ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 466 การแสดง
ตอนที่ 466 การแสดง
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่..คุณคงไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับฉันหรอกใช่ไหม?” โปดันโนว่าหันกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ๆ ..เรากำลังคุยกันว่าถ้ามิสโปดันโนว่าไปประกวดนางงามล่ะก็คุณจะกลับมาในฐานะผู้ชนะอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างขบขัน
ผู้หญิงทุกคนชอบฟังคำพูดที่สวยงามไม่ว่าพวกเธอจะฉลาดและเย่อหยิ่งแค่ไหนก็ตาม ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นโปดันโนว่าก็ยิ้มและพูดว่า “มิสเตอร์เย่พูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ใช่..ผมพูดแบบนั้นจริงๆ” เย่เชียนพูด
“แล้วที่คุณพูดว่าเชื้อราล่ะ..เชื้อราคืออะไร?” โปดันโนว่าถามอย่างสงสัย ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วก็ตามแต่เธอก็ไม่รู้ภาษาจีนอย่างเจาะลึกมากนัก
หลินเฟิงก็กลั้นยิ้มเอาไว้และหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “เชื้อราเป็นพืชชนิดหนึ่งของจีนซึ่งเติบโตบนต้นไม้และสามารถนำมาทำอาหารได้..และพี่หลินเฟิงก็ชอบเชื้อรามาก”
“หืม…” หลินเฟิงเกือบจะเข่าทรุดลงกับพื้นเพราะเขายังบริสุทธิ์อยู่ดังนั้นเขาจึงชอบยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
“อ๋อ!” โปดันโนว่าก็พยักหน้าด้วยความไม่เข้าใจและหลังจากป้อนรหัสผ่านของประตูบ้านแล้วมันก็เปิดออกอย่างช้าๆ และเธอก็พูดว่า “มิสเตอร์เย่..มิสเตอร์หลินเชิญค่ะ! ”
การตกแต่งภายในบ้านนั้นหรูหรามากราวกับเดินเข้าไปในพระราชวังจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างมีความสุขเพราะเมื่อไหร่ที่เขาได้ซื้อเกาะด้วยตัวเองเขาก็จะสร้างวังเช่นนี้ขึ้นมาดั่งจักรพรรดิ
โปดันโนว่าก็เชิญเย่เชียนและหลินเฟิงให้นั่งลงบนโซฟาจากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามพวกเขาจากนั้นถามว่า “พวกคุณอยากดื่มอะไรไหม?”
“ขอชา! ” เย่เชียนและหลินเฟิงพูดพร้อมกัน ทั้งสองหันมามองหน้ากันและยิ้มจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “มาดื่มชากันเถอะ”
“คุณทั้งสองคงชอบชามากเลยสินะ..ถ้างั้นฉันขอแนะนำชาเหมาเฟิงจากประเทศจีน..ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นชาที่มีชื่อเสียงของจีน” โปดันโนว่าพูดและโบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไปด้วยความเคารพและรีบนำชาทั้งสามถ้วยออกมาเสิร์ฟ
เย่เชียนก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบเล็กน้อยแล้วพูดว่า “มิสโปดูโนว่าบ้านหลังนี้ตกแต่งได้สวยจริงๆ ..คุณตกแต่งเองเลยใช่ไหม?”
“ฉันออกแบบเลย์เอาต์เองทั้งหมดเลย..มิสเตอร์เย่คิดว่าไงบ้าง” โปดูโนว่าพูด
“ดีมากครับบรรยากาศเหมือนบ้านที่อบอุ่นและสบายหรูหราและสง่างามไปพร้อมๆ กัน” เย่เชียนพูดอย่างมีหลักการแต่ทว่าจริงๆ แล้วเย่เชียนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการตกแต่งเลย
“แต่ที่นี่ยังขาดโฮสต์บาร์ชายและครอบครัวที่แท้จริง” โปดูโนว่าพูดด้วยความผิดหวังพร้อมกับแววตายั่วยวนของเธอดูเหมือนจะบอกถึงความเหงาและการสูญเสียของเธอและเธอมองไปที่เย่เชียนอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งเย่เชียนก็รู้ดีว่าเธอต้องการหลอกล่อตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “มิสโปดันโนว่าก็ถ่อมตัวเกินไปเพราะด้วยสถานะและรูปร่างหน้าตาของคุณน่ะ..ผมคิดว่าต้องมีผู้คนมากมายที่คอยติดตามคุณอยู่แล้ว”
“มิสเตอร์เย่ก็พูดเกินไป” โปดูโนว่าก็พูดด้วยยิ้มและหลับตาลง หลังจากหยุดไปชั่วขณะโปดันโนว่าก็พูดต่อ “ฉันได้ยินเซอร์เก้วิชพุชกินบอกว่ามิสเตอร์เย่เป็นเพื่อนกับเขาและคราวนี้คุณก็มามอสโกเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของเราใช่ไหม”
“ใช่” เย่เชียนตอบสั้นๆ โดยไม่ต้องอธิบายมากเกินไป
“เท่าที่ฉันรู้มามิสเตอร์เย่เป็นเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วทำไมคุณถึงคิดที่จะร่วมมือกับพวกเราล่ะ? ” โปดูโนว่าก็ยังคงถามต่อ
