ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 472 การเจรจาล้มเหลว
ตอนที่ 472 การเจรจาล้มเหลว
อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ยิ้มอย่างสบายใจราวกับได้พบกับเพื่อนคนสนิทและนี่ก็คือความจริงเพราะอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นไม่เคยไว้ใจใครเลยรวมไปถึงเซอร์เก้วิชพุชกินที่ภักดีต่อตนเองด้วย
อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นก็รู้อยู่แก่ใจเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ซับซ้อนและแผนการสมคบคิดของทั้งสามฝ่ายภายใต้อำนาจของเขา ซึ่งเหตุผลที่เขาแสร้งทำเป็นสับสนแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรและแกล้งทำเป็นไม่สนใจนั้นก็คือเขาซุ่มดูสถานการณ์ต่างๆ อยู่เพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ เพื่อรอโอกาสจัดการสิ่งต่างๆ ในวันหนึ่งและลดอำนาจและความหยิ่งผยองของสามฝ่ายหลักโดยสิ้นเชิง เพราะอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟรู้ดีว่าถ้าหากเขาจัดการกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในตอนนี้มันจะเป็นประโยชน์ต่ออีกสองฝ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีเดียวที่เป็นไปได้คือการกำจัดทั้งสามฝ่ายออกพร้อมกันเพื่อลดการสูญเสียในระดับที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้และบุคลากรทั้งหมดก็จะถูกนำกลับมาภายใต้อำนาจของเขาเองอีกครั้ง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็เปลี่ยนเรื่องและพูดว่ “เซอร์เก้วิชพุชกินบอกว่าคุณต้องการร่วมมือกับผมใช่ไหม..ผมไม่รู้ว่าคุณอยากได้ความร่วมมือแบบไหน? ”
“ทุกเรื่อง!” เย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “ตราบใดที่มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟคิดว่ามีบางอย่างที่เราสามารถร่วมมือกันได้ล่ะก็..พวกเราก็สามารถร่วมมือกันได้”
“เท่าที่ผมรู้มามิสเตอร์เย่เป็นเพียงแค่ผู้นำองค์กรทหารรับจ้างแล้วคุณจะมีอิทธิพลใหญ่โตอะไรขนาดนั้นเชียวหรือ?” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูด “มิสเตอร์เย่ต้องชัดเจนนะว่าอาณาจักรธุรกิจของผมน่ะมีอยู่ทั่วยุโรปแล้วคุณเย่จะเอาหลักประกันออะไรเพื่อมาร่วมมือกับผม”
เย่เชียนก็ยักไหล่เบาๆ และพูดว่า “ในเมื่อมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูดแบบนี้แล้วผมก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก..ผมเชื่อว่าต่อให้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะไม่ร่วมมือกับผมก็ตามถึงยังไงคนอื่นๆ ต่างก็เต็มใจร่วมมือกับผม..ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไป ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนจะสังเกตเห็นพลังอำนาจของชายชราคนนี้จากท่าทางและคำพูดของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแล้วแต่เย่เชียนก็ไม่เต็มใจให้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟมาข่มขู่หรือวางท่าใส่เขาและเย่เชียนก็ไม่เต็มใจที่จะร่วมมือและกลายเป็นตัวหมากของเขาซึ่งมันไม่เหมือนกับการทำลายตัวเองหรอกหรือ? นอกจากนี้นี่ก็เป็นเพียงสันนิษฐานว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะพูดเพื่อข่มเขาหรือเปล่า
“เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟรีบลุกขึ้นยืนและพูด ซึ่งอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่ใช่คนโง่แพราะขาเข้าใจด้วยว่าการเคลื่อนไหวของเย่เชียนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการปล่อยให้ตัวเองพูดเพื่อรักษาเขาไว้และเพิ่มข้อต่อรองของเขา อย่างไรก็ตามในมุมมองของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นเขาก็ให้ความสำคัญกับความร่วมมือครั้งนี้อย่างมากและมากกว่าเย่เชียนเลยด้วยซ้ำเพราะประการแรกเขาสามารถใช้เขี้ยวหมาป่าของเย่เชียนเพื่อจัดการกับสามฝ่ายที่อยู่ใต้อำนาจของเขาและเป็นใบเบิกทางในทวีปตะวันออกกลางเพื่อเปิดเส้นทางที่ดีในการค้าน้ำมันและปิโตเลียมนั่นเอง
“มิสเตอร์เย่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิ..เพราะในฐานะหุ้นส่วนผมก็ต้องรู้เกี่ยวกับอิทธิพลของอีกฝ่ายเป็นธรรมดาเพื่อเพิ่มความไว้วางใจในความร่วมมือของเรา..คุณคิดว่าไงบ้าง? ” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูด
เย่เชียนก็หันกลับมาและนั่งลงเพราะเขายังคงตระหนักดีถึงประโยชน์มหาศาลที่การร่วมมือกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนำมาให้และเขาก็ไม่สามารถละทิ้งความร่วมมือที่ดีเช่นนี้ได้เพราะความโกรธเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ นอกจากนี้ถ้าหากข้อเสนอต่างๆ ดูดีทุกคนต่างก็อยากร่วมมือแต่ถ้าหากมันไม่ดีล่ะก็แสดงว่าทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียกันทั้งคู่ ความร่วมมือในการวิเคราะห์ผลประโยชน์ขั้นสุดท้ายนั้นมีเอาไว้เพื่อผลกำไรและนี่ไม่ได้ดีไปกว่าความร่วมมือระหว่างเขี้ยวหมาป่าและองค์กรเซเว่นคิลเลยและยิ่งไปกว่านั้นมันขาดความเป็นพี่น้องกันไปโดยสิ้นเชิง
“เนื่องจากมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟตกลงที่จะพบกับผมแบบนี้เพราะงั้นเซอร์เก้วิชพุชกินก็ต้องบอกคุณไม่ใช่หรอว่าพลังของเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับหลายๆ คน..ผมคิดว่ามิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟคงจะไม่รู้เกี่ยวกับผมและเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย?” เย่เชียนยิ้มอย่างขี้เล่นและพูด
มีบางสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องพูดด้วยตัวเองและยิ่งเราพูดมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งมีช่องโหว่มากขึ้นเท่านั้นและจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสัยมากขึ้น แต่ถ้าหากเราไม่พูดและปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาล่ะก็มันมีผลกระทบที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงแค่ผิวเผินบางอย่างเท่านั้น ซึ่งตอนนี้หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดแล้วอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ต้องสงสัยว่าเย่เชียนมีอะไรอีกที่ไม่รู้และยิ่งไปกว่านั้นผลประโยชน์เบื้องต้นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำก็ควรค่าแก่การร่วมมือระหว่างทั้งสองอย่างยิ่ง
อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์เย่มีเงื่อนไขอะไรและคุณต้องการผลประโยชน์อะไรจากผม..แต่ได้โปรดมิสเตอร์เย่อย่าตำหนิผมที่ทำตัวไร้มารยาทเกินไป..ผมเป็นแค่นักธุรกิจเพราะงั้นทุกๆ อย่างผมจะเริ่มต้นด้วยคำพูดที่ดี..เพราะเรามาร่วมมือกันและทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นมันดีสำหรับเราทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?”
