ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 453 ชายหนุ่มและชายชรา
ตอนที่ 453 ชายหนุ่มและชายชรา
ในคืนนั้นพระภิกษุรูปนั้นก็มรณภาพด้วยสภาพที่นั่งนิ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและวัดหลิงหลงก็ลั่นระฆังและคณะพระภิกษุต่างก็สวดมนต์กัน ซึ่งพระภิกษุรูปนั้นมีอายุยืนยาวกว่า 120 ปีแล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงพระภิกษุรูปนั้นควรจะล่วงลับไปแล้วเมื่อเขาอายุ 100 ปี แต่เนื่องจากเขายังมีพันธะกับเย่เชียนอยู่จึงทำให้เขายังคงมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
เย่เชียนนั้นไม่รู้ถึงตัวตนของพระภิกษุรูปนั้นเลยเพราะพวกเขาพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำแต่ถึงยังไงพระภิกษุก็ทำให้เย่เชียนถึงกับตกตะลึงราวกับว่าตนรู้สึกเหมือนเป็นญาติของเขาเอง นอกจากนี้การพบปะครั้งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเย่เชียนอย่างมากในอนาคตแต่เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคตภายภาคหน้าดังนั้นก็จะไม่พูดถึงมันในตอนนี้
หลังจากออกจากวัดหลิงหลงแล้วเย่เชียนก็ไปที่ภูเขาเอ๋อหลงและนั่งลงที่ด้านบนของภูเขา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นที่วัดหลิงหลงนั้นเกินความคาดหมายและอยู่เหนือความเข้าใจของเขาและเขาก็ไม่สามารถหยุดคิดได้เลยเพราะปรากฏว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งรู้แจ้งเห็นจริงตั้งแต่ตอนที่ตนเกิดว่าตนจะต้องมาที่วัดหลิงหลงแห่งนี้ดังนั้นเขาจึงรอตนอยู่ที่นี่ ซึ่งความรู้สึกที่ลึกลับเช่นนี้มันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างชัดเจน
บางทีมันก็ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่เราไม่รู้และบางทีในโลกใบนี้ก็ยังมีสิ่งลี้ลับและลึกลับซ่อนอยู่อีกมากมาย
สำหรับเย่เชียนแล้วถึงแม้ว่าการเดินทางไปยังดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในครั้งนี้จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ให้ผลประโยชน์ที่มากมายเช่นกันเพราะอย่างน้อยๆ เขาก็ได้รู้ทัศนคติของเบื้องบนของประเทศจีนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปทำอะไรโง่ๆ ในช่วงกลางฤดูหนาวข้างหน้านี้และเป็นเบี้ยของพวกเขาเช่นนั้น ซึ่งการรู้ตัวเองและรู้จักศัตรูนั้นก็เพื่อที่เราจะได้รู้อย่างชัดเจนว่าเราควรมีบทบาทอย่างไรในอนาคตและเตรียมคิดวิธีที่จะจัดการกับพวกมันและปรับทัศนคติของเรา
อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ไม่ใช่คนง่ายๆ เพราะบทสนทนาของเขาเมื่อวานนี้มันก็เป็นลางสังหรณ์แล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อไปสำหรับเย่เชียนก็คือการแสร้งทำเป็นสับสนแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยจากนั้นเขาทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อพัฒนาพลังและอำนาจของเขาอย่างเงียบๆ และถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะต้องตายถึงยังไงเขาก็ต้องสร้างสิ่งต่างๆ ให้คนรุ่นหลังใช่ไหม?
เย่เชียนที่นั่งอยู่บนยอดเขาเอ๋อหลงพลางมองไปในระยะไกลพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านเส้นผมของเขาเบาๆ ซึ่งเย่เชียนไม่เคยรู้สึกสงบและผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อนซึ่งนี่ควรเป็นพลังของพระพุทธเจ้าใช่ไหม?
