ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 459 กรุงมอสโก
ตอนที่ 459 กรุงมอสโก
ด้วยความช่วยเหลือของหลินเฟิงนั้นจึงทำให้เซอร์เก้วิชพุชกินหลบหนีออกจากประเทศจีนไปได้อย่างราบรื่นและกลับไปยังประเทศรัสเซียได้อย่างง่ายดาย โดยเย่เชียนแนะนำว่าให้ขึ้นเครื่องบินจากดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปยังไต้หวันแล้วต่อเครื่องอีกไฟต์ไปยังประเทศรัสเซีย เพราะแน่นอนว่าคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังทำอะไร แต่ทว่าเย่เชียนนั้นแตกต่างออกไปเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเซอร์เก้วิชพุชกินแต่เย่เชียนก็คิดว่าชายชราคนนี้จะต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดเย่เชียนจึงต้องบินไปลงที่ไต้หวันก่อนแล้วค่อยย้ายเครื่องบินอีกไฟต์เพื่อบินไปยังประเทศรัสเซียอีกครั้ง ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเบี่ยงเบนความสนใจของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน เพื่อให้ชายชราคนนี้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วเขาก็จะสามารถดำเนินตามแผนต่อไปได้
กรุงมอสโกซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซียและยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทางการเมืองและการคมนาคมของประเทศ ซึ่งปัจจุบันกรุงมอสโกเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปโดยอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิกและมีลักษณะคล้ายกับพระราชวังขนาดย่อมที่มีความสวยงามอย่างแท้จริง
เมื่อเย่เชียนมาถึงที่สนามบินมอสโกก็เป็นเวลาค่ำที่มีแสงไฟนีออนริมถนนสว่างไสวและตลอดทั้งคืนอย่างสวยงามเป็นพิเศษ ข้างถนนมีผู้หญิงในชุดเดรสที่คอยกวักมือเรียกผู้คนที่เดินผ่านไปมาซึ่งลักษณะของสาวยุโรปนั้นตรงกันข้ามกับสาวจีนอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเธอจะสวมกระโปรงสั้นผ้าไหมสีดำและเมื่อเทียบกับผู้หญิงในประเทศจีนหน้าอกของพวกเธอก็มีขนาดใหญ่กว่ามากและที่สำคัญพวกเธอดูมีชีวิตชีวาซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงหลายคนในประเทศจีนโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นฉากนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากตอนที่เขาออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้และไปที่มณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งตอนนั้นเย่เชียนก็สิ้นเนื้อประดาตัวและอาศัยอยู่ที่ใต้สะพานและกินของเหลือและบางครั้งก็นอนอยู่ข้างร้านอาหารแถวๆ มุมตึก ในเวลานั้นเย่เชียนยังคงจำได้เป็นอย่างดีว่ามันเป็นช่วงฤดูหนาวที่หนาวมากและถึงแม้ว่ามณฑลฝูเจี้ยนจะไม่มีหิมะตกก็ตามแต่ทว่าลมหนาวที่พัดผ่านมาก็ยังคงทำให้เย่เชียนเหน็บหนาวอยู่ตลอดเวลา
เย่เชียนเองก็ตระหนักดีว่าถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงจะต้องตายลงที่นี่อย่างแน่นอน เขาจึงออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายแต่ทว่าเขาหิวมากจนไม่มีแรงขยับไปไหนเลย ยิ่งกว่านั้นเย่เชียนยังรู้ว่าเขาต้องประหยัดพลังงานของร่างกายเอาไว้เพราะถ้าหากเขาออกกำลังกายหรือขยับตัวมากเกินไปก็มีแต่จะทำให้เขาทรุดลงมากเท่านั้น ซึ่งแต่ก่อนนั้นมักจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามายื่นเสื้อผ้าและขนมปังให้เขาสองสามชิ้น
