ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 424 การพบปะกันของเสือและหมาป่า
ตอนที่ 424 การพบปะกันของเสือและหมาป่า
การที่หยุนเหลาเรียกหวงฟู่ชิงเตี๋ยนห้วนๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเป็นรุ่นน้องที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน เป็นพี่น้องในร่องลึกกับหยุนเหลา ตอนนั้นหยุนเหลาและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังเด็กมากซึ่งเวลานั้นหยุนเหลาได้ช่วยเหลือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาโดย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นตอนนี้ถึงยังไงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ต้องด้วยความเคารพ
อย่างไรก็ตามถึงยังไงก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้และหยุนเหลาก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้โดยธรรมชาติ ซึ่งผู้คนในดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ต่างก็รู้ว่าหยุนเหลานั้นเก่งเรื่องการปกครอง แต่พวกเขานั้นก็ไม่รู้เลยว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
“เย่เชียนคนนี้มีพลังอำนาจมหาศาลขนาดนั้นเลยหรอคะ” จือเหวินถามด้วยความประหลาดใจ “สิ่งที่เขาซ่อนเอาไว้มันค่อนข้างลึกลับมาก..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่หยุนแล้วฉันคิดว่าฉันเองคงจะไม่สามารถหารายละเอียดและข้อมูลของเขาได้เลย”
หยุนเหลายิ้มและพูดว่า “ตอนนี้เธอสบายใจได้..เพราะที่เด็กคนนี้มาที่นี่น่ะเขาไม่ได้มาทำสงครามกับพวกพยัคฆ์แดนเหนือแต่อย่างใด..แต่คราวนี้พวกพยัคฆ์แดนเหนือบังเอิญเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับถังเหวยซวนซึ่งมันก็เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับเด็กคนนั้นโดยทางอ้อม..แล้วเธอคิดว่าเขาจะไว้ชีวิตพยัคฆ์แดนเหนืองั้นหรือ? ..ส่วนเธอนะก็ไม่ต้องทำอะไรตอนนี้..เพียงแค่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและถ้าหากเด็กคนนั้นต้องการความช่วยเหลืออะไรเธอก็คอยช่วยเขาด้วย..เขาจะได้เป็นหนี้บุญคุณเธอและมันจะเป็นผลดีกับเธอในอนาคต”
จือเหวินพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ”
เย่เชียนนั้นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่โดยธรรมชาติ ซึ่งหลังจากที่เย่เชียนออกจากบ้านของจือเหวินไปเขาก็ขับรถตรงไปที่บ้านของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ทันที ซึ่งถังเหวยซวนได้ละเมิดกฎต้องห้ามของเย่เชียนไปแล้วดังนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้ตายและไม่มีใครสามารถปกป้องเขาได้แล้วนับประสาอะไรกับพวกของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเย่เชียนก็จะไม่มีวันยอม
เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงในเรื่องระหว่างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินเลยแต่ถ้าเขาขอให้จือเหวินช่วยล่ะก็พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็จะมองว่ามันคือการแทรกแซง แต่ทว่าในตอนนี้ในมุมมองของเย่เชียนนั้นเย่เชียนก็สนใจแล้วว่าเหตุผลต่างๆ มันจะเป็นอย่างไรเพราะถึงยังเขาพวกก็ไม่สมควรได้รับการอภัยแต่อย่างใด
เมื่อมองไปที่คิ้วที่ขมวดกันแน่นและเจตนาฆ่าที่เย็นยะเยือกภายในดวงตาคู่นั้นแล้วโจวหยวนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว มือที่จับพวงมาลัยรถอยู่ก็สั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการแสดงออกของเย่เชียนด้วยแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้และในทันใดนั้นเขาก็เข้าใจสิ่งที่เย่เชียนพูดกับเขาในวันนั้นว่าผู้ที่แข็งแกร่งอย่างจริงคือการพิชิตตัวเองและการยับยั้งชั่งใจในสิ่งต่างๆ และปกปิดมันเอาไว้แล้วระเบิดออกมาเมื่อจำเป็นเท่านั้น เย่เชียนเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ออร่าของเขานั้นดูกดกันมากกว่าแม่ม่ายดำจือเหวินแสดงออกมา
