ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 428 เยี่ยมเยือนหยุนเหลา
ตอนที่ 428 เยี่ยมเยือนหยุนเหลา
ไม่ว่าหยุนเหลาและแม่ม่ายดำจือเหวินจะพูดอะไรและไม่ว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือไม่ว่าพวกเขาจะหลอกใช้ตัวเองเพื่อจัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จริงๆ หรือไม่นั้นเย่เชียนก็ต้องมารู้ความจริงให้ได้รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ ดังนั้นเย่เชียนก็ต้องมาเตือนพวกเขาว่าตัวเองนั้นไม่ใช่คนที่จพปล่อยให้คนอื่นมาเล่นตลกกับเขาได้เช่นนี้
สำหรับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นเย่เชียนก็ได้ตัดสินใจแล้วที่จะจัดการกับเขาแต่ถ้าหากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่มอบตัวถังเหวยซวนให้กับเย่เชียนล่ะก็เย่เชียนก็จะล้มเลิกแผนการต่างๆ ไปเพราะท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ไม่ได้ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินเลย
ครู่หนึ่งไม่นานนักเย่เชียนก็เห็นหยุนเหลาเดินออกจากบ้านด้วยตัวเอง และถึงแม้หยุนเหลาจะไม่รู้ถึงเจตนาของการมาเยือนในครั้งนี้ของเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงหยุนเหลาก็ไม่สามารถที่จะละเลยเด็กหนุ่มคนนี้ไปได้ เพราะถ้าหากเขาสามารถมีความสัมพันธ์กับเย่เชียนแม้เล็กๆ น้อยๆ ล่ะก็ถึงยังไงมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพัฒนาของสมาคมแม่ม่ายดำของจือเหวิน เพราะเย่เชียนคนนี้เป็นผู้ที่สามารถรวมแก๊งชิงและหงเหมินกรุ๊ปเข้าด้วยกันได้และทำให้เมืองเซี่ยงไฮ้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ดังนั้นหยุนเหลาจึงเชื่อว่าพลังของเย่เชียนนั้นไม่ธรรมดาและบางทีตราบใดที่เขาโบกมือเบาๆ ล่ะก็ สถานการณ์ในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นอีกฉากหนึ่งไปเลย
เป็นครั้งแรกที่หยุนเหลาได้เห็นเย่เชียนด้วยตาของเขาเองซึ่งชายหนุ่มคนนี้ดูแตกต่างไปจากที่เขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเพราะในจินตนาการของเขานั้นเขาคิดว่าเย่เชียนน่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าโหดร้ายอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเย่เชียนผู้นั้นจะเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มที่ดูสง่าผ่าเผยอย่างมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเย่เชียนแล้วล่ะก็ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเหมือนหนุ่มนักวิชาการมากเสียกว่า
นอกจากนี้ก็ต้องโทษแม่ม่ายดำจือเหวินที่ไม่ยอมบอกหยุนเหลาหลังจากที่เย่เชียนไปพบเธอในวันนั้น ซึ่งครั้งนั้นเธอก็มีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนเธอจึงขอให้หยุนเหลาช่วยตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ และบอกหยุนเหลาแค่ว่าเย่เชียนนั้นมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหวังหูแห่งเซี่ยงไฮ้แค่นั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากแล้วก็ตามแต่ถึงยังไงร่างกายของหยุนเหลาก็ยังแข็งแรงมากและถึงแม้ว่าผมของเขาจะเป็นผมหงอกแต่มันก็ยังดูดี ซึ่งเมื่อเห็นเย่เชียนแล้วหยุนเหลาก็หัวเราะเบาๆ และทักทายเย่เชียนอย่างรวดเร็วและยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “คุณเย่! ..ยินดีต้อนรับ..ยินดีต้อนรับ”
