ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 441 สะเทือนใจ
ตอนที่ 441 สะเทือนใจ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้สนใจอะไรที่จะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าครั้งนี้เรื่องต่างๆ มันก็มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับมีดคลื่นโลหิตหมาป่าและไปเกี่ยวพันกับหลายสิ่งหลายอย่างตั้งแต่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่และองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะจนไปถึงเซอร์เก้วิชพุชกินที่มีอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟผู้ทรงอำนาจอยู่เบื้องหลังของเขา
เย่เชียนนั้นอาจจะไม่รู้จักเซอร์เก้วิชพุชกินแต่เย่เชียนนั้นรู้จักอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟว่าเขาเป็นผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศรัสเซียและมักจะปรากฏในหัวข้อข่าวของสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ ซึ่งเขาเป็นบุคคลที่สามารถสั่นคลอนประเทศทั้งประเทศได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาเฟียในประเทศรัสเซียอีกด้วยซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร
มาเฟียในประเทศรัสเซียนั้นไม่เหมือนกับเหล่ามาเฟียของประเทศจีนที่แตกตื่นและวิ่งหนีเมื่อพวกเขาเห็นตำรวจและถึงแม้ว่าที่ประเทศจีนจะมีองค์กรมาเฟียที่ทรงอำนาจก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาเหล่านั้นก็ครอบครองปืนกันน้อยมาก ซึ่งไม่เหมือนกับมาเฟียในประเทศรัสเซียที่สามารถที่ถือปืนกลและยิงกราดบนท้องถนนได้ทุกเมื่อซึ่งความบ้าคลั่งนี้นั้นหาที่เปรียบมิได้อย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดแล้วเขี้ยวหมาป่านั้นก็ไม่ได้มีอำนาจใดๆ ในประเทศรัสเซียเลยและถ้าหากเขี้ยวหมาป่ารุกล้ำเข้าไปในประเทศรัสเซียนั้นก็มีแนวโน้มอย่างมากที่จะทำให้เกิดการปราบปรามโดยรัฐบาลของประเทศรัสเซียและมาเฟียของประเทศรัสเซีย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่องค์กรทหารรับจ้างหรือนักฆ่าโดยเฉพาะก็ตามถึงยังไงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ยังคงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าเขาจะยากลำบากเพียงใดถึงยังไงเย่เชียนก็จะไม่มีวันยอมแพ้ ซึ่งมันไม่ใช่เพราะว่ามีดคลื่นโลหิตหมาป่านั้นเป็นของโบราณหรือมีมูลค่าเงินเท่าไหร่แต่มันเป็นเพราะความเป็นพี่น้องที่มีอยู่ในมีดคลื่นโลหิตหมาป่าที่อู๋หวนเฟิงต้องแลกมันมาด้วยแขนข้างหนึ่งของเขา ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่มีวันปล่อยให้มีดคลื่นโลหิตหมาป่าตกอยู่ในมือของคนอื่น
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็เดินไปข้างหน้าไมคาอินอฟอย่างช้าๆ และเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษด้วยนะ..ถึงแม้ว่าคุณจะพูดยังไงก็ตาม..แต่ถึงยังไงผมก็ไว้ชีวิตของคุณไม่ได้อยู่ดี”
ไมคาอินอฟก็ยิ้มอย่างน่าสังเวชและพูดว่า “ผมรู้ว่านี่คือตอนจบของผมและผมก็ไม่เคยคิดว่าคุณจะปล่อยผมไป..เพราะถ้าคุณปล่อยผมไปในคืนนี้ล่ะก็..ผมก็จะดูถูกคุณว่าคุณนั้นไม่ใช่ทหารรับจ้างที่มีศักดิ์ศรี..และไม่สมควรกับการเป็นราชาที่สั่นสะท้านโลกได้หรอกใช่ไหม”
“ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายกับคุณว่าผมจะนำขี้เถ้าของคุณกลับไปที่ประเทศรัสเซียด้วย!” เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูด ซึ่งหลังจากพูดจบเย่เชียนก็ยื่นมือออกไปทางหลินเฟิงจนหลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็หยิบมีดออกมาจากเสื้อของเขาและส่งใส่ในมือของเย่เชียน เมื่อเห็นเช่นนั้นไมคาอินอฟก็เงยคอขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขารู้ตัวดีว่าเขากำลังจะถูกเชือดคอ
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และใช้มีดปาดไปที่คอของไมคาอินอฟทันทีและมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาทันทีและไมคาอินอฟก็จับคอของเขาด้วยสีหน้าที่มืดมนและเขาก็ค่อยๆ ล้มลงไปจมกองเลือดทันที
