ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 465 เชื้อรา
ตอนที่ 465 เชื้อรา
“หืม? ..คุณจะบอกว่าสื่อสารกันผิดพลาดอย่างงั้นหรอ?” เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาเถอะ..ถึงยังไงเรื่องนี้ก็จบลงแล้วและผมก็ส่งพวกเขาไปที่หน้าประตูยมโลกแล้ว”
“ช่างมันเถอะ..ถึงมิสเตอร์เย่ไม่ทำฉันก็จะทำแบบนั้น” โปดันโนว่าพูดเบาๆ ราวกับว่าในใจเธอชีวิตของลูกน้องเหล่านั้นไม่สำคัญกับเธอเลย
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะอย่างลับๆ โดยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีพิษ “ถ้างั้น..มิสโปดันโนว่ามาหาผมทำไม?” เย่เชียนถาม
โปดันโนว่าก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และพูดว่า “ไม่สะดวกที่จะคุยที่นี่..ถ้ามิสเตอร์เย่ไม่รังเกียจทำไมเราไม่ไปหาที่นั่งคุยด้วยกันซะล่ะ”
“ถ้าเป็นผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณผมก็ยินดี!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
โปดันโนว่าก็หันหน้าและมองไปที่หลินเฟิงข้างๆ เย่เชียนแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าสุภาพบุรุษท่านนี้คือใคร?”
“หลินเฟิง!” หลินเฟิงพูดเบาๆ ฉายานามของหลินเฟิงนั้นไม่ดังเท่าของเย่เชียนเพราะท้ายที่สุดแล้วเซเว่นคิลก็เป็นองค์กรที่ซ่อนเร้นและลึกลับมากและยิ่งไปกว่านั้นหลินเฟิงเองก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนออกมาเลยและมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลคือหลินเฟิง ดังนั้นโปดันโนว่าจึงไม่แปลกใจใดๆ เมื่อเธอได้ยินชื่อของหลินเฟิง
โปดันโนว่าก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์หลินก็เป็นสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าเหมือนกันหรอ? ”
หลินเฟิงก็ยิ้มเบาๆ และไม่ได้ตอบอะไรใดๆ ซึ่งการแสดงออกนี้นั้นทำให้โปดันโนว่าไม่แน่ใจว่าเธอคิดถูกหรือไม่ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเพราะเธอสนใจแค่เย่เชียนในตอนนี้และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเย่เชียนมาอยู่ข้างเธอให้ได้และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินก็ยืนอยู่ในฐานะเพื่อนของเย่เชียน ซึ่งถ้าหากเธอสามารถร่วมมือกับเย่เชียนได้ล่ะก็การจัดการกับเซอร์เก้วิชพุชกินก็จะง่ายดายอย่างมาก
เมื่อพูดถึงความทะเยอทะยานนั้นดูเหมือนว่าเซอร์เก้วิชพุชกินจะไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของโปดันโนว่าเลยด้วยซ้ำ ซึ่งถึงแม้ว่าความทะเยอทะยานของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นจะยอดเยี่ยมมากก็ตามแต่เขาก็แค่พยายามที่จะเป็นผู้ชนะเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับโปดันโนว่าที่เป้าหมายของเธอมีมากกว่านั้น
ตั้งแต่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟซื้อกิจการและบริษัทของเธอไปนั้นความจริงแล้สเธอก็ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะมอบธุรกิจทั้งหมดให้กับเธอและมาเฟียในประเทศรัสเซียก็ตาม แต่ถึงยังไงอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ยังคงเกลียดเขาอยู่ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่ความเกลียดชังที่เธอถูกซื้อทุกสิ่งทุกอย่างไปเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความเกลียดชังที่ถูกทำร้ายโดยอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟด้วย
ถึงแม้ว่าหลายคนในโลกภายนอกจะรู้กันว่าโปดันโนว่าเป็นมือขวาของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ตามแต่ภายในเกือบจะทุกคนนั้นต่างก็รู้ดีว่าโปดันโนว่าเกลียดอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจริงๆ เพราะในความเป็นจริงธุรกิจและบริษัทก่อนหน้านี้ของโปดันโนว่านั้นมีมูลค่าไม่มากนักหากเทียบกับธุรกิจปัจจุบันอุตสาหกรรมก่อนหน้านี้ไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนประเภทที่ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และเธอก็ต้องการที่จะเอาคืนทุกสิ่งที่เธอสูญเสียไปและความร้าวฉานทั้งหมดที่เธอได้รับมา ซึ่งนี่ก็คือเป้าหมายที่แท้จริงของโปดันโนว่านั้นเอง
