ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 426 ล่องูออกจากรู
ตอนที่ 426 ล่องูออกจากรู
สไตล์การทำสิ่งต่างๆ ของเย่เชียนนั้นคือการที่เขาจะไม่แขวนคอตัวเองบนต้นไม้อย่างแน่นอนและเขาก็จะไม่ทำอะไรให้ตัวเองต้องลำบากในภายหลัง ดังนั้นการตามล่าถังเหวยซวนนั้นเย่เชียนก็จะไม่ฝากความหวังเอาไว้กับจือเหวินอีกต่อไปแล้วเพราะเย่เชียนนั้นสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าไปสืบค้นข่าวต่างๆ และนอกจากนี้เพื่อที่จะทราบความเคลื่อนไหวของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นเย่เชียนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองจับตาดูพวกเขาทั้งสองด้วย
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเหล่านี้ก็ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีโดยแจ็คจากเขี้ยวหมาป่า ซึ่งแต่ละคนนั้นก็เคยเป็นถึงผู้นำหน่วยข่าวกรองของประเทศต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับการติดตามการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เป็นอย่างดีและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักรบก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะของพวกเขาจะแย่สักหน่อยเพราะในทางกลับกันทักษะการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเหล่านี้นั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักรบของเขี้ยวหมาป่าเลย
ในฐานะเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่มีคุณสมบัติที่ดีและต้องมีทักษะที่ดีจึงจะสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน และที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่านั้นมักจะมีใบมีดและยาพิษซ่อนอยู่ในปากเสมอและเมื่อใดที่พวกเขาเผชิญหน้ากับเหตุฉุกเฉินและถ้าหากพวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้จริงๆ ล่ะก็พวกเขาก็จะฆ่าตัวตายทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนได้วางแผนเข้าไปแทรกแซงพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินเพราะแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นจะไม่เชื่อใจพวกเขาง่ายๆ เช่นนั้นดังนั้นการส่งใครสักคนไปคอยเฝ้าสังเกตการณ์นั้นก็เป็นเหตุผลที่ดีเช่นกัน
“จากการตรวจสอบของเรานั้นถังเหวยซวนในตอนนี้อยู่ในบ้านของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่..และในวันนี้แม่ม่ายดำจือเหวินได้ส่งคนไปค้นหาที่อยู่ของถังเหวยซวน..ซึ่งจากข้อมูลที่ตรวจสอบมานั้นถังเหวยซวนได้หลบหนีและมองหาที่กบดานเขาจึงไปพบพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และมอบของโบราณบางอย่างให้กับเขา..เป็นสินบนในการปกป้องตัวเขานั่นเอง” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าพูด “ส่วนการเคลื่อนไหวของแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นเธอได้นั่งรถไปแถวๆ แถบชานเมืองทันทีที่บอสออกมาจากบ้านของเธอ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถาม “คุณรู้ไหมว่าเธอไปหาใคร? ”
“หยุนเหลา..ผู้คนในแถบตะวันออกเฉียงเหนือต่างก็เรียกเขาว่าผู้อาวุโส..เมื่อสิบปีก่อนหยุนเหลาผู้นี้เป็นคนคุมดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด..โดยมีหลวนเซียงพ่อของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และหยางเทียนสามีของแม่ม่ายดำจือเหวินที่เขาปลูกฝังและปลุกปั้นมา..อย่างไรก็ตามในสายตาของหยุนเหลานั้นหลวนเซียงไม่เหมาะกับสิ่งต่างๆ ดังนั้นหยุนเหลาจึงขัดเกลาหยางเทียนแทน..แต่น่าเสียดายที่หยางเทียนนั้นเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น..และนับตั้งแต่นั้นมาด้วยความไม่พึงพอใจที่สั่งสมมานานของหลวนเซียงเขาจึงหันมาต่อต้านหยุนเหลาจนกระทั่งพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ลูกชายของเขา ก็ได้เข้ามายึดครองธุรกิจของพ่อของเขาและมันก็ทำให้เขายิ่งต่อต้านหยุนเหลามากยิ่งขึ้น” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าพูด ซึ่งในฐานะเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าใส่อารมณ์ของตัวเองเข้าไปในข้อมูลและใช้เล่ารายละเอียดของวัตถุประสงค์ตามข้อมูลอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
“พูดอีกอย่างก็คือแม่ม่ายดำจือเหวินเป็นคนเดียวที่หยุนเหลาสามารถพึ่งพาได้ใช่มั้ย” เย่เชียนพูด
