ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 429 วีรบุรุษผู้สิ้นตำนาน
ตอนที่ 429 วีรบุรุษผู้สิ้นตำนาน
ชีวิตของหยางเทียนนั้นเป็นดั่งตำนานแต่กลับสามารถสรุปได้เพียงไม่กี่คำเกิดเพราะเขาเกิดมาในมณฑลอานฮุยในฝูเจี้ยนและเติบโตมาที่มณฑลกวางตุ้งทางตะวันออกเฉียงเหนือและเสียชีวิตลงในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
หยางเทียนนั้นเกิดในสถานที่ที่เรียกว่าซวนเฉิงในพื้นที่ภูเขาทางตอนใต้ของอานฮุยที่มีภูเขาล้อมรอบและมีแต่คนยากไร้ ซึ่งเขานั้นใช้ชีวิตแบบหันหน้าลงดินและหันหลังขึ้นฟ้าเยี่ยงชาวนาแต่เขาก็สามารถยืนหยัดอย่างเข้มแข็งได้
ตอนอายุสิบห้าปีหยางเทียนก็จบการศึกษาระดับมัธยมต้นและทำนาอยู่ที่บ้านโดยทำอาชีพเดียวกันกับบรรพบุรุษของเขาที่มีมาหลายชั่วอายุคนสำหรับการปลูกไร่ทำนาเล็กๆ สองสามเอเคอร์บนที่ดินของครอบครัวของเขาเองและทำงานหนักเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งในปีนั้นพ่อแม่ของเขาก็บอกเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานโดยอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวในชนบทและถึงแม้ว่าเธอจะไม่เซ็กซี่เท่าสาวในตัวเมืองก็ตามแต่เธอก็นิสัยดีและใจดีมาก
ตอนอายุสิบหกหยางเทียนพลั้งมือไปฆ่าคนและก่ออาชญากรรมจนถูกบังคับให้หนีออกจากชนบทในปีนั้นและแม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยความเจ็บป่วยและพ่อของเขาก็กำลังจะตายเพราะความแก่ชรา แต่ทว่าหญิงสาวผู้ใจดีคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จับมือหยางเทียนเอาไว้ในคืนก่อนออกเดินทางและพูดเสียงแข็งว่า “ไม่ว่านายจะเป็นใคร..ไม่ว่านายจะไปที่ไหน..ถึงยังไงฉันก็จะเป็นภรรยาของนายตลอดไป..นายสามารถจากไปได้โดยไม่ต้องกังวล..ทุกสิ่งทุกอย่างฉันจะคอยดูแลให้เอง” พูดตามตรงหยางเทียนก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยแต่ที่เขาตกลงที่จะแต่งงานกับเธอนั้นก็เพราะเขาไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวังแต่ในขณะนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันทีแต่เขาก็ยังคงพูดว่า “เธอไม่จำเป็นต้องรอฉัน..เธอไปหาคนดีๆ มาแต่งงานด้วยใหม่ก็ได้..ฉันเป็นหนี้เธอมาก..แต่ฉันคงต้องตอบแทนเธอในชาติหน้า” หญิงสาวก็ร้องไห้ซึ่งเสียงร้องไห้ของเธอนั้นดูเศร้ามากและถึงแม้ว่าหยางเทียนจะทนไม่ได้ก็ตามแต่เขาก็ฝืนใจหันหน้าหนีไปอย่างโศกเศร้าและเดินจากไปในที่สุด
เขาหนีไปที่เมืองฝูเจี้ยนซึ่งเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขาหาสถานที่ก่อสร้างเพื่อนอนในหลุมและสะพานและหาอาหารในถังขยะที่ประตูด้านหลังของโรงแรมต่างๆ อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเขาจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้หากยังเป็นเช่นนี้เพราะเขาจะถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าตลอดไป แต่ทว่าเขาก็คิดแค่ว่าจะยอมเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้เขาจึงยอมทำงานสกปรกต่างๆ และสามารถและมุ่งสู่โลกแห่งวงการใต้ดินได้อย่างสง่าผ่าเผยเพราะด้วยความดุร้ายของเขาเองนั้นเขาก็ค่อยๆ เติบโตจากคนตัวเล็กๆ กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด
เมื่อหยางเทียนอายุยี่สิบปีเขาได้ไปที่มณฑลกวางตุ้งและในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาก็เริ่มทำงานและสร้างรายได้ซึ่งงานที่เขาทำนั้นไม่ได้ขาวสะอาดเลยและเขาก็แทบจะไม่ได้นอนหลับอย่างสงบเพราะเขามีจิตใจที่โหดร้ายและไม่เคยปรานีมนุษย์ร่วมโลกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหยางเทียนอายุยี่สิบห้าปีเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่กรุงปักกิ่งและเริ่มติดตามผู้มีอิทธิพลไปเยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อหยางเทียนอายุสามสิบเอ็ดปีเขาก็ได้พบกับจือเหวินเป็นครั้งแรกและความทรงจำที่ถูกลืมก็กลับเข้ามาในจิตใจของเขา และทำให้นึกถึงผู้หญิงที่ใจดีคนนั้นที่เขาเป็นหนี้เธอมาตลอดชีวิตและทำลายเธอ ดังนั้นเขาจึงถ่ายโอนคำขอโทษและความผิดทั้งหมดของเขาไปให้จือเหวินโดยปริยาย