เป็นเพราะเหตุนี้เมื่อโปดันโนว่ารู้ว่าเซอร์เก้วิชพุชกินต้องการแนะนำเย่เชียนให้กับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเช่นนั้นเธอจึงคิดที่จะฆ่าเย่เชียนก่อน ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอรับผิดชอบการติดต่อกับเหล่ามาเฟียในประเทศรัสเซียอยู่เสมอดังนั้นเธอจึงมีความรู้เกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามากและเธอก็รู้ว่าเขี้ยวหมาป่านั้นมีสถานะที่ดีในทวีปตะวันออกกลาง ดังนั้นเมื่อไหร่ที่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟและเย่เชียนบรรลุความร่วมมือกันล่ะก็มันจะทำให้สิ่งต่างๆ เริ่มห่างจากเป้าหมายของเธอไปมากขึ้นและไกลออกไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าเธอรู้นิสัยและวีรกรรมของเย่เชียนมาพอสมควรแต่เธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไปเป็นเพียงการจัดฉาก แต่เย่เชียนก็ไม่ได้ฆ่าเธอซึ่งทำให้โปดูโนว่าเชื่อว่าการที่เธอจะสามารถร่วมมือกับเย่เชียนนั้นมันมีความเป็นไปได้
ที่จริงแล้วเย่เชียนเองก็รู้ดีเช่นกันว่าถึงแม้ว่าเขาจะได้ร่วมมือกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟผู้ประกอบการน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซียก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นได้แค่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านน้ำมันดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเย่เชียนเลย แต่ทว่าเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นถึงทหารรับจ้างระดับโลกดังนั้นหากอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟต้องการทำสิ่งต่างๆ ในประเทศรัสเซียล่ะก็สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือการสร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือที่เท่าเทียมกันด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นล่ะก็เขี้ยวหมาป่าก็จะได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังอย่างยิ่ง
หลังจากได้ยินข้อมูลพื้นฐานของโปดันโนว่าจากหลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่ทะเยอทะยานและฉลาดแต่ก็โหดร้ายเช่นกัน ซึ่งถึงแม้ว่าการร่วมมือกับบุคคลดังกล่าวจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงแต่ก็เป็นสิ่งที่ชาญฉลาดอย่างมาก ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะร่วมมือกันในระยะยาวแต่อย่างใดเพราะนี่เป็นเพียงแค่ความร่วมมือในผลประโยชน์เท่านั้น
ส่วนเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเย่เชียนมักจะรู้สึกว่าเขาขาดอะไรบางอย่างไปซึ่งมันเป็นความทะเยอทะยานของคนตัวเล็กๆ ที่มีอุดมคติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการเป็นผู้สุนัขรับใช้ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งคนแบบนี้แม้จะทำอะไรใหญ่โตสำเร็จก็ตามถึงยังไงก็เป็นได้แค่สุนัขเท่านั้น
เพื่อการพัฒนาพลังและอำนาจของเขี้ยวหมาป่าให้ถึงจุดสูงสุดในประเทศรัสเซียนั้นการที่ได้ร่วมมือกันกับโปดันโนว่าคือวิธีที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผู้หญิงคนนี้รับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับมาเฟียในประเทศรัสเซียมาโดยตลอดดังนั้นถึงแม้ว่าเขี้ยวหมาป่าจะเป็นองค์กรทหารรับจ้างก็ตามแต่ถ้าพูดอย่างจริงจังนั้นก็ยังคงเป็นองค์กรที่ไม่ต่างกับการมีอยู่ของมาเฟียเลย ซึ่งมันจะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างก็ต้องตัดสินใจกันหลังจากได้พบกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแล้วเท่านั้นเพราะไม่เคยทำอะไรเพื่อแขวนคอตัวเองบนต้นไม้เพราะมันจะไม่คุ้มค่าอะไรเลย
เนื่องจากหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรเลยโปดูโนว่าจึงไม่ถนัดที่จะถามคำถามใดๆ อีกและดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนสำคัญหรือไม่ หลังพัวพันกับเหล่ามาเฟียมานานหลายปีนั้นโปดันโนว่าก็รู้เรื่องโลกใต้ดินหลายๆ เรื่องๆ ซึ่งมันก็มีอยู่หลายเรื่องที่ควรถามและไม่ควรถามแต่เมื่อคนอื่นอยากจะพูดเราก็ถามได้ตามธรรมชาติเช่นนั้น
หลังจากหยุดไปชั่วขณะโปดันโนว่าก็พูดว่า “ถ้ามิสเตอร์เย่ไม่รังเกียจก็ไปที่บ้านของฉันสิ”
“ไปบ้านคุณ?” เย่เชียนแสร้งทำเป็นแปลกใจจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “สามีของมิสโปดูโนว่าคงจะไม่หึงหวงหรอกใช่มั้ย? ”
“ฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย..มิสเตอร์เย่สบายใจได้และยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นก็ค่อนข้างห่างไกลจึงทำให้มีคนพลุกพล่านไม่มากนัก” โปดันโนว่าพูดด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครืออย่างมาก
