม้ว่าหยุนเหลาจะออกจากวงการไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นที่รู้จักดีในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือปห่งนี้และด้วยคำพูดของเขาเพียงคำพูดเดียวก็ยังคงทำให้หลายคนหวาดกลัวอย่างยิ่งเช่นเคย
ชีวิตของเขานั้นไม่ว่าจะดำเนินไปอย่างไรถึงยังไงเขาก็ยังคงตำนานและสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการฝึกฝนคนอย่างหยางเทียนและสิ่งที่ล้มเหลวที่สุดของเขาก็คือการฝึกฝนหลวนเซียงพ่อของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะสายตาอันเฉียบคมของเขาแล้วสถานการณ์ในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือก็คงจะไม่พัฒนาเหมือนตอนนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามถ้าหากหยางเทียนไม่ได้ตายไปตั้งแต่อายุยังน้อยล่ะก็สถานการณ์ต่างๆ ก็คงจะพลิกผันไปนานแล้ว
หยุนเหลาก็ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “เสี่ยวเหวิน..ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอด..เห้อ..ถ้าเสี่ยวเทียนยังอยู่ที่นี่ด้วยนะ..เธอก็คงจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้หรอก”
การตายของหยางเทียนนั้นเป็นเหมือนรอยแผลเป็นในใจของจือเหวินเพราะถ้าหากหยางเทียนยังไม่ตายไปเธอจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? และเธอจะถูกพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่คุกคามได้อย่างไร? เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเหลาแล้วหัวใจของจือเหวินก็เจ็บปวดและส่วนที่อ่อนแอที่สุดก็ดูเหมือนจะสงบลง หลังจากที่แน่นิ่งไปชั่วครู่จือเหวินก็ระงับอารมณ์ที่โศกเศร้าเอาไว้และยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดว่า “กาลเวลาก็เป็นชะตากรรม..พี่เทียนเขาคงจะไม่เสียใจเพราะในช่วงชีวิตของเขานั้นเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น..แต่ฉันกลับไร้ประโยชน์..ฉันไม่สามารถยึดมั่นเหมือนพี่เทียนได้”
หลังจากพูดจบจือเหวินก็ค่อยๆ หยิบถ้วยน้ำชาที่ชงแล้วส่งให้หยุนเหลาหลังจากนั้นหยุนเหลาก็ยื่นมือออกไปรับมันแล้วจิบเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ พูดว่า “เด็กคนนั้นของตระกูลหลวนน่ะเขาทำเกินไปหน่อยนะ..เพราะไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นและไม่ว่าเขาหรือเธอจะไม่ลงรอยกันแค่ไหนถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องภายในของพวกเราด้วย..แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไปพัวพันกับกองกำลังของประเทศเกาหลีเหนือ..แล้วมันจะต่างอะไรกับคนทรยศ? ..แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก..ในเมื่อเด็กคนนั้นมาเยือนที่ดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของเราแล้ว..ฉันคิดว่าวันดีๆ ของเด็กตระกูลหลวนคงจะจบลงในไม่ช้า”
“นั่งลงก่อนสิ..อย่ามายืนค้ำหัวฉัน!” หยุนเหลาเงยหน้าขึ้นมองจือเหวินด้วยรอบยิ้มและพูด
“คุณปู่หยุนคะ..เย่เชียนเป็นใคร?” จือเหวินนั่งลงและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ตอนที่ฉันเห็นเขาครั้งแรกฉันก็สงสัยในตัวตนของเขาอยู่เหมือนกัน..ถึงแม้ว่าเขาพยายามปกปิดมันเอาไว้ก็ตามแต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าเขานั้นไม่ได้เรียบง่ายเหมือนนักธุรกิจทั่วไป..ฉันเองก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบแต่ฉันก็รู้มาแค่ว่าเขานั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับหวังหูในเมืองเซี่ยงไฮ้..แล้วพวกเขาก็รายงานมาว่าเย่เชียนเป็นราชาหมาป่า..มันหมายความว่ายังไง?”
หยุนเหลาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ชื่อของราชาหมาป่าเย่เชียนน่ะเป็นถึงตำนานในทวีปตะวันออกกลาง..เขาเป็นถึงผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างที่รู้จักกันในนามเขี้ยวหมาป่า..ซึ่งเป็นราชาแห่งโลกของทหารรับจ้าง..ซึ่งทั้งหมดในเมืองเซี่ยงไฮ้น่ะถูกควบคุมและสร้างโดยคนคนเดียว..เพราะเขาไม่เพียงแค่ทำลายตงเซียงกรุ๊ปเท่านั้น..แต่เขายังรวมหงเหมินกรุ๊ปกับแก๊งชิงให้เป็นหนึ่งเหมือนสมัยก่อนอีกด้วย..แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ร่างเงาที่เขาวาดเอาไว้เท่านั้น..เพราะฉันเองก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จจริงของเขาเลยด้วยซ้ำ..เธอน่าจะรู้จักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนใช่มั้ย?”
จือเหวินก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ฉันรู้ค่ะ..เขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ”
“ใช่!” หยุนเหลาก็พยักหน้าและพูดว่า “ย้อนกลับไปสมัยก่อนนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับฉันน่ะเป็นสหายร่วมรบกัน..เราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา..ดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ควรจะไว้หน้าฉันเพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อน..ฉันก็เลยไปขอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนช่วยในการตรวจสอบเย่เชียน..แต่เธอลองเดาดูสิว่าเขาพูดว่าอะไร?”
“เขาพูดอะไร?” จือเหวินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หวงฟู่ชิงเตี๋ยนบอกกับฉันมาว่าเด็กคนนั้นพูดเอาไว้ว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ก็ตาม..ถึงยังไงรัฐบาลกลางก็ห้ามเข้ามาแทรกแซงและห้ามสร้างปัญญาให้กับเขา” หยุนเหลาพูดอย่างช้าๆ
จือเหวินก็ถึงกับตกใจเพราะความหมายในประโยคนี้ชัดเจนอย่างมากเพราะไม่เพียงแค่พวกเขาบอกว่าเย่เชียนเป็นบุคคลที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เท่านั้นแต่รัฐบาลกลางยังยินยอมให้เขาทำทุกอย่างซึ่งสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเย่เชียนนั้นน่าสนใจอย่างมากสำหรับเธอ
.
.
.
.
.
.
.