เย่เชียนก็หันมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ และเดินไปที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่พร้อมกับควงมีดในมือของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ามีร่องรอยของความหวาดกลัวบนใบหน้าของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เพราะเขาไม่ได้มีความกล้าเผชิญหน้ากับความตายเหมือนกับไมคาอินอฟเพราะในฐานะทหารรับจ้างนั้นไมคาอินอฟก็รู้ดีว่าเขาจะต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ในสักวันหนึ่งในอนาคตแต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขานั้นโชคดี ซึ่งพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่แตกต่างออกไปเพราะถึงแม้ว่าเขาอาจจะเคยมีความกล้าหาญเช่นนี้มาก่อนแต่ทว่าในตอนนี้ที่เขายืนอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้แล้วเขาก็ไม่อยากที่จะตายเพราะเขายังต้องการทำให้ตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหนือทุกสรรพสิ่งเสียก่อน
สำหรับเย่เชียนแล้วยิ่งศัตรูนั้นหวาดกลัวมากเท่าไหร่เย่เชียนก็ยิ่งไม่ยอมปล่อยให้เขาคนนั้นตายไปอย่างง่ายๆ เช่นนี้ ด้วยการเล่นมีดและควงมีดด้วยมือพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเย่เชียนนั้นก็ทำให้ปากของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่กระตุกอย่างต่อเนื่องและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกระวนกระวาย ซึ่งเขาจะคาดคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้ได้อย่างไร? ซึ่งเขามักจะวาดฝันถึงการแก้แค้นเย่เชียนและการกำจัดแม่ม่ายดำจือเหวินอยู่เสมอแต่ทว่าในตอนนี้เขากลับต้องคุกเข่าต่อหน้าเย่เชียนในวันนี้
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” หลินเฟิงก็เดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและพูด
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและมองเขาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “นี่ไม่ใช่งานที่นายมอบหมายให้ฉันหรอกหรือ..ฉันก็ต้องทำสิ!”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างว่างเปล่าและยื่นมีดให้หลินเฟิงแล้วพูดว่า “อย่าลืมส่วนลด 20% ล่ะ!”
หลินเฟิงก็หยิบมีดมาจากมือของเย่เชียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหา..เราคนกันเอง!” หลังจากที่พูดจบดวงตาของหลินเฟิงก็หรี่ลงและในทันใดนั้นมีดในมือของเขาก็แทงทะลุหน้าอกของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่อย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นก็ทำให้ร่างขนาดใหญ่ของพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ทรุดตัวลงอย่างกะทันหันและเสียชีวิตไปในทันที
สำหรับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นเมื่อครั้งที่เขายังเด็กนั้นเขาได้บุญบารมีของพ่อของเขาหลวนเซียงนั้นเขาจึงเติบใหญ่ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสามปีและหลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่รู้จักเขาเลย ซึ่งในเวลานั้นด้วยการสนับสนุนของหยุนเหลาก็ทำให้หยางเทียนเติบใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกันและกลายเป็นดาวดวงใหม่แห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ ซึ่งหลวนเซียงพ่อของเขานั้นได้พ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาถในการต่อสู้ระหว่างหยางเทียนและหลังจากนั้นมาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ได้รับมรดกทางธุรกิจจากพ่อของเขาโดยปริยายและเริ่มการต่อสู้ครั้งใหม่กับหยางเทียนแทนพ่อของเขา
ต้องบอกว่าพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นเป็นบุคคลที่ทรงพลังอย่างแท้จริงเพราะภายใต้การโจมตีของหยางเทียนนั้นเขาก็ยังสามารถพัฒนาอิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของเขาได้อย่างต่อเนื่องและต่อมาพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ก็ได้ร่วมมือกับราชาแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อสังหารหยางเทียนจนทำให้ชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างเช่นหยางเทียนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือได้จบชีวิตลงในต่างแดน
ถ้าเป็นเย่เชียนล่ะก็มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้นั่นก็เพราะว่าหยางเทียนนั้นใจอ่อนเกินไปโดยเขาไม่ได้ถอนรากถอนโคนฝ่ายตรงข้าม บางทีอาจเป็นเพราะหยางเทียนนั้นรู้สึกว่าเขาได้ทำสิ่งที่เลวร้ายมากเกินไปดังนั้นเขาจึงต้องการสะสมคุณธรรมและการปล่อยวางบ้าง แต่เพราะการทำเช่นนี้นั้นจึงทำให้หยางเทียนต้องสิ้นชีพไปอย่างน่าอนาถ
ในขณะนี้หลินเฟิงก็มองไปที่สมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลและพูดว่า “เอาล่ะ..ทุกคนถอนตัวได้!”