“ถึงแม้ว่าตอนนี้หยุนเหลาจะวางมือไปแล้วก็ตามแต่ถึงยังไงคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็ยังคงต้องเคารพเขา..แต่ก็ตามข้อมูลที่ได้มาว่าผู้สนับสนุนคนเดียวของแม่ม่ายดำจือเหวินก็คือหยุนเหลา..ตามข้อมูลการสืบค้นของเรานั้นหยุนเหลายังคงมีความสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตในรัฐบาลอยู่..เพราะสมัยที่เขายังหนุ่มยังแน่นเขานั้นเป็นมาเฟียในวงการใต้ดินและต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดของหยุนเหลาในรัฐบาลกลางก็คือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบันและรองผู้อำนวยการเขตทหารพลเอกหวงฟู่ถิงเตี๋ยน”
“อะไรนะ!” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงแล้วรีบพูดว่า “เขาเกี่ยวข้องกับปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยเหรอ? ”
“ก็พ่อของหยุนเหลากับพ่อของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนน่ะเป็นเพื่อนร่วมตายกัน..เพราะพวกเขาผ่านความตายด้วยกันมานับต่อนับในสงคราม..และหลังจากที่พ่อของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้เสียชีวิตนสนามรบในเวลานั้น..สองพี่น้องหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหวงฟู่ถิงเตี๋ยนที่ยังเด็กอยู่พวกเขาก็ได้รับการดูแลจากหยุนเหลาคนนี้นี่แหละ” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ เพราะเย่เชียนนั้นเชื่อข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาโดยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าอย่างมาก ซึ่งการที่หยุนเหลามีความสัมพันธ์กับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นนี้นั้นเย่เชียนก็กลัวว่าหยุนเหลาอาจจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้วใช่มั้ย? และยิ่งไปกว่านั้นแม่ม่ายดำจือเหวินก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพวกเขาเหล่านั้นมีแนวโน้มที่ต้องการหลอกใช้เย่เชียนเพื่อกำจัดพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั่นเอง
ซึ่งการที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จงใจปกป้องถังเหวยซวนเอาไว้เช่นนี้ซึ่งมันหมายความว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่กำลังท้าทายเย่เชียนอย่างเปิดเผย ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายก็เหมือนจะกำลังเล่นตลกกับเย่เชียนอย่างไงอย่างงั้น
หลังจากหยุดไปชั่วชณะเย่เชียนก็พูดว่า “ขอบคุณสำหรับข้อมูล..หลังจากนี้คุณก็คอยเฝ้าสังเกตการณ์พวกเขาต่อไป..และถ้าหากคุณพบเจอข้อมูลสำคัญใดๆ โปรดรายงานให้ผมทราบทันทีด้วย”
“รับทราบครับบอส!” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าตอบพร้อมกับยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับบอส!”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ มองดูเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าจากไปและหลังจากนั้นเย่เชียนก็เอนกายลงบนโซฟาแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟและสูบบุหรี่อย่างช้าๆ ซึ่งเดิมทีเย่เชียนนั้นไม่ได้อยากมีส่วนร่วมในสถานการณ์ที่วุ่นวายในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เย่เชียนจะต้องมีส่วนร่วมโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งในขณะนี้เขี้ยวหมาป่าก็กำลังพัฒนาเร็วเกินไปจึงทำให้คุณภาพของบุคลากรนั้นตามไม่ทันเพราะถ้าหากบุคลากรไม่พร้อมล่ะก็เขาก็จะไม่สามารถสร้างโลกใบใหญ่ขึ้นมาได้และในที่สุดมันก็จะพังทลายลง
อย่างไรก็ตามท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้มันมักจะไม่สามารถควบคุมได้เสมอไปและเย่เชียนเองก็ไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้เพราะเพียงแค่ถังเหวยซวนไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งเล็กน้อยๆ แต่กลับทำให้สถานการณ์ต่างๆ มันยุ่งยากเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ใช่คนที่กลัวสิ่งต่างๆ เพราะเนื่องจากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่กำลังท้าทายตัวเองอย่างเปิดเผยเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็จะไม่เพิกเฉยอยู่แล้วใช่ไหม? เนื่องจากแม่ม่ายดำจือเหวินต้องการหลอกใช้เขาเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็คงจะไม่เดินตามแผนของเธอง่ายๆ หรอกใช่ไหม?
