ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 443 ดูเชิง
ตอนที่ 443 ดูเชิง
อุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันนั้นตามปกติแล้วจะต้องสร้างท่อส่งน้ำมันใต้ดินเพื่อส่งออกน้ำมันของจีนไปยังประเทศรัสเซียโดยตรงซึ่งแผนนี้มีความละเอียดอ่อนมากเพราะถ้าหากทำสิ่งต่างๆ ไม่ถูกต้องล่ะก็สิ่งนี้จะทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้เย่เชียนนั้นถึงกับต้องชื่นชมความกล้าหาญของเซอร์เก้วิชพุชกินเลย
เจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าก็กางแผนที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนบนโต๊ะและมีเส้นขีดระบุไว้อย่างชัดเจนด้วยปากกาสีแดงบนแผนที่ “นี่คือเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างสถานที่ลงทุนของเซอร์เก้วิชพุชกินในประเทศจีนเมื่อเขาได้ครอบครองที่ดินของแม่ม่ายดำจือเหวิน..จากนั้นเขาก็จะสามารถเปิดทางผ่านช่องทางใต้ดินไปยังประเทศรัสเซียได้โดยการติดตั้งท่อส่งน้ำมันใต้ดินของประเทศนี้และขนส่งน้ำมันทั้งหมดไปยังประเทศรัสเซียอย่างเงียบๆ .. จากข้อมูลการสำรวจของเรานั้นระบุว่าท่อใต้ดินเหล่านั้นได้ถูกสร้างขึ้นเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะนี่ไม่ใช่โครงการและแผนการเล็กๆ เลยซึ่งดูเหมือนว่าเซอร์เก้วิชพุชกินได้มุ่งความสนใจไปยังที่ดินของแม่ม่ายดำจือเหวินและเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าแม่ม่ายดำจือเหวินจะรับมือได้ยากเพราะในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดเช่นนี้นั้นเซอร์เก้วิชพุชกินได้ต่อสู้อย่างหนักและว่าจ้างทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะมาเพื่อช่วยพยัคฆ์แดนเหนือหลวนหิงลี่จัดการกับแม่ม่ายดำจือเหวิน
เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีอะไรซ่อนอยู่แต่คนของทางการก็ควรจะรับรู้ถึงแผนการของเซอร์เก้วิชพุชกินใช่ไหม? เพราะบุคลากรของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนนั้นก็ไม่ใช่คนโง่เพราะขนาดหน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่ายังสามารถรู้หลายสิ่งหลายอย่างได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนจะไม่รับรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างไร? เรื่องนี้ทำให้เย่เชียนปวดหัวอย่างมาก หรือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกำลังคิดที่จะหลอกใช้เซอร์เก้วิชพุชกินช่วยพัฒนาดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนจากนั้นก็เปิดโปงแผนการของเซอร์เก้วิชพุชกินและในที่สุดก็เข้ายึดอุตสาหกรรมไปอย่างเงียบๆ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ที่เซอร์เก้วิชพุชกินทำงานและวางแผนมาอย่างหนักหน่วงและลงทุนมามากมายเช่นนี้แน่นอนว่าหากเป็นกรณีนี้ไม่เพียงแต่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเท่านั้นที่เดือดดาลเพราะแม้แต่รัฐบาลของประเทศรัสเซียก็ไม่สามารถทนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างโง่เขลาเช่นนี้ได้
จากความเข้าใจของเย่เชียนที่มีต่อตัวตนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเย่เชียนรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้สูงมากเพราะชายชราคนนี้ไม่เคยทำอะไรที่เสียผลประโยชน์เลยและเย่เชียนนั้นก็ไม่สงสัยใน IQ และความฉลาดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เย่เฉียนงงงวยก็คือหยุนเหลาได้บอกหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วว่าเย่เชียนมาเยือนดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วและเมื่อเป็นเช่นนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่กลัวว่าเย่เชียนจะทำลายแผนของเขาหรือ? หรือการมาเยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของเย่เชียนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่ได้คาดคิดเอาไว้ใช่ไหม?
