ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 464 โปดันโนว่า
ตอนที่ 464 โปดันโนว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ!” เย่เชียนก็ยื่นมือออกไปและจับมือกับคูลอฟส์อังเดรและพูด
“ผมชื่นชอบทักษะการต่อสู้ของประเทศจีนมาโดยตลอด..การต่อสู้ของมิสเตอร์หลงเมื่อครู่นี้ยอดเยี่ยมมาก..มิสเตอร์หลงสนใจมาทำงานให้ผมในอนาคตหรือเปล่า?” คูลอฟส์อังเดรพูด เพราะเขาต้องการคนอย่างเย่เชียนที่มีความสามารถเช่นนี้ไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่ในวงการใต้ดินเช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงมักจะหาเบี้ยและให้ผลประโยชน์กับคนคนนั้นแล้วใช้ให้ทำสิ่งต่างๆ อย่างหนักหน่วงเพื่อตัวของเขาเองในอนาคต
“มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรก็ชื่นชมผมมากเกินไป..ผมก็แค่อยากลองสู้ดูเท่านั้นผมไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อสู้ต่ออีก” เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูด ถึงแม้ว่ามันจะสามารถทำเงินในการแข่งขันประเภทนี้ได้ง่ายก็ตามแต่ก็มีคนที่ถูกปฏิบัติเหมือนกับเขาเป็นลิง ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้คิดที่จะสู้ต่อและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ไม่ได้หวังเงินเช่นกัน
คูลอฟส์อังเดรก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและหลังจากนั้นเขาก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้โดยบอกว่า “เนื่องจากมิสเตอร์หลงไม่เต็มใจงั้นผมก็จะไม่บังคับก็แล้วหัน..แต่เมื่อไหร่ที่คุณสนใจคุณก็สามารถโทรมาหาผมโดยตรงได้เลย..ผมรับรองได้เลยว่าถ้ามิสเตอร์หลงมาเป็นนักสู้ใต้ดินล่ะก็คุณจะเป็นราชาแห่งการแข่งขันการต่อสู้ใต้ดินอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณครับ..ถ้าผมมีโอกาสผมจะติดต่อไปหาคุณ!” เย่เชียนยิ้มแล้วพูดว่า “มิสเตอร์คูลอฟส์มีอะไรอีกหรือเปล่า? ..ถ้าไม่มีผมขอตัวก่อนนะครับ
“เอ่อไม่มีแล้ว..เชิญครับ!” คูลอฟส์อังเดรพูดด้วยความงุนงง ซึ่งคูลอฟส์อังเดรคนนี้เป็นดั่งเครื่องจักรที่สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ดังนั้นแน่นอนว่าคูลอฟส์อังเดรจะไม่เต็มใจที่จะปล่อยช่องทางการหาเงินเช่นนี้ไปง่ายๆ เป็นแน่และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาสามารถดึงเย่เชียนมาเป็นเบี้ยได้ล่ะก็เขาจะได้รับประโยชน์มากมายในอนาคต อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวลเพราะคูลอฟส์อังเดรรู้วิธีควบคุมผู้คนดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะล้มเลิกความพยายามไปอย่างง่ายดาย
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และเดินออกไปพร้อมกับหลินเฟิงและเมื่อเขาเดินไปที่ด้านข้างของโปดันโนว่าแล้วเย่เชียนก็เหลือบมองเธอซึ่งจากการมองใกล้ๆ นั้นผู้หญิงคนนี้ก็ดูมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผิวของเธอนั้นไม่ได้เหมือนผู้หญิงชาวตะวันตกที่หลายๆ คนจะมีผิวที่ด่างแต่เธอดูราวกับเป็นผู้หญิงตะวันออกที่ดูบอบบางและอ่อนโยน