เหล่าสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลก็ตอบสนองและหายตัวไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืน
หลินเฟิงก็หันไปมองเย่เชียนและยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดว่า “มันยังไม่เช้าเลย..นายอยากไปดื่มต่อสักหน่อยมั้ย? ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ครับ..เรื่องนี้มันยังไม่จบและผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปดื่มเลย..พี่หลิน..คุณสนใจไปเยือนประเทศรัสเซียด้วยกันหน่อยมั้ย?”
หลินเฟิงก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะแล้วเขาก็ยิ้มและพูดว่า “มันเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับน้องเย่..เพราะงั้นพี่หลินคนนี้ก็พร้อมที่จะสละชีพเพื่อติดตามน้องเย่ผู้ยิ่งใหญ่..ฉันเชื่อว่าคนของฉันนั้นคุ้นเคยกับประเทศรัสเซียมากกว่าน้องเย่..ดังนั้นฉันคิดว่าฉันอาจจะช่วยน้องเย่ได้ไม่มากก็น้อย”
“พี่หลินก็ถ่อมตัวเกินไป..เพราะแค่พี่หลินคนเดียวก็สามารถเทียบได้กับกองทหารนับพันแล้ว!” เย่เชียนพูด
“ฮ่าๆ ..ถึงยังไงบางทีสิ่งต่างๆ มันก็ไม่น่าจะลำบากอะไรมาก..เพราะสิ่งที่น้องเย่กำลังตามหาอยู่น่ะที่มันอยู่กับเซอร์เก้วิชพุชกินคนนั้นฉันก็คิดว่าเขายังอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้อยู่..เพราะงั้นมันก็น่าจะดีกว่าถ้าเราไปหาเขาโดยตรง” หลินเฟิงพูด
“ก็ดีเหมือนกัน” เย่เชียนพูด “อย่างไรก็ตามไม่ว่ามีดคลื่นโลหิตหมาป่าจะอยู่ในมือของเซอร์เก้วิชพุชกินจริงๆ หรือไม่นั้นมันก็ไม่สำคัญหรอกใช่มั้ย..เพราะถึงยังไงพวกเราก็ต้องไปเยือนประเทศรัสเซียอยู่ดี..เพราะการที่คนนอกมารุกรานแผ่นดินของเราแบบนี้พวกเราก็ต้องตอบโต้กันบ้างสิ”
หลินเฟิงก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “แบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว”
หลังจากที่ปิดไฟในบ้านแล้วทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมๆ กันซึ่งฝนได้หยุดตกแล้วแต่ทว่าลมหวนยามค่ำคืนก็ยังคงพัดผ่านอยู่เล็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ตื่นแต่เช้าโดยมีโจวหยวนที่ติดตามเย่เชียนและพัฒนาสิ่งต่างๆ ของเขาเช่นนี้ ซึ่งหากเป็นก่อนหน้านี้นั้นเกรงว่าโจวหยวนก็คงจะตื่นตอนเที่ยงวันเหมือนที่เคย ซึ่งเย่เชียนก็โทรไปหาแจ็คและบอกให้เขาแจ้งเล้งยี่ให้ระดมกำลังพลเพื่อไปยังประเทศรัสเซียในทันทีเพราะนั้นเย่เชียนก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเองเหมือนกับตอนที่อู๋หยางเฉิงทำเมื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการกำจัดรากเหง้าและถอนรากถอนโคนจนพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถมาคุกคามอะไรได้อีกหลังจากผ่านไปหลายร้อยปี
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีดคลื่นโลหิตหมาป่านั้นจะอยู่ในมือของเซอร์เก้วิชพุชกินจริงหรือไม่ เพราะเป็นไปได้ว่าเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นส่งมอบมีดคลื่นโลหิตหมาป่าไปยังอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแล้วอย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด สำหรับมีดคลื่นโลหิตหมาป่านั้นมันสำคัญสำหรับเย่เชียนอย่างมากดังนั้นเขาจะต้องได้รับมันกลับคืนมาให้จงได้
แจ็คเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการเดินทางไปดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับปัญหามากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อยและเขาก็บอกกับเย่เชียนว่าเขาจะส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะและมาเฟียในประเทศรัสเซียทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าที่ประจำการที่นี่โดยเร็วที่สุดและให้เย่เชียนติดต่อประสานงานไปยังพวกเขาเพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ
หลังจากที่เย่เชียนตอบเสร็จเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปและเหลือบมองไปที่โจวหยวนข้างๆ เขาแล้วก็พูดว่า “ฉันจะต้องไปที่ประเทศรัสเซียนะ..ส่วนเอ็งก็กลับไปที่เซี่ยงไฮ้และไปหาแจ็คที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดก่อน”
โจวหยวนก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวและพูดว่า “พี่สอง..พี่ไม่ได้จะให้ผมตามพี่ไปด้วยหรอกหรือ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “การเดินทางมาเยือนดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งนี้น่ะถือว่าเอ็งได้รับประสบการณ์อะไรดีๆ ไม่น้อยเลย..ฉันจะบอกแจ็คให้รับผิดชอบในการฝึกอบรมเอ็ง..ฉันหวังว่าเอ็งจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ..เมื่อฉันไปพบเอ็งอีกครั้งฉันหวังว่าเอ็งจะเป็นคนที่สามารถยืนหยัดด้วยตัวคนเดียวได้อย่างสง่าผ่าเผยนะ”
โจวหยวนก็ถึงกับตกตะลึงอยู่เป็นเวลานานและไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพราะเขาสามารถเข้าใจความหมายของคำพูดของเย่เชียนได้เป็นอย่างดีซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอย่างมาก “ขอบคุณมากครับพี่สอง..ไม่ต้องกังวลไป..ผมจะไม่มีวันทำให้พี่สองต้องผิดหวัง” โจวหยวนพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ “เอาล่ะ..ถ้างั้นวันนี้เอ็งก็กลับไปได้เลย..ถ้าเอ็งมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกับแจ็คได้โดยตรง”
“ครับ!” โจวหยวนก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “ถ้างั้นพี่สองผมขอตัวไปก่อนนะครับ” หลังจากพูดจบเขาก็ออกจากห้องของเย่เชียนไป ซึ่งโจวหยวนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนไม่สามารถควบคุมได้เล็กน้อยเพราะมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความตื่นเต้นที่เหมือนลอยเข้าไปในก้อนเมฆที่ไม่อาจสัมผัสได้
หลังจากนั้นเย่เชียนก็กดโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าและบอกชื่อของโรงแรมที่เขาพักอยู่และบอกให้พวกเขามาหาที่โรงแรมทันที
ในเวลาเดียวกันหลินเฟิงและองค์กรเซเว่นคิลก็กำลังเตรียมตัวเตรียมการอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน ความปั่นป่วนของหลินเฟิงที่อยู่ภายในใจของเขามานานนั้นก็ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้งราวกับว่าเขามีความปรารถนาที่จะระบายความเลือดเดือดออกมาโดยเร็วที่สุด ซึ่งองค์กรเซเว่นคิลนั้นเป็นกลุ่มนักฆ่าที่สุดยอดของโลกและในครั้งนี้ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยการร่วมมือกับกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นหลินเฟิงก็มีเหตุผลและจุดประสงค์ที่มากกว่าการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ราชาหมาป่าเย่เชียนผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้น เพราะหลินเฟิงนั้นมีความคิดที่จะทำให้ประเทศรัสเซียสั่นคลอนไปทั่วหล้า
สมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลนั้นไม่ได้เห็นการแสดงออกของหลินเฟิงเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและพวกเขาก็ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุผลมันคืออะไรกันแน่ที่ทำให้หลินเฟิงมีการแสดงออกและปฏิกิริยาเช่นนี้
.
.
.
.
.
.
.