ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 436 การผนึกกำลังครั้งแรก
ตอนที่ 436 การผนึกกำลังครั้งแรก
“เซอร์เก้วิชพุชกิน…” เย่เชียนพึมพำและจู่ๆ ภาพของชาวต่างชาติที่เขาเห็นในบ้านของแม่ม่ายดำจือเหวินในวันนั้นก็ปรากฏขึ้นในใจเขาและแอบคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นใช่เหรือไม่? หลังจากที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินได้พบกันวันนั้นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็เริ่มโจมตีแม่ม่ายดำจือเหวินทันที แต่ทว่าอะไรที่เป็นจุดประสงค์ที่ทำให้เขาทำเช่นนี้? หรือบางทีแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นได้ปฏิเสธบางอย่างกับชาวต่างชาติไป ดังนั้นเธอจึงยั่วยุให้พวกเขาต้องกำจัดแม่ม่ายดำจือเหวินทิ้งโดยการสนับสนุนให้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ทำอะไรบางอย่าง
ในความเป็นจริงนั้นพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นมีแผนที่จะครอบครองดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีเซอร์เก้วิชพุชกินที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมาเฟียจากประเทศรัสเซียและกองกำลังจากประเทศเกาหลีเหนือที่ให้การสนับสนุนของเขา จึงทำให้เขามั่นใจอย่างมากและตัดสินใจสิ่งต่างๆ อย่างหยิ่งผยอง
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะไม่สบอารมณ์เพราะความโง่เขลาของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินนั้น ซึ่งไม่ว่าใครจะถูกหรือผิดถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องของชาวจีนเอง ซึ่งถ้าคนนอกเข้ามารุกรานล่ะก็ทุกคนก็ต้องร่วมมือกันขับไล่หรือถ้าไม่สามารถขับไล่ไปได้ล่ะก็จงทิ้งวิญญาณตัวเองเอาไว้ที่แผ่นดินจีนแห่งนี้
จนถึงตอนนี้เย่เชียนก็ไม่ได้สนใจความขัดแย้งระหว่างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินเลยว่าใครถูกและใครผิดเพราะเขาไม่ต้องการเข้าไปแทรงแซงเรื่องเหล่านี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเย่เชียนก็ถามว่า “ผมต้องการให้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย..พี่หลินช่วยผมหน่อยจะได้มั้ย?” สำหรับกองกำลังอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวลใดๆ เพราะเมื่อต้นไม้ใหญ่ล้มลงแล้วมันจะกระจัดกระจายกันไปและแม่ม่ายดำจือเหวินก็จะไม่นั่งโง่ๆ อยู่เฉยๆ อย่างแน่นอนเพราะเธอจะต้องเริ่มการโจมตีครั้งใหญ่อย่างแน่นอนเมื่อข่าวการตายของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ออกมา ซึ่งผู้หญิงคนนี้นั้นมีความกล้าหาญไม่แพ้ผู้ชายแต่ดูเหมือนว่าเธอจะอดทนมากกว่าผู้ชายภายใต้การยั่วยุของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เช่นนั้นแต่เธอก็ยังคงสามารถต้านทานสิ่งต่างๆ ได้และเธอก็กำลังรอเพื่อที่จะโจมตีครั้งใหญ่
ชายผู้ทะเยอทะยานที่เสียชีวิตในต่างแดนด้วยความชื่นชมเขานั้นเย่เชียนก็ยังหวังว่าเถ้าธุลีของหยางเทียนจะได้กลับไปยังบ้านเกิดของหยางเทียนเอง อย่างไรก็ตามนี่ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาและถึงแม้ว่าเขาจะเต็มใจทำก็ตามแต่เกรงว่าผู้หญิงที่ดื้อรั้นอย่างจือเหวินนั้นคงไม่ยอมเพราะนี่เป็นความรับผิดชอบของแม่ม่ายดำจือเหวิน ซึ่งความมุ่งมั่นและความปรารถนาของเธอและความพากเพียรของเธอนั้นเย่เชียนก็สามารถช่วยเธอได้ซึ่งนั่นก็คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เธอก่อน ส่วนราชาแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนั้นให้แม่ม่ายดำจือเหวินแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
จนถึงตอนนี้คนที่เย่เชียนชื่นชมก็มีเพียงสองคนเท่านั้นซึ่งคนหนึ่งคือเฉินฟู่เฉิงที่ฝากความหวังและความรับผิดชอบไว้ให้กับเขาและอีกคนคือหยางเทียนที่เย่เชียนไม่เคยพบเจอ ซึ่งสองคนนี้เป็นผู้ชายที่ปีนขึ้นมาจากด้านล่างสุดทีละขั้นอย่างยากลำบากและทนทุกข์ทรมานจากสายตาที่เย็นชาและไม่แยแสของผู้คนมาเสมอ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยความแน่วแน่ในใจและในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ และพวกเขาก็เหมือนกันตรงที่ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งมาทั้งชีวิตและทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรอคอยพวกเขามานานแสนนาน
ผู้ชายนั้นสามารถเป็นคนโหดเหี้ยมได้อย่างเด็ดขาดและสามารถเพิกเฉยต่อผู้หญิงทุกคนได้ แต่อย่าทำให้แม่ที่ให้กำเนิดเราและผู้หญิงที่รักเราต้องเสียใจอย่างเด็ดขาด
เฉินฟู่เฉิงเป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอดชีวิตและหยางเทียนก็เป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอดชีวิตเช่นกัน แล้วเย่เชียนล่ะ? เป็นอย่างไรบ้าง? เย่เชียนนั้นก็รู้สึกเศร้าโศกอยู่ในใจเพราะเขาถูกกำหนดให้เป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งที่จะไม่มีวันชำระล้างได้ตลอดช่วงชีวิตของเขาใช่หรือไม่?