เมื่อเห็นท่าทีของหยุนเหลาแล้วเย่เชียนก็รู้ได้ทันทีว่าหยุนเหลานั้นรู้จักตัวตนของเขาแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงแอบสาปแช่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างลับๆ ในใจ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาและจับมือกับหยุนเหลาเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอรบกวนด้วย!” คำพูดนั้นสั้นมากและน้ำเสียงก็ดูเย็นยะเยือกมากซางเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นต้องการกดดันชายชราคนนี้ อย่างไรก็ตามท่าทีของเย่เชียนก็ไม่ได้รุนแรงอะไรเพราะเย่เชียนก็รู้ดีว่าชายชราคนนี้เป็นใครดั้งนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ ซึ่งเนื่องจากได้เย่เชียนตัดสินใจที่จะมาเขย่าภูเขาเพื่อปลุกเสือแล้วเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนมันอีกต่อไป
หยุนเหลาก็ถึงกับตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและคิดกับตัวเองว่า ‘ชายหนุ่มผู้มีอำนาจเหนือใครๆ’ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาไม่สามารถเข้าใจถึงจุดประสงค์การมาเยือนของเย่เชียนได้นั้นเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทเพราะไม่เช่นนั้นมันก็ไม่คุ้มถ้าเขาจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนและนอกจากนี้หลายปีที่ผ่านมาการที่เขาได้เห็นลมและฝนและผ่านร้อนผ่านหนาวมานานนั้นมันก็ทำให้จิตใจของเขาสงบลงและไม่มีความรุนแรงและความเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
“คุณเย่..เชิญเข้าไปข้างในก่อน!” หยุนเหลาพูดอย่างสุภาพ
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ครับคุณหยุน!” อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้ก็ถือได้ว่าเขาได้หลั่งเลือดและสละเลือดเนื้อเพื่อรับใช้ชาติจีนและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังต่อต้านญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเวลานั้นก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็รับใช้ชาติได้ดี จากจุดจุดนี้ที่เย่เชียนชื่นชมเขาจากก้นบึ้งของหัวใจและยิ่งไปกว่านั้นชายชราคนนี้ค่ำวอร์ดในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือมานานแล้วและเขาก็ถือได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่รุ่นแรกและเป็นคนที่น่านับถือและถึงแม้ว่าจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ก็ตามแต่ก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าแกการนับถืออยู่ดี
หลังจากนั่งลงในห้องนั่งเล่นแล้วหยุนเหลาก็บอกให้คนรับใช้ชงชาให้เย่เชียนและโจวหยวนซึ่งเย่เชียนก็กล่าวขอบคุณเขาอย่างแผ่วเบาและในโอกาสเช่นนี้โจวหยวนก็ไม่ได้พูดเพราะโดยธรรมชาติแล้วเขาก็ต้องอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟังและถึงแม้ว่าหยุนเหลาจะสุภาพมากในการบอกให้โจวหยวนนั่งลงก็ตามแต่ถึงยังไงถ้าไม่มีคำสั่งจากเย่เชียนแล้วล่ะก็โจวหยวนจะไปกล้านั่งได้ที่ไหนกัน?