หลังจากที่เย่เชียนเดินจากไปโปดันโนว่าก็กล่าวคำลากับคูลอฟส์อังเดรจากนั้นก็ออกจากเวทีการประลองใต้ดินไป ซึ่งเมื่อเธอออกจากประตูมาแล้วเธอก็พบว่าเย่เชียนและหลินเฟิงยังไม่ได้กลับไปเธอจึงตกตะลึงเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสองคนนี้กำลังรอเธออยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นโปดันโนว่าก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา
ผู้หญิงอายุมากกว่าสามสิบปีคนนี้ไม่เพียงแค่ไม่แก่ตามอายุเท่านั้นแต่ยังมีเสน่ห์ที่เป็นผู้ใหญ่ให้กับเธออย่างมาก เธอสวมชุดรัดรูปสีดำลายลูกไม้ที่แนบร่างอันลึกลับของเธอและถุงน่องสีดำส่วนล่างซึ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความเซ็กซี่ที่ดูพิเศษอย่างมาก
แต่เดิมนั้นสีดำเป็นสีที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเป็นสีที่สามารถทำให้ผู้คนเกิดจินตนาการและตอนนี้มันได้สวมเอาไว้บนร่างกายของเธอซึ่งดูเหมือนว่าจะแสดงเสน่ห์จากสีดำมากขึ้นอย่างมาก
โปดันโนว่านั้นเกิดในครอบครัวที่ยากจนอย่างมากซึ่งแม่ของเธอไปแต่งงานใหม่เธอจึงถูกเลือกปฏิบัติที่บ้านตั้งแต่เธอยังเด็ก และแม่ของเธอก็ต้องทนอยู่เงียบๆ เพื่อรักษาชีวิตหลังแต่งงานและครอบครัวที่ยากจนเอาไว้ ซึ่งผลการเรียนรู้จากประสบการณ์ของโปดันโนว่านั้นก็อยู่ในระดับที่ดีมากและเธอก็มีพรสวรรค์ในการวาดภาพและดนตรีมาตั้งแต่ยังเด็กและต่อมาเธอก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมอสโก อย่างไรก็ตามครอบครัวก็ไม่เห็นด้วยอย่างมากกับการที่เธอไปเรียนต่อและเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยทุกรูปแบบโดยบอกว่าเธอเป็นลูกเป็ดขี้เหร่และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนกฟีนิกซ์ได้และถึงแม้ว่าเธอจะเข้าโรงเรียนศิลปะก็ตามแต่เธอก็ไม่สามารถเป็นศิลปินนักวาดภาพและจิตรกรได้
ทั้งหมดนี้โปดันโนว่าก็ทนอยู่เงียบๆ มาโดยตลอดและแม่ของเธอก็แอบเตรียมค่าเล่าเรียนและส่งเธอไปโรงเรียนศิลปะอยู่เรื่อยมา หลังจากได้เข้าเรียนเธอก็ตั้งใจเรียนอย่างหนักหน่วงโดยหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะมีชื่อเสียงและโด่งดังและสามารถพาแม่ของเธอกลับไปจากครอบครัวที่แสนสกปรกเช่นนั้นได้
เพราะการที่เธอสวยมากและหุ่นดีมากจึงไม่รู้ว่ามีครูบาอาจารย์และนักเรียนกี่คนที่คอยตามจีบเธอในโรงเรียนและแม้แต่อาจารย์ผู้สอนบางคนก็แอบเอาเปรียบเธอด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ อย่างไรก็ตามเธอก็ยืนยันที่จะไปเรียนมาโดยตลอดและใช้เวลาว่างในการทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เสริม อย่างไรก็ตามบางครั้งจะมีรุ่นพี่ในโรงเรียนขับรถ BMW มาโรงเรียนเธอก็อิจฉามากและเธอก็รู้ดีว่าคนที่เป็นรุ่นพี่เหล่านั้นล้วนได้รับการดูแลจากครอบครัวที่ดีแต่ถึงแม้ว่าเธอจะอิจฉา แต่เธอก็ยังยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะไม่แสวงหาสิ่งเหล่านั้นเพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอต้องการเช่นนั้นก็จะมีคนมากมายให้การสนับสนุนเธออย่างแน่นอน
หลังจากเรียนจบโปดันโนว่าก็เริ่มยุ่งอยู่กับการหางานแต่ก็โดนกำแพงกั้นเอาไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและไม่ใช่ว่าเธอขาดประสบการณ์ในการทำงานและหรือไม่มีความเป็นมืออาชีพแต่เป็นเพราะการที่หัวหน้างานของเธอมีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอดังนั้นเธอจึงทำงานในที่ต่างๆ ได้ไม่นาน