ซึ่งผู้หญิงคนนี้ที่เย่เชียนเห็นเธอบ่อยครั้งและโดยทั่วไปจะเห็นเธอยืนอยู่ข้างถนนในทุกๆ คืนแต่น่าเสียดายที่ธุรกิจของเธอไม่ค่อยจะดีนักเพราะดูเหมือนว่าเธอจะมีลูกค้าน้อยมาก ซึ่งเย่เชียนก็หิวโหยเกินไปจนเขาไม่สามารถกังวลเรื่องอื่นได้และยัดขนมปังเข้าปากอย่างสิ้นหวังจนหญิงสาวคนนั้นก็ฉีกยิ้มและนั่งลงข้างๆ เย่เชียนและพูดคุยกับเย่เชียนในเวลานั้น
ผ่านคำบรรยายเรื่องราวของหญิงสาวคนนั้นแล้วเย่เชียนก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของเธอซึ่งผู้หญิงคนนี้เกิดในครอบครัวที่ยากจนมากและหลังจากจบมัธยมต้นเธอถูกบังคับให้ออกกลางคันแล้วต่อมาเธอก็ไปทำงานในโรงแรมและได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในนั้นซึ่งเธอก็คิดว่าเด็กหนุ่มรักตัวเธอมากเธอจึงตกหลุมรักเขาแต่ทว่าเขากลับบังคับให้เธอไปรับลูกค้าและหาเงินเป็นครั้งแรกภายใต้ความอัปยศอดสูและเธอก็ถูกเด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งไปและเมื่อเขาจากไปเด็กหนุ่มคนนั้นก็ทิ้งเงินเอาไว้ให้เพียงแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น
เมื่อเป็รเช่นนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ได้เริ่มต้นเส้นทางนี้เพราะหลังจากนั้นมาเธอก็ได้มาที่นี่คนเดียวและกลายเป็นผู้หญิงข้างถนนซึ่งในใจของเธอแม้จะโหยหาความรักแต่เธอก็รู้สึกผิดหวังและพยายามเอาชนะตัวเองเพราะในยุคสมัยนี้คนยากจนมักจะถูกหัวเราะเยาะนั่นเอง
เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆ แล้วเย่เชียนก็มีแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนนี้ความทุกข์ทรมานที่เขาต้องพบเจอนั้นก็ดูเป็นเรื่องไร้สาระขึ้นมาทันที และผู้หญิงคนนั้นต้องการให้เย่เชียนไปอยู่กับเธอเพื่อที่เขาจะได้หางานทำแต่เย่เชียนก็ปฏิเสธแต่ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกเธอแต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถอยู่อย่างไร้ประโยชน์และเป็นภาระของคนอื่นเช่นนั้นได้ และต่อมาเขาก็ได้พบกับเทียนเฟิงและถูกพาตัวไปยังองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและอาศัยอยู่ในฐานทัพของเขี้ยวหมาป่าตั้งแต่นั้นมา
ในใจของเย่เชียนนั้นเขาก็จดจำหญิงสาวคนนั้นได้เสมอเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เป็นดั่งแรงบันดาลใจให้เขาต่อสู้แม้ตัวเองจะยืนอยู่ในจุดที่ต่ำต้อยแค่ไหนก็ตาม อย่างไรก็ตามสำหรับเย่เชียนแล้วเธอคนนั้นก็น่านับถือมากกว่าผู้หญิงหลายคนที่เขาพบเจอเสียอีก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเย่เชียนไม่เคยไปใช้บริการทางเพศเลยเพราะในความคิดของเขานั้นผู้หญิงหลายคนในวงการนี้ต่างก็มีความยากลำบากที่ไม่อาจบรรยายได้และน่างสงสารจนแตกต่างจากผู้หญิงในวงการบันเทิงโดยสิ้นเชิง
ต่อมาเย่เชียนก็เคยไปหาผู้หญิงคนนี้และรู้ว่าเธอแต่งงานไปแล้วและก็มีสามีที่รักเธออย่างจริงใจและมีลูกที่น่ารัก เมื่อเห็นครอบครัวนี้ดูมีความสุขในที่สุดเย่เชียนก็ยิ้มออกมาเพราะเธอคนนี้ได้พบบ้านของเธอและเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขเป็นของเธอเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็จากไปอย่างลับๆ และก่อนที่เย่เชียนจะจากไปเขาก็ได้แอบเอาเงินบางส่วนไปวางเอาไว้ในบ้านของเธอคนนั้น ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนจะตระหนักดีว่าเงินก้อนนี้นั้นมันไม่สามารถตอบแทนแรงจูงใจและแรงบันดาลใจที่เธอเคยให้กับเขาได้ก็ตามแต่นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะตอบแทนเธอได้ แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่สามารถปรากฏตัวออกไปได้เพราะถ้าหากเขาปรากฏตัวขึ้นมันก็จะต้องเกี่ยวข้องกับอดีตที่ผู้หญิงคนนั้นลืมไปแล้วและทำให้แผลเป็นที่เลวร้ายของเธอกลับมาอีกครั้งนั่นเอง