“หืม” เย่เชียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “เป็นเรื่องจริงที่ธุรกิจทหารรับจ้างไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำในตอนนี้และการเอาชีวิตและหัวไปเสี่ยงและถ้าไม่ระวังก็อาจจะตายได้ทุกเมื่อ..นอกจากนี้ผมเองก็ไม่สามารถทำธุรกิจนี้ไปได้ตลอดชีวิต..ดังนั้นผมจึงขอให้มิสเตอร์พุชกินช่วยคุยกับอเล็กซานเดอร์โซโลวิยอฟที่เป็นหัวหน้าเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจและการร่วมมือ”
“มิสเตอร์เย่เป็นคนตลกจริงๆ” โปดูโนว่าก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่ามิสเตอร์เย่เข้าใจถึงจุดประสงค์ของการร่วมมือนี้หรือเปล่า”
“พูดตามตรงผมก็ยังไม่แน่ใจเลย..อย่างไรก็ตามผมคิดว่ามิสเตอร์พุชกินคงจะไม่หลอกลวงผม..เพราะงั้นตอนนี้ผมมั่นใจแค่ 30% เท่านั้น” เย่เชียนพูด ซึ่งเย่เชียนก็ยังคงต้องระมัดระวังอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงอย่างโปดันโนว่าและเย่เชียนก็ต้องระวังคำพูดต่างๆ อย่างมาก อย่างไรก็ตามคำที่พูดออกไปนั้นก็ผสมกับความจริงบางอย่างอีกด้วยและเป็นการยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างความจริงและความเท็จ
“ฉันได้ยินมาว่ามิสเตอร์เย่และเซอร์เก้เก้วิชพุชกินเจอกันที่ประเทศจีนและพวกคุณก็ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ใช่ไหม” โปดันโนว่าถาม
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “มันก็ไม่มีอะไรมาก..การช่วยเพื่อนคือหน้าที่”
“ฉันชื่นชมสไตล์การปฏิบัติต่อเพื่อนของมิสเตอร์เย่มาก..ซึ่งการที่คุณปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะเพื่อนแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาปฏิบัติต่อคุณในฐานะเพื่อนเช่นกันหรือไม่น่ะสิ” โปดูโนว่าพูด
เย่เชียนแสร้งทำเป็นงงและถามว่า “คุณโปดูโนว่าหมายความว่าไงหรอ”
โปดันโนว่าก็ยิ้มแล้วจิบชาเบาๆ แล้ววางถ้วยชาลงจากนั้นก็หยิบซิการ์แบบเรียวยาวเข้าปากแล้วจุดไฟอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “มิสเตอร์เย่ฉันชอบคุยแบบตรงๆ เพราะงั้นมาคุยกันเถอะ..ที่จริงแล้วมิสเตอร์เย่น่ะรู้จักหัวหน้าของพวกเรามากน้อยแค่ไหน..แล้วมิสเตอร์โย่รู้เรื่องของเซอร์เก้วิชพุชกินมากแค่ไหน?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “คือ…คือ…”
เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เชียนแล้วโปดันโนว่าก็แอบยิ้ม เพราะหลายปีที่ผ่านไปในวงการเช่นนี้เธอได้เห็นผู้คนในทุกรูปร่างและทุกรูปแบบและทุกๆ นิสัย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอรู้ใจผู้ชายทุกคนและเธอก็รู้สึกว่าเย่เชียนไม่ใช่ทหารรับจ้างที่มีความเฉียบแหลมทางธุรกิจเมื่อต้องรับมือกับตัวเธอเอง เมื่อคิดเช่นนั้นเธอจะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเย่เชียนนั้นเกิดมาเพื่อเป็นนักล่าที่ล่าเหยื่อได้เก่งมากและแม้แต่สงครามการเจรจาเย่เชียนก็สามารถเอาชนะได้อย่างน่าประหลาดใจทุกครั้งนั่นเอง
“สมมติว่าถ้ามีอยู่สามกลุ่มสามฝ่ายภายใต้อำนาจของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟล่ะ..ซึ่งหนึ่งก็คือเซอร์เก้วิชพุชกิน..และอีกฝ่ายก็คือเหล่าสมาชิกในครอบครัวอเล็กซานเดอร์และสุดท้ายคือฝ่ายของฉันล่ะ? ..ถึงแม้ว่าทั้งสามฝ่ายดูเหมือนจะร่วมมือกันเป็นอย่างดีเช่นนั้นแต่ที่จริงแล้วทุกคนกลับมีสายตาอันชาญฉลาดและทุกๆ คนก็รู้อยู่แก่ใจว่าทั้งสามฝ่ายไม่เคยหยุดการต่อสู้กันเลย..และยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าของเรามักจะเปิดตาข้างเดียวเกี่ยวกับการต่อสู้ดังกล่าวและปิดตาข้างหนึ่งให้กับในสามฝ่ายนี้..ถึงแม้ว่าเซอร์เก้วิชพุชกินจะเป็นฝ่ายที่มีอำนาจมากที่สุดก็ตามแต่เนื่องจากความล้มเหลวในภารกิจในประเทศจีนในครั้งนี้ทำให้ความไว้วางใจจากเจ้านายของเราที่มีต่อเขาลดลงอย่างมากและพูดตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะมิสเตอร์เย่ที่เข้ามาในแง่ของความสัมพันธ์ล่ะก็เกรงว่าเซอร์เก้วิชพุชกินก็คงจะถูกขังเอาไว้ในโลงเย็นเสียแล้ว” โปดันโนว่าพูดอย่างช้า
เย่เชียนก็รู้เรื่องเหล่านี้แล้วเพราะถ้าหากเขาไม่มีข้อมูลนี้เย่เชียนก็คงจะเหมือนคนโง่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงแสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นมากโดยถามว่า “ทำไมกลุ่มที่มีอำนาจมากที่สุดภายในสามฝ่ายนี้ถึงไม่ใช่ของสมาชิกในครอบครัวของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแต่กลับเป็นเซอร์เก้วิชพุชกินล่ะ? ..มันเป็นไปได้ยังไง?”