เมื่อเห็นความเย็นยะเยือกพร้อมกับความขุ่นเคืองใจที่ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเย่เชียนแล้วในทันใดนั้นหลินเฟิงก็ถึงผงะไป อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่หมาป่าผีไป๋ฮวยและเขาก็ไม่ได้รู้จักเย่เชียนมานานและเขาก็ไม่ได้รู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามบางครั้งกาลเวลานั้นก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดมิตรภาพระหว่างคนสองคน เพราะเขาไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจของเย่เชียนแต่เขาแค่ต้องรู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่น่านับถือและเป็นเพื่อนที่คู่ควรแก่การเป็นมิตรแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
หลินเฟิงก็ยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือของเขาและพูดว่า “นี่มันก็สี่ทุ่มแล้ว..ยังมีเวลาเหลืออีกแปดชั่วโมงก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น..งั้นเรามาดื่มต่อกันเถอะ!”
เย่เชียนก็ยิ้มและมองไปที่หลินเฟิงแล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและพูดว่า “ชน!”
“ชน!”
เมื่อไวน์เข้าปากก็มีความฉุนไหลลงคอจากนั้นก็ความร้อนที่แผดเผาเข้ามาในจิตใจของพวกเขาอย่างรวดเร็วและร่างกายทั้งหมดก็ดูเหมือนจะยืดออกและผ่อนคลายในทันที นี่น่าจะเป็นเสน่ห์ของไวน์ใช่ไหม? ทำไมผู้ชายถึงชอบดื่มไวน์มาก?
ไวน์คืออะไร? ไวน์คือแอลกอฮอล์และไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าของเหลวที่ผสมแอลกอฮอล์และน้ำและผลไม้ต่างๆ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งหากดื่มของเหลวนี้ในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้คนเราอาเจียนและคายอาหารในกระเพาะอาหารออกมาได้ ซึ่งสาเหตุที่ผู้ชายชอบดื่มก็เหมือนกับการที่ผู้หญิงชอบซื้อเครื่องสำอางและความแตกต่างก็คือผู้ชายจะหมกมุ่นอยู่กับไวน์แต่ผู้หญิงนั้นหมกมุ่นอยู่กับการซื้อของใหม่ๆ และไม่ชอบของเก่าๆ ของพวกเธอ
ภายในแผงขายอาหารเล็กๆ แห่งนี้เย่เชียนที่เป็นดั่งเทพแห่งสงครามที่เปรียบดั่งกองทัพและหลินเฟิงนักฆ่าผู้ลงทัณฑ์ทั้งเจ็ดที่ได้ร่วมมือกันครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาและไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงหรือผลกำไรแต่เป็นเพียงการชื่นชมกันและกัน ซึ่งอีกไม่กี่ปีต่อมาเจ้าของแผงขายอาหารแห่งนี้จะต้องรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับบุคคลที่ยิ่งใหญ่สองคนนี้ในวันนี้
เซอร์เก้วิชพุชกินนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักในประเทศจีนแต่สำหรับในประเทศรัสเซียแล้วเขาเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างมากและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงสุนัขที่วิ่งเล่นไปมาก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็เป็นสุนัขที่มีความสามารถมากเพราะมีเบื้องหลังเป็นคนที่น่ากลัวและแม้แต่ประธานาธิบดีของประเทศรัสเซียยังต้องหวั่นเกรง
ครั้งนี้เขามาเยือนประเทศจีนด้วยตัวเองเพราะเขามีภารกิจที่สำคัญมากและตราบใดที่มันเสร็จสิ้นล่ะก็สถานะของเขาต่อหน้าหัวหน้าของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นและหัวหน้าก็จะชื่นชมเขาและให้ความไว้วางใจและความรับผิดชอบแก่เขามากขึ้น ซึ่งบางคนอาจคิดว่ามันจะแย่ไปกว่านั้นถ้าพวกเขามีงานที่สำคัญเพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายได้อีกต่อไป แต่สำหรับเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานดังนั้นนี่ก็คือโอกาสที่จะผลักดันให้เขาก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
เขาจัดทำแผนการนี้เป็นเวลาสองปีและทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งการที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ด้วยความสัมพันธ์นี้สิ่งต่างๆ มันจะสะดวกมากสำหรับเขาที่จะย้ายกองกำลังเข้าไปอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อยเพราะเขานั้นไม่ได้ฆ่าผู้หญิงมาสองปีแล้วและครั้งนี้เขาต้องจัดการกับผู้หญิงที่มีชื่อว่าแม่ม่ายดำจือเหวินและยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องออกไปด้วยตัวเองถ้าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามแผนเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นดูเหมือนจะฉลาดและทะเยอทะยานมากกว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เพราะไม่ว่าเซอร์เก้วิชพุชกินจะมีข้อเสนอดีแค่ไหนแต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเขา และหญิงสาวคนนั้นก็ยังยืนกรานบอกเขาว่าเธอกล้าทำทุกอย่างแต่เธอไม่กล้าที่จะเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าประโยคนี้นั้นเคยถูกพูดโดยหยางเทียนดังนั้นเธอจึงยังคงยึดมั่นและแน่วแน่ ซึ่งหัวหน้าใหญ่ของเขานั้นดูเหมือนจะเป็นคนใจร้อนอย่างมากดังนั้นเซอร์เก้วิชพุชกินจึงไม่สามารถทำให้เกิดความล่าช้าเช่นนี้ได้และต้องสนับสนุนให้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ลงมือทำอะไรบางอย่างกับแม่ม่ายดำจือเหวินทันที
แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่กลับไปยั่วยุชายที่มีนามว่าเย่เชียนซึ่งทำให้เซอร์เก้วิชพุชกินไม่สบอารมณ์อย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องช่วยพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไปดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นเท่านั้น
หลังจากได้รับสายโทรศัพท์จากพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่แล้วเซอร์เก้วิชพุชกินก็รีบระดมคนไปที่บ้านของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ทันที ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เขาว่าจ้างมาในราคาที่สูงโดยแต่ละคนเป็นนักฆ่ามือฉมังของเขาและพวกเขาก็ล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกรบในสงครามต่างๆ เป็นประจำ และเขาก็รู้ด้วยว่าเมื่อคนเหล่านี้ปรากฏตัวในประเทศจีนเมื่อไหร่มันก็จะเป็นอันตรายอย่างมากและจะดึงดูดความสนใจของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนและเป็นไปได้ด้วยว่าแผนทั้งหมดของเขาจะต้องประสบปัญหาไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดล่ะก็ใครจะไปรู้ได้ว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะไปก่อปัญหาแบบไหนอีก
เพียงแต่เซอร์เก้วิชพุชกินนั้นไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าคนที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ไปทำให้ขุ่นเคืองในครั้งนี้นั้นกลับกลายเป็นเย่เชียนผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านามว่าราชาหมาป่าเย่เชียน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะรู้เช่นนั้นแต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลและความทะเยอทะยานที่แข็งแกร่งของเขานั้นก็ทำให้เขายังคงทำเช่นนั้นต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็ได้ทำความเดือดร้อนให้กับกลุ่มทหารรับจ้างที่เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ในครั้งนี้ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังทำให้ใครขุ่นเคืองอยู่
อย่างไรก็ตามในฐานะทหารรับจ้างแล้วพวกเขาก็มีความกระหายเลือดของทหารรับจ้างและถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักตัวตนของเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงแล้วในเมื่อพวกเขายอมรับงานนี้แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้า เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นเป็นสมาชิกขององค์กรหทารรับจ้างจิ้งจอกหิมะซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นๆ ในโลกของทหารรับจ้าง
เนื่องจากเสือดาวหิมะถูกโค่นล้มโดยเขี้ยวหมาป่านั้นจึงทำให้องค์กรทหารรับจ้างทั่วโลกได้รับการจัดอันดับใหม่โดยมีองค์กรทหารรับจ้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแปดแห่งได้แก่ องค์ทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่แห่งแอฟริกาใต้, องค์กรทหารรับจ้างอินทรีขาวแห่งสหรัฐอเมริกา, องค์กรทหารรับจ้างแบล็ควอเตอร์ แห่งฝรั่งเศส, องค์กรทหารรับจ้างคิเมร่าแห่งอิตาลี, ผู้นำองค์กรทหารรับจ้างเรดซันแห่งญี่ปุ่น, องค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะแห่งรัสเซียและองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั่นเอง ซึ่งจิ้งจอกหิมะนั้นอยู่ในอันดับที่ 4 ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่ธรรมดาเลยและเป็นชายเลือดเหล็กทั้งหมด
โลกของนักฆ่าก็มีกฎของโลกแห่งนักฆ่าและโลกของทหารรับจ้างก็มีกฎแห่งโลกของทหารรับจ้างเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการจัดอันดับที่ต่ำกว่าเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอ่อนแอและด้อยกว่าเขี้ยวหมาป่าเช่นนั้น ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ต้องการแข่งขันกับเขี้ยวหมาป่าเช่นนั้น เพราะพวกเขาล้วนเป็นชายชาติทหารที่เคยต่อสู้และหลั่งเลือดหลั่งเนื้อและไม่มีใครด้อยกว่าและอ่อนแอกว่าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าการเดินทางไปเยือนดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้เขาจะเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหามากมาย
.
.
.
.
.
.