หลังจากออกจากสนามบินแล้วเย่เชียนก็ไปหาโรงแรมที่จะพัก ซึ่งหลินเฟิงเองก็มาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วดังนั้นเย่เชียนจึงบอกเขาว่าตนมาถึงที่มอสโกแล้วแต่ทว่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นไม่ได้อยู่ในมอสโกแต่อยู่ในมูร์มันสค์ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือสุดของประเทศรัสเซียเนื่องจากสำนักงานใหญ่หรือฐานทัพของทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะอยู่ที่เมืองมูร์มันสค์นั่นเอง
ซึ่งเมืองมูร์มันสค์เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งของมหาสมุทรอาร์คติกซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรโคลาและหันหน้าไปทางอ่าวของทะเลแบเรนตส์และไม่ใช่พื้นที่น้ำแข็งตลอดทั้งปีโดยมีชื่อว่า ‘ท่าไร้เยือกแข็ง’ ซึ่งฐานขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะนั้นตั้งอยู่ที่นี่และสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าก็ได้ไปสุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่นั่นตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ
หลังจากตกลงนัดพบกับหลินเฟิงในวันพรุ่งนี้แล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป จากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาเซอร์เก้วิชพุชกินและหลังจากทักทายกันไม่กี่คำเขาก็บอกเซอร์เก้วิชพุชกินว่าให้มาที่มอสโกและขอให้เขาช่วยจัดการนัดพบกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของเขาถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่าและหลังจากถามสถานที่นัดพบกับเย่เชียนแล้วเขาก็จะให้คนไปรับ
เซอร์เก้วิชพุชกินพูดอย่างสุภาพและนอบน้อมอย่างมาก ซึ่งครั้งนี้เขาอยากที่จะของคุณเย่เชียนสำหรับเหตุการณ์นี้หากเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่ช่วยเขาเอาไว้ล่ะะก็เกรงว่าเขาจะยังคงถูกสอบปากคำในห้องสอบสวนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีนอย่างแน่นอนและยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะเย่เชียนล่ะก็อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็คงจะไม่ให้อภัยตัวเองเช่นนี้ นั่นก็เพราะว่าสาเหตุหลักที่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่จัดการกับความผิดพลาดของเซอร์เก้วิชพุชกินเพราะว่าเซอร์เก้วิชพุชกินบอกว่าเย่เชียนนั้นเป็นเพื่อนของเขาและสามารถพูดคุยเรื่องความร่วมมือต่างๆ ได้
อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟในฐานะผู้ประกอบการด้านการนำเข้าและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียก็ให้ความสนใจในพื้นที่ทวีปตะวันออกกลางมาตั้งแต่เนิ่นๆ อยู่แล้วแต่สิ่งที่ช่วยไม่ได้ก็คือผู้คนที่นั่นไม่ชอบเขามากนักและไม่เคยมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือจากคนที่นั่นเลย ซึ่งครั้งนี้เป็นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่นำโดยเย่เชียนที่สถานะที่สำคัญและน่าเชื่อถือมากในกลุ่มของคนใรทวีปตะวันออกกลาง ซึ่งถ้าหากเป็นเย่เชียนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะก็อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆ จะสามารถเจรจาได้อย่างราบรื่นอย่างมาก
ในฐานะนักธุรกิจอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟสามารถมองเห็นผลกำไรมหาศาลที่มีอยู่ในสิ่งนี้ได้โดยธรรมชาติดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจความผิดพลาดของเซอร์เก้วิชพุชกินเลย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้วเย่เชียนก็เอามีดคลื่นโลหิตหมาป่าออกมาจากเสื้อของเขาและเริ่มควงเล่น ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกแปลกๆ เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาสัมผัสมันนั้นเขาจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฟันในจิตใจของเขา แต่ครั้งนี้มันกลับเป็นความเงียบสงบ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่สามารถหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์ของเขาที่วัดหลิงหลงที่ดินแดนภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนหรือเปล่า
ซึ่งในคืนแรกเย่เชียนก็มีสายโทรศัพท์เข้าตลอดทั้งคืนและต่อมาเย่เชียนก็ต้องถอดสายโทรศัพท์ตั้งโต๊ะของห้องพักของโรงแรมออก อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเคาะอย่างรุนแรง ปรากฏว่าพวกเธอทั้งหมดเป็นหญิงสาวที่มาขายบริการทางเพศจนทำให้เย่เชียนรู้สึกหมดหนทางและหดหู่ใจอย่างมาก
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นดวงตาของเย่เชียนก็บวมอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากการนอนไม่หลับและเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะหลังจากที่เย่เชียนอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ดังนั้นเย่เชียนจึงเดินไปเปิดประตูและปรากฏว่าเป็นหลินเฟิงที่มาหา ด้วยรอยยิ้มทั้งสองก็ทักทายกันเฉกเช่นพี่น้อง
หลินเฟิงมองไปที่ดวงตาที่พองโตของเย่เชียนแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “น้องเย่..ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้นายจะนอนไม่ค่อยหลับสินะ..เอาเถอะมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้านายอยากจะลิ้มลองสาวยุโรปเมื่อมาที่นี่ครั้งแรก..แต่ก็นะรักษาสุขภาพด้วย..หักโหมแบบนี้ระวังจะป่วยเอานะ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างหดหู่และพูดว่า “อย่าพูดถึงมันเลย..เมื่อคืนที่ผมไม่ได้นอนก็เพราะว่าพวกเธอเคาะประตูกันทั้งคืนเลยน่ะสิ”
สำนักงานใหญ่หรือฐานทัพขององค์กรเซเว่นคิลนั้นตั้งอยู่ระหว่างชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและประเทศรัสเซีย ดังนั้นแน่นอนว่าหลินเฟิงก็ต้องรู้เกี่ยวกับประเทศรัสเซียเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามหลินเฟิงก็เป็นคนที่มีทักษะรอบด้านสูง แต่สำหรับเย่เชียนแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกดังนั้นเขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แล้วนายได้ติดต่อไปหาเซอร์เก้วิชพุชกินหรือยัง..เขาจะพานายไปพบอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเมื่อไหร่? ” หลินเฟิงถาม
“รอที่นี่ก่อน..เดี๋ยวเขาจะมารับเรา” เย่เชียนพูด “เข้ามานั่งก่อนสิ..ยังไม่ได้กินอะไรเลยหรอ..เดี๋ยวผมจะโทรสั่งทางโรงแรมให้”
หลินเฟิงก็เข้ามาและนั่งลง ส่วนเย่เชียนก็โทรไปหาพนักงานบริการและสั่งให้พวกเขาจัดเตรียมชุดอาหารเช้ามายังห้องที่เขาพัก
เมื่อทั้งสองทานอาหารกันเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้วแต่ทว่าเซอร์เก้วิชพุชกินก็ยังไม่มา ซึ่งเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเมื่อเขากำลังจะโทรไปจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
.
.
.
.
.
.
.