สำหรับเย่เชียนนั้นเขาก็ยังคงรักษาความคิดเดิมของเขาอยู่เพราะเขาเพียงแค่ต้องการให้ถังเหวยซวนคืนมีดคลื่นโลหิตหมาป่าให้เขา ซึ่งถ้าหากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เข้ามาแทรกแซงล่ะก็มันก็ขึ้นอยู่กับว่ากรงเล็บของเสือหรือเขี้ยวของหมาป่าจะคมกว่ากัน
คราวนี้เย่เชียนก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านของจือเหวินอีกต่อไปเพราะเขาเลือกที่จะมาหาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้รีบลงจากรถแต่อย่างใดจนกระทั่งโจวหยวนเปิดประตูให้เขาและเย่เชียนก็เดินออกมาอย่างช้าๆ และพูดกับลูกน้องของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ว่า “สวัสดีทุกคน..ผมมาในนามของราชาแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้จะมาขอเยี่ยมหัวหน้าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่!”
ชายคนนั้นก็ชะงักเล็กน้อยและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบและไม่นานนักพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็เดินออกมาทักทายเย่เชียนเป็นการส่วนตัวโดยยังคงมีรอยยิ้มอันเป็นสัญลักษณ์บนใบหน้าของเขาอยู่ เมื่อเดินไปข้างหน้าเย่เชียนแล้วพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็มองไปที่เย่เชียนขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าจากนั้นเขาก็ยิ้ม “คุณเป็นคนที่หวังหูส่งมาใช่หรือเปล่า? ”
“ใช่! ..ผมเป็นเพื่อนของหวังหู..ผมแค่แวะมาทักทายหัวหน้าหลวน” เย่เชียนพูด ซึ่งร่างกายของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นสูงกว่าและกำยำกว่าเย่เชียนมาก แต่ความดุดันของเย่เชียนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหลวนปิงลี่เลย ในขณะนี้ทั้งสองคนก็ยืนเผชิญหน้ากันเช่นนี้และก็ไม่มีใครกล้าพูดเลยว่าคนอย่างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะยอมจำนนต่อเย่เชียนผู้นี้
พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ผงะเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญเข้ามาข้างในก่อน!” หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังและเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งการที่พวกเขารับรู้ว่าหวังหูได้เข้ายึดครองหงเหมินกรุ๊ปและแก๊งชิงดังนั้นเขาจึงมีอิทธิพลและอำนาจอย่างมากจนพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่แห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังชื่นชมหวังหูอยู่บ้างดังนั้นเขาจึงต้องไว้หน้า
เย่เชียนก็ไม่ได้ขอบคุณเขาแต่อย่างใดเขาเพียงเดินตามพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เข้าไปข้างในและในที่สุดโจวหยวนก็ได้เรียนรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเย่เชียนในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะไม่ให้ออร่าและแรงกดดันระเบิดออกมาดั่งที่เย่เชียนเคยพูดเอาไว้ว่าเมื่อคนสองคนมาเผชิญหน้ากันแล้วใครที่แข็งแกร่งกว่าก็จะมีโอกาสได้รับชัยชนะมากขึ้นเว้นแต่อีกฝ่ายจะจงใจแสดงความอ่อนแอออกมา
“นั่งลงก่อน!” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ชี้ไปที่โซฟาตรงหน้าเขาและพูด จากนั้นเขาก็หยิบซิการ์ออกจากกล่องและหยิบมันเข้าปากและไม่นานนักก็มีคนจุดไฟให้เขา “คุณอยากได้สักหน่อยมั้ย? ..มีคนให้ผมมาจากคิวบา..มันยอดเยี่ยมมาก” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ค่อยๆ พ่นควันออกมาและพูด
“ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นซิการ์..ผมชอบบุหรี่ดีกว่า” เย่เชียนพูดขณะที่เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาซึ่งมันเป็นของที่ธรรมดามากในสายตาของพยัคฆ์แดนเหนือเพราะบุหรี่แบบนี้ก็มีราคาถูกและมีขายตามร้านค้าทั่วไปทั้งนั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นโจวหยวนก็รีบจุดไฟบุหรี่ให้เย่เชียน
“สหาย..คุณชื่ออะไร” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ถาม
“เย่เชียน..ที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตน!” เย่เชียนพูด
“ราชสีห์แห่งเซี่ยงไฮ้และพยัคฆ์แดนเหนือ..ฮ่าฮ่า..นี่มันคงเป็นโชคชะตาจริงๆ” หลวนปิงลี่พูดด้วยรอยยิ้ม มันเป็นเรื่องไกลตัวอย่างมากและเย่เชียนเองก็ไม่รู้สึกถึงโชคชะตาใดๆ “แล้วสหายทำธุรกิจอะไรหรือ?” หลวนปิงลี่ถาม
“มันเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ น่ะ..ผมแค่ทำมาหากินธรรมดาๆ ..มันเทียบไม่ได้กับธุรกิจขนาดใหญ่เหมือนของหัวหน้าหลวนหรอก” เย่เชียนพูด
“เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” หลวนปิงลี่ถาม
“โอ้..ช่างเป็นโชคชะตาจริงๆ ..เราเคยพบกันแล้วที่บ้านของแม่ม่ายดำจือเหวิน..หัวหน้าหลวนอาจจะกำลังรีบร้อนอยู่ในเวลานั้นคุณจึงไม่ได้สังเกตเห็นคนตัวเล็กๆ อย่างผม” เย่เชียนพูเบาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเพราะการที่เย่เชียนเป็นเพื่อนของหวังหูแต่เมื่อเขามาเยือนดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขากลับไปพบแม่ม่ายดำจือเหวินก่อนจากนั้นก็มาพบตัวเองในภายหลังซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับแม่ม่ายดำจือเหวินได้? อย่างไรก็ตามเนื่องจากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ถูกเรียกว่าเสือยิ้มดังนั้นเขาจึงซ่อนความคิดของตัวเองเอาไว้ได้ดีอย่างมาก ซึ่งเขายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขาและเขาก็พูดว่า “แล้วคุณเย่กำลังมองหาอะไร? ..หากมีอะไรที่คุณต้องการให้ช่วยก็บอกหลวนปิงลี่คนนี้มาได้เลย”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่เขากลับเปลี่ยนคำเรียกชื่อของเย่เชียนโดยไม่รู้ตัวจาก ‘สหาย’ เป็น ‘คุณเย่’ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนหลุดออกจากขอบเขตความพึงพอใจของเขาไปแล้ว อย่างไรก็ตามตัวตนของเย่เชียนก็เหมือนกับตัวตนของหวังหูดังนั้นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จึงต้องไว้หน้าเย่เชียนต่อไป แล้วถ้าหากเขาไม่ไว้หน้าเย่เชียนและขับไล่เขาออกไปมันจะไม่เป็นเรื่องตลกเหรอแล้วถ้ามันแพร่กระจายออกไปล่ะ? เขาจะต้องทำให้หวังหูขุ่นเคืองเป็นแน่แล้วสิ่งต่างๆ ก็จะเลวร้ายอย่างมากในอนาคต
“ครั้งนี้ที่ผมมาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เพื่อตามหาใครบางคน..แต่เดิมผมได้เรื่องนี้ฝากไว้กับหัวหน้าจือ..แล้วผมก็ได้ยินหัวหน้าจือบอกว่าคนคนนั้นอยู่ในการคุ้มครองของหัวหน้าหลวน..เพราะงั้นผมก็เลยต้องรบกวนหัวหน้าหลวนด้วย..มอบคนคนนั้นให้ผมซะ” เย่เชียนพูด
ใบหน้าของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็เปลี่ยนไปและเขาก็ถามว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณเย่กำลังพูดถึงใคร? ”
“ถังเหวยซวน!” เย่เชียนตอบอย่างตรงไปตรงมา
พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะแล้วพูดว่า “โอ้..คุณเย่กำลังพูดถึงเขานี่เอง..ผมสงสัยจริงๆ ว่าคุณเย่มีความบาดหมางอะไรกับเขา? ”
“มันก็ไม่มีอะไรร้ายแรงถึงขนาดนั้นหรอก..เขาแค่ขโมยของจากผมไป..เพราะงั้นผมจึงมาตามหาเขาเพื่อเอาของของผมคืน” เย่เชียนพูด “ผมคิดว่าหัวหน้าหลวนไม่ควรที่จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้หรอกใช่มั้ย?”