เย่เชียนเองก็รู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้เขาจึงเปิดประเด็นตรงๆ โดยพูดว่า “คุณหยุน..ผมเชื่อว่าคุณรู้จุดประสงค์ของการมาเยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของผมใช่มั้ย? ”
“ใช่..ฉันได้ยินมาจากเสี่ยวเหวินว่าคุณเย่มาตามหาคนชื่อถังเหวยซวน” หยุนเหลาพูดต่อ “น่าเสียดายที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย” เสี่ยวเหวินที่หยุนเหลาพูดออกมานั้นคือแม่ม่ายดำจือเหวินนั่นเอง ซึ่งการที่เย่เชียนประสบปัญหาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปแห่งนี้นั้นแน่นอนว่าเย่เชียนก็ต้องมาหาเขาเพราะเขานั้นมีหน้ามีตาในสังคมอย่างมากในที่แห่งนี้
“อ๋อ..ผมเคยได้ยินมาว่าคุณหยุนเคยเป็นอันดับหนึ่งแห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้..และเพียงแค่คุณกระทืบเท้าเบาๆ เท่านั้นก็ทำให้ที่นี่สั่นสะเทือนได้แล้ว..เพราะงั้นคุณก็เลยไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หรอกใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ต้องการขอความช่วยเหลือจากหยุนเหลาเลย เพราะถ้าหากแม่ม่ายดำจือเหวินไร้พลังและพ่ายแพ้ล่ะก็พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็จะมาแทนที่หยุนเหลา ดังนั้นเย่เชียนก็แค่อยากจะเห็นว่าหยุนเหลาจะตอบคำถามของเขาอย่างไรเพื่อที่เขาจะได้บอกได้จากคำพูดของหบุนเหลาว่าพวกเขากำลังคิดว่าตัวเองมีบทบาทแบบไหนและมีสถานะแบบไหนและตัวตนเป็นเช่นไร? หรือว่านั่นเป็นเพียงเพราะพวกเขาจงใจที่จะหลอกใช้ตัวเองเพื่อต่อต้านและกวาดล้างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เช่นนั้น
“โอ้..คุณเย่..คุณไม่รู้อะไรเลย” หยุนเหลาถอนหายใจและหยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อของเขาและจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็กแล้วสูบไปสองสามครั้งแล้วพูดว่า “ถ้าก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีล่ะก็..คำพูดของชายชราคนนี้อาจจะมีน้ำหนักแต่ทว่าตอนนี้ฉันเกรงว่าคนเหล่านั้นจะหัวเราะเอาน่ะสิ..พูดตามตรงความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันทำมาในชีวิตก็คือการปลูกฝังหมาตาขาวอย่างหลวนเซียงและปล่อยให้เขามาแว้งกัดฉัน..และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ลูกชายของเขาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังของประเทศเกาหลีเหนืออีกด้วย..และเขาก็ไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตาเลย..ถ้าหากหยางเทียนกับเสี่ยวเหวินไม่คอยปกป้องดูแลฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ล่ะก็..ฉันคิดว่าพวกนั้นคงจะฆ่าฉันไปนานแล้ว..ฉันยังได้ยินเสี่ยวเหวินพูดถึงถังเหวยซวนด้วยว่าเขาคนนั้นถูกคุ้มกันโดยพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่..เพราะงั้นฉันก็เลยช่วยอะไรไม่ได้น่ะ”
เรื่องทั้งหมดนี้เย่เชียนเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะนี่ไม่ใช่ความลับ ซึ่งผู้คนในแดนตะวันออกเฉียงเหนือต่างก็รู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็แค่ต้องการเห็นความจริงใจของหยุนเหลาซึ่งจากคำตอบของหยุนเหลาแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไร้อำนาจและอิทธิพลไปแล้วก็ตามถึงยังไงเขาก็ยังยอมรับความจริงได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็มองไม่เห็นปัญหาต่างๆ ในสายตาของหยุนเหลาเลยเพราะเย่เชียนนั้นไม่ใช่เทพเจ้าที่จะสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่างกับสิ่งที่เรียกว่าหัวใจมนุษย์ ซึ่งมันยากมากที่จะมองเห็นความคิดภายในของคนคนหนึ่งได้อย่างชัดเจน “ผมไม่รู้ว่าคุณหยุนมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า..เพราะถังเหวยซวนมีความสำคัญกับผมมาก..ผมต้องหาเขาให้พบ!” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง
“พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่น่ะมีอำนาจเหนือกว่าฉันมาก..ฉันเกรงว่ามันคงจะยากที่เขาจะยอม” หยุนเหลาพูดต่อ “ฉันขอเสียมารยาทถามหน่อยก็แล้วกันนะ..ไม่ทราบว่าคุณเย่ต้องการตามหาถังเหวยซวนไปทำไมหรือ?”