เมื่อหยางเทียนอายุสามสิบสามปีอาชีพในวงการใต้ดินของเขานั้นก็ยิ่งใหญ่แต่เขากลับเสียชีวิตลงที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือในที่สุด! ซึ่งความรุ่งโรจน์ของเขาทั้งชีวิตทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่ในเถ้าธุลี ซึ่งชีวิตของเขานั้นก็คุ้มค่าแล้วและความเสียใจเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือการที่ไม่มีโอกาสที่จะพูดว่า ‘ฉันขอโทษ’ กับผู้หญิงคนนั้นด้วยตนเองและชดใช้หนี้ให้เธอในชีวิตต่อไป
ถ้าเขาไม่ได้เสียชีวิตลงในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือเช่นนี้ล่ะก็ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร? เพราะถ้าเขาไม่ตายทำไมจือเหวินถึงต้องเป็นแบบนี้? ถ้าเขาไม่ตายแผ่นดินของเขาก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามความปรารถนานั้นก็ยังไม่ได้รับการชำระและชะตากรรมของหยางเทียนก็ได้เดินทางกลับไปสู่ทางทิศตะวันตกพร้อมกับความร่ำไห้และเศร้าโศกเสียใจ
หลังจากการตายของเขาขี้เถ้าของเขาก็ไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิดของเขาเพราะมันถูกฝังอยู่ในสุสานที่เงียบเหงาและยังคงตั้งตระหง่านอยู่จนทุกวันนี้โดยหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ตก
หลังจากความตายไปนั้นบางคงก็ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังคงเป็นกังวลอยู่ อย่างไรก็ตามสำหรับแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วหยางเทียนก็ยังคงอยู่ในใจของเธอเสมอ อย่างไรก็ตามสำหรับแม่ม่ายดำจือเหวินในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้นั้นเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากมากมายแต่เธอก็ไม่เคยท้อไม่เช่นนั้นเธอจะสามารถอยู่รอดในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือได้ที่ไหน? แล้วเธอจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับชายที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งตะวันออกเฉียงเหนือได้ที่ไหน?
การที่เธอได้ฉายาว่าแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นเป็นเพราะเธอที่อยู่กับหยางเทียนได้เพียงสองปีและหลังจากนั้นมาวีรบุรุษคนนี้ก็ได้เสียชีวิตลงในบ้านของเขาซึ่งทุกคนก็เชื่อว่าหยางเทียนนั้นถูกฆ่าโดยจือเหวิน ซึ่งหลังจากนั้นมาผู้หญิงคนนี้ก็มีชีวิตที่ยากลำบากมาโดยตลอดและแน่นอนว่าจือเหวินนั้นรู้ดีกว่าใครแต่เธอก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คนอื่นเรียกเธอแบบนั้นเพราะความรู้สึกของเธอที่มีต่อหยางเทียนและความรู้สึกของหยางเทียนที่มีต่อเธอนั้นมันไม่จำเป็นจะต้องบอกกับคนนอกและไม่ว่าเธอจะเป็นแม่ม่ายดำหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ
ซึ่งหยุนเหลานั้นได้ปลูกฝังและสั่งสอนคนสองคนมาตลอดทั้งชีวิตซึ่งนั่นก็คือหลวนเซียงและหยางเทียนที่กลายเป็นยักษ์ใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าชะตากรรมของทั้งสองคนจะเหมือนกันซึ่งคนหนึ่งป่วยและเสียชีวิตไปส่วนอีกคนหนึ่งก็ถูกฆ่าตาย ซึ่งถ้าหากการตายของหลวนเซียงนั้นเป็นดั่งโชคชะตาเล่นตลกกับตัวเองล่ะก็การตายของหยางเทียนก็คงจะเป็นเวรกรรมและเป็นเป็นความอิจฉาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โลกที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้
ในตัวของเย่เชียนนั้นหยุนเหลาก็มองเห็นถึงความสามารถที่หยางเทียนมีอยู่ในตัวของเขาซึ่งมันเป็นความมั่นใจในตนเองที่มีต่อโลกและความกล้าหาญที่กล้าเผชิญหน้ากับวีรบุรุษจากทั้งโลก
“คุณ…คุณเย่…ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม? ” หยุนหลวนพูดพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นในรอบหลายสิบปีใช่ไหม? ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาดูอึดอัดเล็กน้อยเพราะเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะร้องขอความเมตตาเมื่อถูกศัตรูต่อปืนมาที่หัวใจของเขาเลย
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า “คุณหยุนพูดมาได้เลย!”