“เซอร์เก้วิชพุชกินติดตามหัวหน้าของเรามาเป็นเวลานานดังนั้นหัวหน้าของเราจึงเชื่อใจเขามากและยิ่งไปกว่านั้นเซอร์เก้วิชพุชกินก็เก่งในการประจบสอพลอ..ดังนั้นเขาจึงยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากหัวหน้าของเราและมันเป็นความจริงที่ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ครอบครัวอเล็กซานเดอร์และฉันไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของเซอร์เก้วิชพุชกิน..ดังนั้นถ้ามิสเตอร์เย่ต้องการร่วมมือกับหัวหน้าของเราล่ะก็เขาจะเป็นคนเดียวที่ทำได้..แต่เกรงว่ามันอาจไม่เพียงพอ” โปดูโนว่าเริ่มพูดเรื่องต่างๆ มาทีละนิด ซึ่งเย่เชียนก็เป็นคนที่ฉลาดเขาจึงสามารถรู้ถึงความหมายของคำพูดของเธอและนั่นคือถ้าหากเย่เชียนต้องการร่วมมือกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟและพึ่งพาเซอร์เก้วิชพุชกินคนเดียวนั้นก็คงไม่เพียงพออละอย่างน้อยๆ ก็ต้องเลือกระหว่างโปดันโนว่าหรือครอบครัวอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั่นเอง
“มิสโปดูโนว่าหมายความว่ายังไงหรอ?” เย่เชียนถามด้วยความงุนงง
“ตรงๆ เลยก็แล้วกัน..ฉันอยากร่วมมือกับมิสเตอร์เย่! ..คุณคิดว่าไง? ” โปดูโนว่าพูดอย่างห้วนๆ
เย่เชียนก็แสร้งทำเป็นผงะไปชั่วขณะและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มิสโปดันโนว่าหมายความว่ายังไง? ..ถ้าผมร่วมมือกับหัวหน้าของคุณนั่นก็หมายความว่าผมต้องร่วมมือกับคุณด้วยหรอ..ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังจะสื่ออะไร”
“มิสเตอร์เย่เป็นคนฉลาดคุณก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรใช่ไหมล่ะ?” โปดันโนว่าพูด ซึ่งเธอเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรที่ในชัดเจนเกินเพราะเย่เชียนและเธอก็ยังไม่บรรลุข้อตกลงความร่วมมือดังนั้นหากเย่เชียนไม่เห็นด้วยล่ะก็มันจะไม่ก่อให้เกิดหายนะอย่างไม่รู้จบสำหรับตัวเธอเองอย่างแน่นอน
เย่เชียนหันไปมองหลินเฟิงและถามว่า “พี่รู้ไหมว่ามิสโปดูโนว่าเธอหมายถึงอะไร? ”
“อืม” หลินเฟิงพูด “ฉันคิดว่ามิสโปดันโนว่ากำลังหมายความว่าเราควรร่วมมือกับเธอเพื่อกำจัดเซอร์เก้วิชพุชกิน”
“หืม…” เย่เชียนสูดลมหายใจราวกับว่าเขารู้สึกประหลาดใจจริงๆ และหันกลับมามองโปดันโนว่าแล้วพูดว่า “ไม่! ..เพราะมิสเตอร์เซอร์เก้วิชพุชกินเป็นเพื่อนผม..และถ้าผมจัดการกับเขามันจะไม่ไปกระตุ้นความสงสัยของหัวหน้าของคุณเหรอ..คุณจะพูดอะไรเรื่องความร่วมมือกันแน่..ผมไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ”
.
.
.
.
.
.
.