ต่อมาโปดันโนว่าได้งานเป็นนักออกแบบศิลปะในบริษัทโฆษณาและเนื่องจากความสามารถในการวาดภาพของเธอนั้นเธอจึงได้รับความนิยมอย่างมากในบริษัทแต่ทว่าครั้งหนึ่งหัวหน้าได้เรียกเธอเข้าไปในห้องทำงานและหลอกเธอในห้องทำงานซึ่งหัวหน้างานของเธอนั้นอายุห้าสิบกว่าปีแต่ถึงยังไงเธอก็ยังไม่สามารถต้านทานผู้สูงอายุเช่นนั้นได้อยู่ดี
หลังจากเรื่องจบลงโปดันโนว่าก็โกรธเกรี้ยวและทำการแจ้งความฟ้องร้องเขาและจับเขาเข้าคุก แต่ทว่าหัวหน้างานกลับหยิ่งผยองโดยบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับคนใหญ่คนโตในเมืองมอสโกมีมากแค่ไหนและมีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนเป็นเพื่อนและญาติของเขา จากนั้นเขาก็โยนเงินจำนวนหนึ่งให้กับโปดันโนว่าโดยบอกว่าถ้าเธอยอมเป็นคนรักของเขาเธอก็จะไม่ตกงาน ไม่นั้นโปดันโนว่าก็ไม่สามารถอยู่ในเมืองมอสโกอีกต่อไปได้
โปดันโนว่าก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับตัวตนของหัวหน้าของเธอซึ่งสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงและถึงแม้ว่าเธอจะทำทุกอย่างก็ตามแต่ถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถฟ้องร้องเขาได้เลย โปดันโนว่าก็ทำได้เพียงแค่โกรธเกรี้ยวและกระแทกประตูและเดินจากไป แต่หลังจากออกไปเธอก็หยุดชั่วขณะและหันหลังกลับมาแล้วไปหยิบเงินที่พื้นขึ้นมา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความคิดของโปดันโนว่าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความบริสุทธิ์ทางเพศก็เป็นได้แค่เรื่องไร้สาระและทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะมีเงินและอำนาจ อย่างไรก็ตามโปดันโนว่าก็ไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงของหัวหน้างานเพราะหลังจากออกจากบริษัทมาแล้วเธอก็หาคนรักคนใหม่และทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินต่อไป อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพราะเธอต้องการเก็บเงินเอาไว้ให้ได้หลายแสนดอลลาร์จากนั้นเธอก็หันมาเล่นตลาดหุ้นแทนน
ในเวลาเพียงแค่ปีเดียวโปดันโนว่าก็คว้าเงินมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์จากชายคนนี้ ต่อมาโปดันโนว่าก็ได้ออกมาจากชายคนนี้และเริ่มธุรกิจของเธอเอง อย่างไรก็ตามเธอก็ถูกหุ้นส่วนโกงเงินโดยสิ้นเชิงและเมื่อไม่มีอะไรเหลือเธอก็กลับมาทำธุรกิจการหลอกล่อผู้ชายของเธอต่อและเธอก็ยังคงหาเงินจากผู้ชายหลายๆ คนเพราะเธอรู้สึกชาไปทั้งร่างกายและหัวใจไปหมดแล้วและทั้งหมดที่เธอต้องการก็คือเงินเท่านั้น
ต่อมาในที่สุดเธอก็เปิดบริษัทของเธอเองและหลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ทำการซื้อบริษัทของเธอและกลายเป็นหัวหน้าของเธอ ซึ่งอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเองก็ไว้ใจเธอมากและเพียงไม่กี่ปีเธอก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เกือบเท่ากับสุนัขรับใช้อย่างเซอร์เก้วิชพุชกินและเธอก็กลายเป็นแขนเป็นขาของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
ในที่สุดอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็สามารถนั่งอยู่ในรถ BMW และหัวเราะได้อย่างสบายใจ
ความยากลำบากในเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ในประโยคเดียว อย่างไรก็ตามอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ประสบความสำเร็จและเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่สามารถถูกใครรังแกได้อีกต่อไปและตอนนี้ไม่ว่าเธอจะไปไหนก็ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายหรือทำให้เธอขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อยและไม่มีใครรู้อดีตของเธอมาก่อนเลย
ประวัติศาสตร์เป็นเช่นนี้ถูกเขียนโดยคนที่ประสบความสำเร็จและตราบใดที่ผู้คนเห็นความรุ่งโรจน์ในปัจจุบันของคนคนนั้นพวกเขาก็จะไม่สนใจเกี่ยวกับความเลวร้ายและความล้มเหลวก่อนหน้านี้ของคนคนนั้นเลย หลังจากนั้นมาหัวหน้าของเธอในอดีตก็เสียชีวิตไปอย่างน่าอนาถและครอบครัวที่ทำร้ายเธอและแม่ของเธอเมื่อเธอยังเด็กนั้นต่างก็เสียชีวิตกันไปอย่างอนาถเช่นกัน
โปดันโนว่านั้นได้ประสบความสำเร็จจนตอนนี้เธอเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้วและเธอก็สามารถดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้อย่างหยิ่งผยองแล้ว
เมื่อเทียบกับเซอร์เก้วิชพุชกินแล้วประวัติความสำเร็จของโปดันโนว่านั้นซับซ้อนและยุ่งยากกว่ามาก ซึ่งเธอเป็นผู้หญิงที่ยากลำบากมากเหมือนดั่งเหล็กในของตัวต่อที่เป็นพิษต่อหัวใจของผู้หญิงที่เจ็บปวดรวดร้าวอย่างมาก
ในขณะนี้โปดันโนว่าก็เดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉายานามราชาหมาป่าเย่เชียนสมควรได้รับการยกย่องอย่างมาก..ตอนที่คุณฆ่าราชาสังเวียนน่ะน่าชื่นชมจริงๆ ..ฉันชื่นชมคุณมานานแล้ว..ช่างเป็นโชคของฉันจริงๆ” โปดันโนว่าก็ยื่นมือออกไปขณะที่เธอพูด ซึ่งเธอพูดภาษาจีนได้คล่องมากและยังดีกว่าที่คนจีนแท้ๆ หลายคนเลยด้วยซ้ำ
เย่เชียนก็ยิ้มกลับและจับมือกับโปดันโนว่าแล้วพูดว่า “ผมเองก็ได้ยินเรื่องของมิสโปดันโนว่ามานานแล้วเหมือนกัน..ขอบคุณของขวัญจากมิสโปดันโนว่าเมื่อเช้านี้..ผมเกือบจะไปเยือนยมโลกแล้ว!” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ดึงมือของเธอออกทันทีแต่ไม่รู้ว่าโปดันโนว่าจงใจหรือตั้งใจเพราะเธอกลับใช้นิ้วของเธอบีบฝ่ามือของเย่เชียนเอาไว้จนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะมองเธออย่างตกตะลึงแต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนกลับยิ้มอย่างคลุมเครือให้เธอ
นี่คือการยั่วยวน? เย่เชียนคิดด้วยรอยยิ้มในใจ อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ที่พิเศษมากและถ้าหากสมาธิของเย่เชียนไม่มากพอล่ะก็เกรงว่าเย่เชียนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนางฟ้าซ่งหลันเลยเพราะถ้าหากไม่ใช่การที่เธอมักจะแกล้งเย่เชียนด้วยวิธีต่างๆ เป็นมานานละก็เย่เชียนก็คงจะไม่สามารถมีสมาธิที่ดีได้เช่นนี้เป็นแน่
โปดันโนว่าก็ไม่รู้สึกวิตกกังวลใดๆ เธอเพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันคิดว่ามิสเตอร์เย่คงเข้าใจผิด..ฉันเพิ่งจะส่งลูกน้องของฉันไปเชิญมิสเตอร์เย่มาเมื่อเช้านี้..มันต้องเป็นเพราะลูกน้องของฉันปฏิบัติไม่ดีและเข้าใจผิดว่าฉันหมายถึงอะไร..ฉันหวังว่ามิสเตอร์เย่จะไม่โกรธเคืองนะ”
.
.
.
.
.
.
.