“คุณช่วยจือเหวินหน่อยได้มั้ย?” หยุนเหลาพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก ซึ่งเป็นเพราะเขาแก่แล้วและไม่มีความทะเยอทะยานอีกต่อไปและไม่มีความกล้าหาญอีกต่อไปรวมไปถึงความหยิ่งผยอง เพราะในสมัยก่อนนั้นเขาสามารถฝึกฝนหลวนเซียงและหยางเทียนได้ แต่ในตอนนี้เขานั้นไม่มีความสามารถในการฝึกฝนจือเหวินอีกต่อไปเพราะหลายปีที่ผ่านมาหากจือเหวินไม่ได้ดูแลและปกป้องเขาล่ะก็เขาก็คงจะถูกพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่คงทำให้เขาไปจมอยู่ที่ใต้แม่น้ำเสียแล้ว
“ฉันต้องทนเห็นเธอทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา..ฉันน่ะรู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องดูแลจัดการองค์กรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้..บางครั้งฉันเองก็คิดจริงๆ ว่าอยากจะให้เธอเป็นอิสระแต่เธอก็ยืนกรานเพราะความดื้อรั้น..เพราะว่ากันว่าที่นี่คือดินแดนที่หยางเทียนสร้างเอาไว้ให้เธอ..ดังนั้นเธอต้องยึดดินแดนนี้และนำขี้เถ้าของหยางเทียนกลับคืนมาให้ได้..เสียดายที่ฉันน่ะแก่แล้ว..ฉันไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว” หยุนเหลาพูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ซึ่งการแสดงออกบนใบหน้าของเขานั้นให้ความรู้สึกเหมือนวีรบุรุษที่ไม่มีที่ไป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกลมและฝนมาถาโถมดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือได้และสั่นสะท้านไปทั่วหล้าแต่ทว่าตอนนี้เขาก็อายุมากแล้วดังนั้นเขาก็เหมือนกับวีรบุรุษสิ้นตำนานนั่นเอง
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างช้าๆ ว่า “ผมขอโทษ..ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ของที่นี่”
หยุนเหลาก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและหลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ และพูดว่า “โทษที..ฉันเป็นคนแก่ที่ไม่รู้จักคิดจริงๆ!”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้างั้นผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว..ผมขอตัวก่อนครับ!” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินออกไป แต่เมื่อเขามาถึงที่ประตูร่างของเย่เชียนก็หยุดชะงักเล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปอีกครั้ง
ความเมตตาก็คือความเมตตาส่วนความแค้นก็คือความแค้นเพราะพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ได้ท้าทายเย่เชียนอย่างชัดเจนเช่นนี้ดังนั้นเย่เชียนก็มีเหตุผลมากพอที่จะปลิดชีพเขา อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ไปแล้วก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่สำหรับจือเหวินเลยเพราะบางครั้งการแสดงออกของผู้ชายก็แปลกและวิธีการของเย่เชียนก็มักจะดูสับสนอย่างมาก ซึ่งถ้าหากพี่น้องเขี้ยวหมาป่ายืนอยู่ตรงหน้าของเย่เชียนและได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเย่เชียนล่ะก็พวกเขาจะสามารถรู้และเข้าใจทางเลือกของเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบ
เย่เชียนนั้นชื่นชมหยางเทียนเพราะเขาเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนคนตายด้านตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเย่เชียนก็เสียดายที่ไม่ได้เห็นหยางเทียนด้วยตาของตัวเองสักครั้งเพราะบางทีเย่เชียนอาจจะเป็นเพื่อนหรือพี่น้องที่ดีกับเขาก็เป็นได้
เมื่อมองดูรถของเย่เชียนจากไปหยุนเหลาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขของจือเหวิน ซึ่งเขาก็เขาถอนหายใจและพูดว่า “เย่เชียนมาที่นี่..เมื่อครู่นี้”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและถามอย่างร้อนรนว่า “ผู้อาวุโสหยุน..คุณเป็นอะไรมั้ย?”