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวและนั่นก็คือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้องการยืมมือเขาอีกครั้ง เพราะตั้งแต่วันที่เย่เชียนย่างก้าวเข้าสู่ประเทศจีนนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้อยู่แล้วและถึงแม้ว่ารัฐบาลกลางจะยอมรับการกระทำทั้งหมดของเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็รู้สึกว่าเบื้องบนและคนระดับสูงของจีนกำลังยืมมือเขาทำสิ่งต่างๆ อยู่ตั้งแต่นั้นมา อย่างเช่นในกรณีของตงเซียงกรุ๊ปที่ยืมมือให้เย่เชียนกำจัดมะเร็งของประเทศจีนออกไปและหลังจากตงเซียงกรุ๊ปถูกกวาดล้างไปจนหมดก็มีสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เย่เชียนต้องไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเช่นนั้นหรือว่าทั้งหมดจะเป็นแผนการของพวกเขากันแน่?
จากนั้นพวกเขาก็มอบหมายงานให้เย่เชียนและบอกให้เย่เชียนไปที่เขตการปกครองพิเศษไต้หวันเพื่อทำภารกิจลับให้สำเร็จ และครั้งนี้เย่เชียนก็มาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนซึ่งมันอาจจะไม่ได้อยู่ในแผนของพวกเขาก็จริงแต่มันก็น่าจะเริ่มเป็นแผนการของพวกเขาตอนที่หยุนเหลาบอกกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนว่าเย่เชียนมาเยือนที่ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนแล้วดังนั้นพวกเขาจึงริเริ่มแผนการใหม่ๆ อย่างนั้นใช่ไหม?
แล้วหูวเค่อล่ะ? เพราะปู่ของเธอเป็นถึงรองประธานาธิบดีของประเทศจีนและเป็นผู้อาวุโสในระดับสูงดังนั้นหลานอย่างเธอก็ควรจะรู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนกัน? การที่เธอคอยเฝ้าติดตามเย่เชียนเพื่อช่วยสิ่งต่างๆ อย่างที่หูหนานเจียนพูดจริงๆ อย่างนั้นหรือ? แต่ถ้าเธอคอยติดตามเพื่อจุดประสงค์อื่นล่ะ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเย่เชียนควรจะทำอย่างไร?
ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้นซึ่งเย่เชียนดูเหมือนจะรู้สึกเหมือนแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุมเพราะไม่ว่าเขาจะปีนขึ้นไปยากสักแค่ไหนเขาก็ดูเหมือนจะติดอยู่ในใยและไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย
ท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ไม่ใช่นักการเมืองและเขาก็ไม่สามารถเป็นนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้เลยเพราะถ้าหากทั้งหมดนี้เป็นความจริงล่ะก็เมื่อใดที่เขาไม่มีค่าเขาก็จะถูกทอดทิ้งให้เป็นเบี้ยที่ไร้ประโยชน์อย่างนั้นใช่ไหม?