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และในใจก็แอบคิดว่านี่หมายความว่าอย่างไร? เธอกำลังยั่วยวน? เมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่โปดันโนว่าเคยทำมาก่อนนั้นเย่เชียนก็รู้สึกจริงๆ ว่ามันไม่แปลกที่เธอจะยั่วยวนเขา เพราะเหตุผลที่โปดันโนว่าสามารถบริหารบริษัทและสิ่งได้ดีในอดีตนั้นไม่เพียงเพราะเงินที่เธอขโมยมาจากผู้ชายเหล่านั้นแต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอสามารถใช้ร่างกายของเธอเพื่อหลอกล่อผู้คนอีกด้วย
ผู้หญิงคนนี้นั้นถึงจะงดงามเพียงใดแต่ก็มีพิษที่ร้ายแรงอย่างมาก ซึ่งไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงโดยไม่รู้ตัวแล้วมันก็ไม่คุ้มค่าใดๆ เพราะสำหรับผู้หญิงเช่นนี้นั้นคุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความสนใจและความร่วมมือและเรื่องหลับนอนได้โดยไม่ต้องคิดไม่ต้องกังวลอะไรมากมายเลย
โปดันโนว่าก็เชิญเย่เชียนและหลินเฟิงขึ้นรถของเธอจากนั้นเธอก็สั่งให้คนขับรถขับกลับไปยังบ้านของเธอ ซึ่งรถของเธอนั้นเป็นรถ Rolls Royce สุดหรูที่นั่งสบายอย่างมาก
หลินเฟิงก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างมีสติและมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา ซึ่งเรื่องต่างๆ ระหว่างเย่เชียนกับโปดันโนว่านั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรใดๆ ซึ่งในขณะนี้โปดันโนว่าก็ดึงมือของเย่เชียนไปจนทำให้แขนของเย่เชียนสัมผัสกับหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอเป็นครั้งคราวจนดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เหมือนจะมีเจตนาทำเช่นนั้นอยู่แล้วด้วย ในบางครั้งเธอก็พูดเบาๆ กับเย่เชียนและคำพูดต่างๆ ก็ดูคลุมเครืออย่างยิ่งเพราะสิ่งที่เธอพูดออกมานั้นดูเหมือนจะพูดไม่ชัดเจนสักอย่างและเหมือนจะหยอกล้ออยู่เล็กน้อย
เย่เชียนก็ไม่ได้หยิ่งผยองจนเกินไปเพราะเขาแสร้งทำเป็นสับสนและบางครั้งและตอบเธอเป็นครั้งคราวซึ่งถือได้ว่าเป็นการตอบสนองเธอ ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นความเจ็บป่วยทางจิตที่ซ่งหลันมักจะกลั่นแกล้งเขาและเย่เชียนก็รู้สึกสูญเสียเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับโปดันโนว่าและในบางครั้งเมื่อพบปัญหาที่น่าอับอายเย่เชียนก็มักจะมองไปที่หลินเฟิงเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ทว่าหลินเฟิงนั้นก็แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เห็นอะไรเลยและไม่สนใจสิ่งต่างๆ โดยสิ้นเชิงจนทำให้เย่เชียนยิ้มอย่างขมขื่น
หลังจากการเดินทางนานกว่าหนึ่งชั่วโมงโปดันโนว่าก็รู้สึกว่าเธอก้าวข้ามความสำเร็จไปแล้วหนึ่งก้าวในการรับมือกับผู้ชาย ซึ่งโปดันโนว่าก็เชื่อว่าเธอมีความสามารถรอบด้านมากและในความคิดของเธอนั้นผู้ชายคนใดที่เธอได้มายากเธอก็จะให้ความสำคัญอย่างมากแต่ถ้าหากผู้ชายคนใดได้มาง่ายๆ เธอก็จะไม่แยแสเลย ดังนั้นทุกๆ ครั้งที่โปดันโนว่าจัดการกับผู้ชายเธอจึงมีความรู้สึกที่ดีบางครั้งก็จริงจังและบางครั้งก็อ่อนข้อจนผู้ชายไม่สามารถเข้าใจความหมายของเธอได้เลยและในที่สุดทุกคนก็ตกหลุมพรางของเธออย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อมาถึงด้านนอกของบ้านโปดันโนว่าก็ปล่อยมือและเชิญเย่เชียนกับหลินเฟิงออกมาจากรถอย่างสุภาพ จากนั้นก็พาพวกเขาเข้าไปข้างในบ้านของเธอ ซึ่งในที่สุดเย่เชียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะถ้าหากหากโปดันโนว่าอยู่ใกล้ๆ เขาเหมือนเมื่อครู่นี้เย่เชียนก็จะทนไม่ได้และตอนนี้เย่เชียนก็รู้สึกสบายใจและเป็นอิสระอย่างมาก
หลินเฟิงก็โน้มเข้าไปข้างๆ หูของเย่เชียนพร้อมกับรอยยิ้มและกระซิบว่า “เธอเป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและยอดเยี่ยมมาก..ดูเหมือนว่าคืนนี้น้องเย่จะมีความสุขสินะ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผมเกรงว่ามันจะไม่ใช่ความสุขแต่เป็นความทุกข์น่ะสิ..นอกจากนี้ผมก็เดาว่าเธอคงจะเป็นเชื้อรามาตั้งนานแล้ว..ผมไม่สนใจหรอก”
“เชื้อรา?” หลินเฟิงก็ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะและหลังจากที่เขาเข้าใจได้แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
.
.
.
.
.
.
.