“ฉันไม่เป็นไร..แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเขารู้แล้วว่าเราต้องการหลอกใช้เขา..และคราวนี้เขาก็มาเตือนฉันและเตือนเธอด้วย!” หยุนเหลาพูด
“หืม..เขาหยิ่งเกินไป!” แม่ม่ายดำจือเหวินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ นี่คือคำมั่นสัญญากับหยางเทียนเพราะหยางเทียนเคยบอกกับเธอเอาไว้ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาล่ะก็เธอจะต้องคอยดูแลหยุนเหลาให้ดีในอนาคตและนี่ก็คือคำมั่นสัญญาของเธอกับหยางเทียนและถึงแม้ว่าปลาจะตายหรือตาข่ายจะขาดถถึงยังไงเธอก็จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายหยุนเหลาเพื่อที่เขาจะได้มีความสุขไปกับวัยชราที่เหลืออยู่ของเขา
“โอ้..เธออย่าไปคิดมากเลย..ถึงเขาจะเย่อหยิ่งแต่ถึงยังไงเขาก็คล้ายกับหยางเทียนมาก!” หยุนเหลาพูดด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับมีความเหงาที่ชัดเจนที่เผยออกมา “อย่ากังวลไปเลย..เขาเห็นแก่หน้าของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะงั้นเขาจะไม่แตะต้องฉัน..แต่ฉันขอเขาไปแล้วว่าให้เขาช่วยเธอ” หยุนเหลาพูด
“ผู้อาวุโสหยุน..ทำไมคุณถึงบอกเขาเรื่องนี้ล่ะ..ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายสิ่งที่หยางเทียนสร้างเอาไว้อย่างแน่นอน” จือเหวินพูดอย่างหนักแน่น
“เสี่ยวเหวินฉันรู้ว่าเธอน่ะทนทุกข์ทรมานมานานหลายปีแล้ว..เย่เชียนน่ะ..เป็นผู้ชายที่เธอควรจะพิจารณาในการแต่งงานกับเขา..มันอาจเป็นทางเลือกที่ดีเลยนะ” หยุนเหลาพูด
“ผู้อาวุโสหยุน! ..คุณพูดอะไรของคุณ..ทำไมฉันต้องไปแต่งงานกับเขาด้วยล่ะ?” จือเหวินพูด “ผู้อาวุโสหยุนคะ..อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกในอนาคต..ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะรักษาสิ่งที่หยางเทียนสร้างเอาไว้ให้ได้! ..ฉันจะนำขี้เถ้าของหยางเทียนกลับไปที่บ้านเกิดของเขาด้วยมือของฉันเองและพาเขาไปที่หลุมศพด้วยตัวเองและขอโทษเขาด้วยตัวของฉันเอง!”
หยุนเหลาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขารู้ดีถึงอารมณ์ของจือเหวินเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ “ไม่ต้องกังวลไป..ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธคำขอของฉัน..แต่จากมุมมองของฉันน่ะดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่..เอาล่ะถ้าเธอมีโอกาสก็ชวนเขาออกไปกินอาหารและพูดคุยด้วยกันบ้าง..เอาเถอะฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบหยุนเหลาก็วางสายไปและหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟแล้วสูบมันเข้าไปแล้วปล่อยออกมา
“ชีวิตจะเดินต่อไม่ได้ถ้ายังไม่ลืมความหลัง!” หยุนหลวนพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ
ในอีกด้านหนึ่งแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นก็กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอทำงานหนักและเหนื่อยล้าอย่างมากและเธอก็หวังเสมอว่าสักวันจะมีไหล่ให้พึ่งพาได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งและเธอก็มีจุดอ่อนของตัวเอง เพียงแต่การที่เธอต้องรักษาสิ่งต่างๆ ที่หยางเทียนสร้างเอาไว้เธอจึงต้องเข้มแข็งอยู่เสมอ.
.
.
.
.
.
.