หลังจากนั้นเย่เชียนก็โบกมือให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าและให้เขากลับไปได้ ซึ่งหลังจากนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและเอนตัวลงบนโซฟาและดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อยและจมลงไปในห้วงแห่งความคิด ซึ่งผู้ชายนั้นถ้าหากมีความทะเยอทะยานมากเท่าไหร่เขาก็จะมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จมากเท่านั้นและแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นมีความทะเยอทะยานอย่างมากแต่ความทะเยอทะยานของเขานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ไม่เช่นนั้นเขาก็สามารถไปที่ประเทศใดก็ได้ในทวีปตะวันออกกลางเพื่อเป็นสมาชิกรัฐสภาและแม้แต่ประเทศเมียนมาร์เองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใดๆ เลย
เย่เชียนนั้นเป็นคนแบบไหนที่เต็มใจให้คนอื่นหลอกใช้? ซึ่งถ้าหากเบื้องบนของประเทศจีนนั้นหลอกใช้ตัวเองจริงๆ ล่ะก็ทำไมเย่เชียนถึงไม่หลอกใช้พวกเขากลับด้วยล่ะ? เพราะเมื่อเราไปถึงจุดสูงสุดของอำนาจอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีค่าอะไรในตอนนั้นแต่ผู้นำระดับสูงของประเทศก็ไม่กล้าที่จะคุกคามเราหรอกใช่หรือไม่? ซึ่งการที่เย่เชียนได้ส่งหลี่เหว่ยไปหากลุ่มโจรสลัดซาตานนั้นและเริ่มขยายพลังและอำนาจทางทะเลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งพลังนี้จะเป็นความได้เปรียบที่สำคัญในอนาคตของเขี้ยวหมาป่าอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และกดเบอร์โทรศัพท์ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนทันที
ทันทีที่เชื่อมต่อสายโทรศัพท์กันแล้วก็มีเสียงหัวเราะของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนดังมาจากอีกด้านหนึ่งแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ..หลานเย่ผู้มาเยือน..หายากนะเนี่ยการที่เอ็งจะโทรหาชายชราอย่างฉัน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“หืม!” เย่เชียนพูด “ผมได้ยินมาว่าปู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณหยุนแห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือหรอ”
“ฮ่าๆ ..เอ็งรู้ด้วยเหรอ..ใช่! ..คุณหยุนและพ่อของฉันน่ะเขาเคยเป็นสหายร่วมรบกันและเมื่อตอนที่ฉันยังเด็กเขาก็คอยดูแลฉันเป็นอย่างดี..เขาเป็นคนที่ดีเลยล่ะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด ซึ่งเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เย่เชียนสามารถรู้เรื่องนี้ได้ เพราะถ้าหากเย่เชียนนั้นไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้นั่นก็แสดงว่าเขามองเย่เชียนผิดมาโดยตลอด
“เรื่องมันคงจะยุ่งยากแล้วสินะ” เย่เชียนแสร้งทำเป็นไม่สบอารมณ์และพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น? ..คุณหยุนทำให้เอ็งขุ่นเคืองเหรอ? ..ถ้างั้นก็ถือว่าเห็นแก่ฉันหน่อย…ฉันจะโทรหาเขาและบอกให้เขาเลิกขัดขวางเอ็ง”
“ปู่รู้ไหมว่าผมเกลียดคนที่หลอกใช้ผมมากที่สุด..คุณหยุนหลอกใช้ผมให้จัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่..ผมต้องลบล้างความร้าวฉานนี้ให้ได้” เย่เชียนพูด ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นไม่ได้คิดที่จะจัดการกับหยุนเหลาเลยแม้แต่น้อยเพราะหยุนเหลานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยและถ้าหากหยุนเหลามีความคิดที่จะหลอกใช้ตัวเองจริงๆ ล่ะก็หลังจากที่ได้เจอเขาแล้วเย่เชียนก็คงจะกำจัดเขาไปนานแล้ว ซึ่งเหตุผลที่เย่เชียนจัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้น็ไม่ใช่เพราะใครแต่เป็นเพราะมีดคลื่นโลหิตหมาป่า ซึ่งถ้าหากจะต้องมีนั่นก็เพราะหยางเทียนเพียงคนเดียว