“อ๋อ..มันก็ไม่ได้สำคัญมากหรอก..แค่ถังเหวยซวนขโมยของของผมไป..ผมแค่อยากให้เขาคืนมันมาให้ผมก็แค่นั้น” เย่เชียนพูดเบาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนเหลาก็สามารถเห็นได้โดยธรรมชาติว่าสิ่งๆ นั้นจะต้องสำคัญอย่างมากสำหรับเย่เชียนแน่นอน ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะไม่ไล่ล่าถังเหวยซวนมาจนถึงดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้เพื่อตามของคืนเป็นแน่ “คุณเย่..ถ้าคุณอยากที่จะได้ของของคุณคืนจริงๆ ฉันเกรงว่าคุณต้องรีบไปสักหน่อยนะ..เพราะเขาเป็นคนโหดร้ายและเลวร้ายอย่างมาก..เพราะถ้าหากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่รู้ว่าถังเหวยซวนซ่อนบางสิ่งบางอย่างจากเขาเอาไว้ล่ะก็..ถ้าคุณเย่ไม่รีบไปโดยเร็วฉันเกรงว่าคุณจะได้เห็นแค่ร่างอันไร้วิญญาณของถังเหวยซวนเท่านั้น” หยุนเหลาพูด
“คุณหยุนหมายความว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะฆ่าถังเหวยซวน?” เย่เชียนถามด้วยความเยือกเย็น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่แล้วถ้าหากเขารู้ว่ามีมีดคลื่นโลหิตหมาป่าอยู่กับถังเหวยซวนล่ะก็พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็จะทำเช่นนั้นจริงๆ
“ฉันแค่คาดเดาเท่านั้น..เพราะถึงยังไงคุณเย่ก็คงต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ด้วย..และถ้าหากมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ขอแค่คุณเย่พูดออกมา..ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีอะไรมากเหมือนเมื่อก่อนนักแต่ทว่าถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย” หยุนเหลาพูดอย่างจริงใจ
เขาต้องการใช้เย่เชียนเพื่อจัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องการช่วยเหลืออยู่ดี และด้วยความช่วยเหลือด้วยความจริงในนี้นั้นไม่เพียงแค่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เชียนเท่านั้นแต่จะทำให้สถานการณ์ของแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะบางทีเย่เชียนคนนี้อาจจะสามารถช่วยจือเหวินครอบครองดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนได้
“ครับ!” เย่เชียนตอบและค่อยๆ เอนหลังพิงโซฟา ซึ่งหยุนหลวนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “หืม..มีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า?” หยุนเหลาถามอย่างระมัดระวัง
“คือคุณหยุนหมายความว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะไม่ยอมมอบตัวถังเหวยซวนให้กับผมอย่างงั้นหรือ? ..ถ้าผมต้องการตัวของถังเหวยซวนผมก็ต้องต่อสู้กับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
“ใช่..แต่ถ้าหากคุณเย่มีวิธีที่ดีกว่านี้มันก็คงจะดีกว่านี้” หยุนเหลานั้นนึกไม่ออกว่าคำพูดของเย่เชียนนั้นมันหมายถึงอะไร
“คุณหยุน..คุณเป็นผู้อาวุโสและผมก็เคารพคุณมาก..ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า..แต่ผมรู้สึกได้ว่าคุณหยุนต้องการหลอกใช้ผมจัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
หยุนเหลานั้นก็ถึงกับสั่นไปทั้งตัวและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “คือ…นั่น…คุณเย่อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดสิ..ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ผมก็คาดหวังเอาไว้ให้มันไม่เป็นเช่นนั้น..นอกจากนี้โปรดไปบอกให้หัวหน้าจือล้มเลิกความคิดแบบนั้นซะ..ไม่เช่นนั้นอย่ามาโทษผมที่ผมเป็นคนโหดร้ายก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด “ผมรู้จักคุณหยุนดี..คุณมันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยน..ซึ่งเขาได้บอกกับคนอื่นเกี่ยวกับตัวตนของผมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม..เพราะงั้นผมจะขอให้เขาชำระหนี้ครั้งนี้ในภายหลัง!”
หยุนเหลาก็จ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและคิดกับตัวเองอย่างลับๆ ว่า ‘ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองคนนี้ยอดเยี่ยมกว่าหยางเทียนเสียอีก!”
.
.
.
.
.
.
.