“ก็ตามนั้นเลย..หากคุณเย่พูดเช่นนั้น” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่นั้น..แต่คุณเย่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปนะ..ผมไม่เคยช่วยปกปิดถึงเหวยซวนเลย..ผมคิดว่าอาจจะเป็นใครบางคนที่ต้องการยั่วยุให้พวกเราบาดหมางกันใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะใช้ประโยชน์จากจือเหวินโดยการโยนสิ่งต่างๆ ไปให้เธอ ซึ่งพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ไม่ควรใช้เรื่องนี้เพื่อหลอกเขาเลยหรืออาจจะเป็นไปได้ไหมที่จือเหวินรู้จักตัวตนของเขาดังนั้นเธอจึงต้องการใช้เขาเพื่อฆ่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่? ในขณะนี้เย่เชียนก็รู้สึกสับสนงุนงงอย่างมากว่าความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่
เย่เชียนก็จ้องมองไปที่การแสดงออกของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เป็นเวลานานจนเย่เชียนต้องชื่นชมเขาเลยว่าเขานั้นสามารถซ่อนสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเพราะเย่เชียนนั้นไม่สามารถมองเห็นอะไรจากการแสดงออกของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ได้เลย เนื่องจากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับหวังหูแล้วดังนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะปกปิดเรื่องนี้กับถังเหวยซวนหรือไม่? เว้นแต่เขาจะมีผลประโยชน์อื่นหรือถังเหวยซวนได้มอบมีดคลื่นโลหิตหมาป่าแก่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เพื่อต้องการขอที่หลบภัยให้ตัวเอง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่เย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดไป..ถ้างั้นคราวหน้าผมจะเป็นเจ้าภาพเพื่อขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ฮ่าๆ ..คุณเย่อย่ากังวลไปเลย..เพราะคนสมัยนี้น่ะมีแต่เจตนาร้ายๆ กันทั้งนั้นจนถึงกับต้องการปลุกปั่นความบาดหมางของพวกเรา..คุณเย่สบายใจได้เลยว่าถ้าหากมีข่าวคราวของถังเหวยซวนล่ะก็..ผมจะแจ้งให้คุณเย่ทราบเอง” หลวนปิงลี่พูด
“ถ้างั้นผมต้องขอขอบคุณล่วงหน้าเลย” เย่เชียนพูดและเขี่ยก้นบุหรี่ออกและพูดต่อ “ถ้างั้นผมก็ไม่รบกวนหัวหน้าหลวนแล้ว..ผมขอตัวก่อนครับ”
“โอ้..ในเมื่อคุณเย่อยู่ที่นี่แล้วทำไมคุณเย่ไม่อยู่ต่อและกินมื้อเที่ยงด้วยกันสักหน่อยล่ะ” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่พูดอย่างง่ายๆ สบายๆ
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ขอบคุณครับหัวหน้าหลวนสำหรับความกรุณาของคุณ..แต่ผมต้องไปหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนไม่งั้นผมคงอยู่เฉยๆ ไม่ได้แน่”
“ถ้างั้นก็ตามที่คุณเย่สะดวกเลย” พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่พูดด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนจะเสียใจ
.
.
.
.
.
.
.