ด้วยความหนาวเหน็บของแดนเหนือเย่เชียนจึงทิ้งก้นบุหรี่ไปแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างตัว
ตอนกลางยามราตรีของที่แห่งนี้นั้นก็น่าดูน่ากลัวเล็กน้อยเพราะมันไม่มีแสงจันทร์หรือแสงดาวบนท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อยซึ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านจนกิ่งไม้แกว่งไปมาราวกับปีศาจที่มีฟันและกรงเล็บอันแหลมคม
ในบ้านของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นถังเหวยซวนก็ได้ล็อคประตูเอาไว้อย่างแน่นหนาและหยิบผ้าที่ห่อเอาไว้ออกมาแล้วเปิดมันออกอย่างช้าๆ ซึ่งมันเป็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าของเย่เชียนที่ถังเหวยซวนขโมยมาจากหมินเว่ยเหวินนั่นเอง ซึ่งถังเหวยซวนก็รู้ดีว่าการเก็บสิ่งนี้เอาไว้ข้างกายของเขานั้นมันเป็นเรื่องที่อันตรายดังนั้นเขาควรหาที่ซ่อนมันให้โดยเร็วที่สุดเพราะถ้าหากวันหนึ่งพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่บังเอิญเห็นมันเข้าสิ่งต่างๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีอีกต่อไป
ถังเหวยซวนก็แทบจะไม่ต้องคิดเลยเพราะเขาคาดเดาได้ว่าถ้าหากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เห็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าล่ะก็เขาจะต้องยึดมันเอาไว้เป็นของตัวเองอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเลใดๆ และมันก็จะยากยิ่งที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ถ้าหากตัวเองไม่ยอมมอบมันให้กับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ ซึ่งถังเหวยซวนเองก็รู้ดีว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นเป็นคนที่หวังผลกำไรเท่านั้นแต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงต้องพึ่งพาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่อยู่ดี
คำโกหกที่ถูกสร้างขึ้นโดยถังเหวยซวนในวันนี้นั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าเลยมันจะสามารถหลอกพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่เขาก็เชื่อว่ามันคงจะไม่มีปัญหาในอีกสองหรือสามวันเป็นแน่เพราะตราบใดที่เขาไม่มีพิรุจใดๆ ในช่วงสองสามวันข้างหน้านั้นเขาก็จะสามารถหลบหนีไปยังต่างประเทศได้ทันทีและเมื่อถึงเวลานั้นต่อให้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะรู้ตัวว่าโดนหลอกถึงยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ในขณะนี้ถังเหวยซวนก็ลูบมัดคลื่นโลหิตหมาป่าเบาๆ และพึมพำว่า “คลื่นโลหิตเอ๋ยคลื่นโลหิต..ฉันเกือบจะต้องตายเพราะแกแล้ว..แกมันเป็นสิ่งที่อันตรายมาก!”