ผ่านไปสักพักหนึ่งเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเขาก็ลุกขึ้นเพื่อลงไปที่ตีนเขาและในทันใดนั้นเขาก็เห็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่กำลังเดินมาหาเขาโดยข้างหลังของเขานั้นมีคนรู้จักอยู่สองคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและนั่นก็คือจื้อจุนและเซียวหวัน ซึ่งเมื่อจื้อจุนเห็นเย่เชียนเขาก็ยิ้มและพยักหน้าให้เพื่อเป็นการทักทาย ส่วนเซียวหวันนั้นก็ยังคงดูเหมือนเธอเป็นศัตรูที่คอยจ้องมองตนด้วยความโกรธและหลังจากนั้นเธอก็หันหน้าหนีไป
บางทีอาจจะเป็นเซียวหวันเองที่คิดว่ามันแปลกอยู่คนเดียวเพราะทุกๆ ครั้งที่มีปัญหามันก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเย่เชียนเลย แต่ทว่านับตั้งแต่ที่เย่เชียนกลับมาที่ประเทศจีนเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ทุกครั้งที่เซียวหวันเห็นเย่เชียนนั้นเขาก็ไม่เคยทำอะไรดีเลยสักอย่างราวกับว่าเธอกลายเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพที่คอยตามเช็ดก้นของเขา
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อยและกลิ่นอายของจิตรสังหารที่รุนแรงนั้นดูเหมือนจะมีกลิ่นอายแปลกๆ ที่ทรงพลังจนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับตกตะลึงและเขาก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเย่เชียนกันแน่และเย่เชียนกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เดินขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หนูเอ็งนี่ดูผ่อนคลายเหลือเกิน..ฉันถึงกับต้องมาหาเอ็งที่ภูเขาแบบนี้เลย”
“ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่สามารถหลบหนีพวกคุณได้ตลอดไป..เพราะไม่ว่าผมจะไปที่ไหนคุณถึงยังไงพวกคุณก็หาผมพบตลอด..บอกผมทีว่าผมเป็นหนี้ปู่ในชาติที่แล้วหรือเปล่า? ” เย่เชียนพูดแล้วยิ้มอย่างหดหู่
“ไม่หรอก..ฉันเองที่เป็นหนี้เอ็งในชาติที่แล้ว..เพราะงั้นฉันต้องตอบแทนหนี้นั้นในชีวิตนี้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม และหลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “แล้วเป็นยังไงบ้างที่ได้นั่งอยู่ที่นี่คนเดียว? ”
“ชีวิตของคนเราน่ะมันสั้น..และเพียงไม่กี่สิบปีมันก็ยากมากที่จะปีนป่ายขึ้นไปในจุดที่สูงกว่าและในที่สุดมันก็เหลือเพียงถ้วยที่ว่างเปล่า..มันมีไว้เพื่ออะไร? ” เย่เชียนพูดด้วยอารมณ์และความรู้สึกบางอย่าง
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพูดว่า “ไอ้หนูทำไมจู่ๆ เอ็งก็อารมณ์อ่อนไหวถึงขนาดนี้..มันดูไม่เหมือนนิสัยของเอ็งเลย”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ปู่นี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ..ปล่อยเรื่องของความรู้สึกไปเถอะ..เรามาคุยเรื่องธุระกันดีกว่า..ปู่มาทำอะไรที่นี่..ที่ปู่รีบมาหาผมเนี่ยปู่ไม่ได้ต้องการจะมาถามผมว่าผมเป็นอะไรหรือรู้สึกยังไงหรอกใช่ไหม?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็หันหน้าไปมองที่จื้อจุนและเซียวหวันซึ่งพวกเขาทั้งสองก็พยักหน้าและเดินออกไปทันที จากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มและดึงเย่เชียนไปนั่งลงบนหินซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในตอนนี้นั้นไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่าตัวตนของผู้มีอำนาจในระบบราชการและกิริยาบทของผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเลยแม้แต่น้อยเพราะเขานั้นนั่งลงบนพื้นเหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ในชนบท “ฉันได้ยินมาว่าเอ็งและเซอร์เก้วิชพุชกินกำลังร่วมมือกันเหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถาม
“ไปได้ยินมาจากใคร?” เย่เชียนถามอย่างไม่เป็นทางการซึ่งสีหน้าของเขานั้นดูสงบมากและเขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบมากนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่ได้พูดอะไรแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็สามารถคาดเดาได้เพราะนอกจากแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วจะมีใครที่รู้สถานการณ์ในตอนนั้นบ้าง? ดังนั้นเย่เชียนจึงสันนิษฐานว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนคงจะไปพบกับแม่ม่ายดำจือเหวินก่อนที่จะมาพบเขานั่นเอง
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มอย่างหดหู่และพูดว่า “ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนพูด..เอ็งแค่บอกฉันมาว่ามันมีเรื่องแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า”
“อะไร..ปู่พูดอะไรของปู่” เย่เชียนไม่ได้มองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลยขณะพูด เขาเพียงหยิบหญ้าบางๆ ขึ้นมาแล้วใส่มันเข้าปากและมองออกไปในระยะไกล
“ไอ้หนู! ..เอ็งคุยกับฉันดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ..ถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่าเอ็ง..เพราะงั้นเอ็งก็รู้จักเคารพกันบ้างเข้าใจไหม?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดและยิ้มอย่างหดหู่
“ใช่! ..เซอร์เก้วิชพุชกินยอดเยี่ยมมากในฐานะเพื่อนมนุษย์..เพราะเขาส่งมอบมีดคลื่นโลหิตของผมกลับมาเพราะงั้นแน่นอนว่าผมจะไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเขาและนอกจากนี้เขาก็เป็นถึงนักธุรกิจและการร่วมมือกับเขาก็เป็นสิ่งที่ดีมากเช่นกัน..มันก็เรื่องปกตินะปู่..อย่าบอกนะว่าการร่วมมือแบบนั้นมันละเมิดกฎหมายของประเทศด้วย?” เย่เชียนแสร้งพูดด้วยท่าทางที่หวาดกลัวเมื่อเขารู้เกี่ยวกับแผนการต่างๆ ของเซอร์เก้วิชพุชกิน ดังนั้นเขาจึงมีความชัดเจนเกี่ยวกับความคิดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นกันเขาจึงต้องพูดแบบนี้เพียงเพื่อดูว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้องการจะพูดอะไรอีก
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดว่า “เย่เชียนเอ๋ย..เราก็คนกันเองเพราะงั้นฉันจะไม่ซ่อนมันจากเอ็งก็แล้วกัน..เซอร์เก้วิชพุชกินน่ะไม่ใช่แค่นักธุรกิจแต่เขาเป็นถึงบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในประเทศรัสเซีย..และยังมีอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันรายใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นนี้อีก..รวมไปถึงเหล่ามาเฟียและรัฐบาลของประเทศรัสเซียอีก..จุดประสงค์ของการมาประเทศจีนในของพวกเขาใจครั้งนี้ก็คือเพื่อขโมยแหล่งน้ำมันของประเทศ..ซึ่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราต่างก็เฝ้าจับตาดูมานานแล้ว..ฉันเองก็กำลังจะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้..เพราะงั้นถ้าเอ็งไปร่วมมือกับเขาล่ะก็เอ็งคงจะต้องมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน”
หลังจากที่หยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดว่า “ฉันจะมาเตือนเอ็งว่า..มันไม่ดีสำหรับเอ็งหรอกที่จะไปร่วมมือกับเขา”
“ผมจะไม่มีวันหมดศรัทธา” เย่เชียนพูด “แต่มันก็ยากนิดหน่อย”
“มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการหากเอ็งร่วมมือกับเขามันจะทำให้เบื้องบนเกิดความไม่พอใจอย่างแน่นอน..และถึงแม้ว่าฉันจะพูดแทนเอ็งให้ในตอนนั้นแต่ถึงยังไงผลกระทบมันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดต่อ “เอ็งต้องลองพิจารณาตัวเองดูว่าเอ็งควรทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือสิ่งที่เล็กน้อยแบบนี้”
“ถ้าผมร่วมมือกับเซอร์เก้วิชพุชกินล่ะก็เบื้องบนจะใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการกับผมใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า..แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันไม่ดีสำหรับอนาคตของเอ็ง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“อนาคตอะไรก็อนาคต..หรือพวกเขากำลังคิดที่จะทำอะไรบางอย่างกับผมใช่มั้ย?” เย่เชียนเลียปากของเขาขณะพูด
“แล้วยศจอมพลล่ะ..มันยากมากเลยนะที่จะได้มันมาครองสักครั้งเพราะตั้งแต่ก่อตั้งประเทศจีนก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ยศจอมพลอะไร..มันก็แค่เบี้ยและหมากตัวหนึ่งเท่านั้น” เย่เชียนทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “การที่ปู่มาหาผมเพราะเรื่องนี้..มันดูเหมือนว่าปู่กำลังเตรียมที่จะใช้เซอร์เก้วิชพุชกินเป็นหมากใช่ไหม?”
“ใช่!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพยักหน้าและพูดว่า “เมื่อวานฉันไปหาแม่ม่ายดำจือเหวินมาและฉันก็เชื่อว่าเธอคงต้องไปเจรจากับเซอร์เก้วิชพุชกินในวันนี้..ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็แผนการต่างๆ ของเซอร์เก้วิชพุชกินก็จะถูกนำไปใช้จริงในไม่ช้านี้..เพราะงั้นสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจึงต้องดำเนินการสิ่งต่างๆ ..เดิมทีเรื่องนี้ควรจะถูกส่งมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ทว่าฉันกลัวว่าเอ็งจะทำอะไรบุ่มบ่ามไปฉันก็เลยมาหาเอ็งเพื่อพูดคุย”
“ปู่ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหม?” เย่เชียนถามพลางหันหน้าไปมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ถ้าได้เอ็งมาช่วยล่ะก็มันคงจะดีไม่น้อยเลย..เพราะเซอร์เก้วิชพุชกินว่าจ้างกลุ่มทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะมา..และตอนนี้คงของเราก็ยังไม่เพียงพอ..ซึ่งมันจะดีมากถ้าได้เอ็งมาช่วย”
เย่เชียนเหลือบมองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและพูดว่า “ฉันจะบอกปู่ว่ากลุ่มจิ้งจอกหิมะน่ะเป็นคนดุร้าย..ถ้าผมเผลอเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงล่ะก็มันคงจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่”
“นี่เอ็งกำลังเล่นตลกอะไรกับฉัน!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะระเบิดโทสะออกมาเล็กน้อยโดยพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่เหรอ..เพราะคนที่นั่นน่ะไม่ได้มีแค่คนของกลุ่มทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะ..แต่เอ็งก็ยังรับมือได้อย่างง่ายดาย..แบบนั้นจะบอกว่าเอ็งเสี่ยงชีวิตอยู่อีกเหรอ?”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะแล้วหลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจว่าสำนักความมั่นคงแห่งชาตินั้นไม่รู้หรือว่าองค์กรเซเว่นคิลก็อยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เมื่อมองไปที่การแสดงออกของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งเย่เชียนก็นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอย่างลับๆ เพราะดูเหมือนว่าการทำสิ่งต่างๆ ของหลินเฟิงนั้นไม่เลวเลย ซึ่งองค์กรเซเว่นคิลเป็นองค์กรนักฆ่าที่ลึกลับที่สุดในโลกเพราะแม้แต่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาณาเขตของพวกเขาได้เลย
.
.
.
.
.
.
.