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับตกตะลึงเพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเพราะถ้าหากเย่เชียนต้องการกำจัดหยุนเหลาจริงๆ ล่ะก็มันคงจะเป็นเรื่องยากและลำบากใจสำหรับเขาที่จะเลือกทำสิ่งต่างๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “โถ่ๆ ..คุณหยุนน่ะอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมานานแล้ว..เขาเคยดูแลหยางเทียนและเมื่อหยางเทียนตายไปแม่ม่ายดำจือเหวินก็อยู่ในความดูแลของเขา..โถ่ฉันก็นึกว่าเอ็งจะมีเรื่องเลวร้ายอะไรเสียอีก..สรุปว่าเอ็งตกหลุมรักแม่ม่ายดำคนนั้นใช่ไหม? ..ฮ่าๆ ..ไม่ต้องกังวลไปฉันจะโทรไปหาคุณหยุนเอง..รับรองได้เลยว่าเขาจะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน”
“โถ่! ..ปู่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” เย่เชียนตะคอกล้วพูดว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว..ผมไม่ได้สนอะไรแม่ม่ายดำจือเหวินเลย..คุณจะทำอะไรก็ทำเพราะถึงยังไงผมก็จะไม่ปล่อยคุณหยุนไปง่ายๆ อย่างแน่นอน” นี่อาจถือได้ว่าเป็นการเขย่าภูเขาก็เป็นได้เพราะเย่เชียนนั้นใช้หยุนเหลามาอ้างเพื่อทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเข้าใจถึงสิ่งต่างๆ เพราะเย่เชียนเชื่อว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นฉลาดมากและน่าจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงนั่นเอง
“เอ็งช่วยไว้หน้าฉันหน่อยจะได้ไหม..ฉันขอโทษเอ็งในนามของคุณหยุนและฉันสัญญาว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเอ็งอีกในอนาคต” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดว่า “เอาเถอะๆ ..ในเมื่อปู่พูดออกมาขนาดนี้แล้วผมจะไปทำอะไรได้อีก..ผมไม่สามารถทำให้ปู่ขุ่นเคืองได้หรอก..เอาล่ะผมจะกลับไปที่ไต้หวันในสองวัน..ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ อีกต่อไปแล้ว”
“แล้วเอ็งได้มีดคลื่นโลหิตหมาป่าของเอ็งกลับคืนมาแล้วเหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามด้วยความประหลาดใจ ซึ่งทันทีที่พูดออกไปเขาก็รู้ว่ามันไม่ดีเพราะเมื่อเขาพูดออกไปแบบนั้นมันก็หมายความว่าเขาส่งคนไปตรวจสอบเย่เชียน เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะรู้เรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
เย่เชียนก็ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ปู่! ..คนที่รู้เรื่องนี้มีมากน้อยแค่ไหนกัน..ปู่ก็รู้หนิว่ามันควรจะเป็นความลับไม่ใช่เหรอ?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มและพูดว่า “นี่เอ็งคิดว่าฉันเป็นใคร..ฉันเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเลยนะ..ฉันรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของประเทศชาติ..เพราะงั้นแน่นอนว่ามันต้องมีคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่รู้เรื่องนี้ด้วย”
“ช่างมันเถอะ..ผมไม่สนใจหรอกว่าปู่จะส่งใครมาตามผม..รู้ไหมว่ามีดนั้นน่ะพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่มอบมันให้กับคนคนนึงไปและผมก็ไม่สามารถที่จะทำให้คนคนนั้นขุ่นเคืองได้เลย” เย่เชียนพูด “นอกจากนี้มันก็เป็นแค่มีดธรรมดาๆ ..มันไม่คุ้มค่ากับเงินหรอก..ถ้าเขาต้องการก็ให้เขาไป”
เย่เชียนนั้นยังคงชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะไม่ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่รู้ความหมายของมีดคลื่นโลหิตหมาป่าอยู่ดี แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเขาควรที่จะเป็นคนฉลาดใช่มั้ย? และเนื่องจากเขาเป็นคนฉลาดเขาก็น่าจะไม่ทำสิ่งที่ควรอย่างแน่นอน
“นั่นมันไม่ใช่นิสัยและตัวตนของเอ็งเลยนะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยิ้มและพูด แต่คิ้วของเขานั้นกลับขมวดเข้าหากันแน่นเพราะการปรากฏตัวของเย่เชียนในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นทำให้แผนการต่างๆ ของเขาต้องหยุดชะงักไป ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้ให้เย่เชียนแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ดีขึ้น แต่ตอนนี้เย่เชียนกลับไม่ได้มีความคิดเช่นนี้จึงทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตกตะลึงไปชั่วขณะ
.
.
.
.
.
.
.