เป็นเรื่องน่าขันเล็กน้อยที่จะบอกว่าสิ่งของนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเพราะสิ่งที่ไม่ดีนั้นก็คือจิตใจของมนุษย์และความโลภของเขาเอง แต่เขากลับผลักไสทุกอย่างให้กับมีดเล่มนี้เลือดไหล อย่างไรก็ตามถังเหวยซวนก็สัมผัสมันอย่างไม่เต็มใจราวกับว่าเขากำลังมองหาสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้แต่เขากลับฆ่าคนไปสองคนเพราะสิ่งนี้และตอนนี้เขาก็กำลังถูกไล่ล่า อย่างไรก็ตามตอนนี้มีดคลื่นโลหิตหมาป่าก็ยังคงอยู่ในกำมือของเขาเอง
สายตาของถังเหวยซวนก็กวาดไปรอบๆ เพราะเขากำลังมองหาสถานที่ที่จะซ่อนมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเอาไว้ ซึ่งสถานที่ที่อันตรายที่สุดนั้นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในอนาคตก็ตามถึงยังไงถังเหวยซวนก็เชื่อว่าคงไม่มีใครที่คิดจะซ่อนของล้ำค่าเอาไว้ในบ้านของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เลยเพราะเมื่อเวลานั้นมาถึงตราบใดที่เขายังหาข้ออ้างได้ล่ะก็เขาก็สามารถมานำมันกลับคืนไปได้เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดถึงยังไงถังเหวยซวนก็รู้สึกว่าการซ่อนมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเอาไว้นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในขณะนี้ถังเหวยซวนก็ลากเก้าอี้มาและขึ้นไปยืนข้างบนเก้าอี้และค่อยๆ ยกฟ่าเพดานออกเพื่อที่จะซ่อนมีดคลื่นโลหิตหมาป่าและจู่ๆ ในขณะนี้ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงดังโครมครามจนถังเหวยซวนตกใจอย่างรุนแรงและพยายามที่โยนมีดคลื่นโลหิตหมาป่าออกไป แต่ทว่ามันก็สายเกินไปเพราะพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่พุ่งเข้ามาและคว้ามีดคลื่นโลหิตหมาป่าจากมือของถังเหวยซวนอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยที่ถังเหวยซวนยังไม่ได้แม้แต่จะตอบสนองใดๆ และหลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งถังเหวยซวนก็ยิ้มเจื่อนๆ และแสร้งทำเป็นสับสนแล้วพูดด้วยความงุนงงว่า “หัวหน้าหลวน! ..มีอะไรหรือ?”
ผู้คนต่างก็เรียกเขาว่าเสือยิ้มดังนั้นเขาจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร การที่เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้ในปัจจุบันนั้นเขาไม่ใช่แค่อาศัยพลังและอำนาจของตัวเองเพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะความฉลาดแกมโกงของเขาที่โด่งดังในวงการนี้อย่างมากอีกด้วย ซึ่งในระหว่างการสนทนากับถังเหวยซวนในช่วงตอนกลางวันของวันนี้นั้นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นสามารถมองออกได้ว่าถังเหวยซวนนั้นกำลังซ่อนอะไรบางอย่างกับเขาอยู่ แต่เขาก็แค่แสร้งทำเป็นไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยเพื่อที่จะได้รู้ความจริงในภายหลัง
ตามที่คาดการณ์เอาไว้เพราะหลังจากที่ถังเหวยซวนกินมื้อเย็นเสร็จแล้วเขาก็รีบร้อนเข้าไปในห้องของเขาอย่างร้อนรน ซึ่งพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็เฝ้ารอจังหวะนี้มานาน เพราะข้ออ้างเรื่องผู้หญิงของหวังหูที่ถังเหวยซวนฆ่าไปนั้นแน่นอนว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะไม่เชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่แล้วซึ่งเขาก็จะไม่เชื่อง่ายๆ อย่างแน่นอน ซึ่งการลงมือฆ่าผู้หญิงที่ตนชอบนั้นมันดูไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ?
พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ผมอยากถามคุณว่าคุณทำอะไรอยู่? ..คุณถอดฟ่าเพดานบ้านของผมออกทำไม?”
“อ๋อ..พอดีผมเห็นว่าฟ่าเพดานมันหลวมๆ นะ..ผมก็เลยเปิดมันออกเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ถังเหวยซวนพูด แต่ทว่าคำโกหกที่โง่เขลาเช่นนี้ยังไม่สามารถแม้แต่จะหลอกตัวเองได้แล้วนับประสาอะไรกับการหลอกลวงพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ผู้นี้
.
.
.
.
.
.
.