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูดถูก..ยิ่งเรื่องนี้ชัดเจนมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น..และที่ผมรู้มาดูเหมือนว่าตอนนี้มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีใช่ไหม..เพราะทั้งสามฝ่ายภายใต้อำนาจของคุณดูเหมือนจะขัดแย้งกัน..เพราะงั้นสิ่งนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผมในการร่วมมือกับคุณหรือเปล่า?”
คิ้วของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็ขมวดเล็กน้อยแล้วเขาก็พูดว่า “มิสเตอร์เย่ได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน? ..คุณคงเข้าใจอะไรผิดไปนะ”
“ดูเหมือนว่าความภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณที่มีต่อคุณจะไม่ค่อยดีนัก..เพราะวันแรกที่ผมมาถึงประเทศรัสเซีย..ผมถูกใครบางคนทำร้ายส่วนอีกฝ่ายคือลูกน้องของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟที่ชื่อโปดันโนว่า” เย่เชียนพูดพร้อมกับแสร้งยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดต่อ “ผมไม่รู้จะพูดเรื่องนี้ยังไงมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม”
ปากของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็กระตุกสองสามครั้งและเขาก็พูดว่า “มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ? ..มิสเตอร์เย่มั่นใจได้เลยถ้าผมพบความจริงผมจะให้คำอธิบายกับคุณแน่นอน”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรครับมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟ..ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เพราะมิสโปดันโนว่าขอโทษผมแล้ว..อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะควบคุมเรื่องต่างๆ ได้ไม่ค่อยดีนัก”
“ถ้างั้นมิสเตอร์เย่มีอะไรแนะนำผมบ้างไหม?” ใบหน้าของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็เปลี่ยนไปมืดมนเล็กน้อยเพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนใหญ่คนโตของประเทศรัสเซียและแม้แต่ประธานาธิบดีของประเทศรัสเซียรวมไปถึงคนทั้งโลกก็ยังต้องเคารพและสุภาพกับเขาแต่ทว่าแค่ผู้นำองค์กรทหารรับจ้างอายุน้อยตรงหน้าเขากลับกล้าพูดเช่นนี้กับเขาแบบนี้เพราะงั้นถึงแม้ว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสำคัญแต่เขาก็ไม่สามารถเสียหน้าได้เพราะตัวตนและสถานะของเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตให้ใครมาข่มหรือมาวางท่ากับเขานั่นเอง
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ถ้ามิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟว่าอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี..แต่ในความคิดของผมนั้นถ้าหากองค์กรของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่แข็งแกร่งอย่างที่คิดล่ะก็ความร่วมมือของเราอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ”
“แล้วเขี้ยวหมาป่าของมิสเตอร์เย่ล่ะมั่นคงแค่ไหน?” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูดต่อ “เท่าที่ผมรู้มาเขี้ยวหมาป่าของมิสเตอร์เย่มีการก่อกบฏเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ? ..มิสเตอร์เย่กล่าพูดไหมล่ะว่าตอนนี้เขี้ยวหมาป่าไม่มีปัญหาอะไร?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่ามิสเตอร์อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะทำการบ้านมาดีมากเลยนะ”
“แน่นอน..เพราะตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ล่ะก็มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถซ่อนจากผมได้..และผมแค่อยากจะบอกว่ามันไม่มีองค์กรใดที่จะสามัคคีกันได้ขนาดนั้นหรอก..แต่ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร..มิสเตอร์เย่คิดว่าไง?” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูด
“ใช่..แต่ถ้าองค์กรไม่มั่นคงมันก็จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..การก่อกบฏของเขี้ยวหมาป่าได้รับการแก้ไข้แล้ว..เพราะงั้นผมก็มั่นใจเลยว่าตอนนี้เขี้ยวหมาป่านั้นแข็งแกร่งเหมือนหิน..แต่กรณีของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์นั้นแตกต่างกันเพราะทั้งสามฝ่ายภายใต้การควบคุมของคุณกำลังขัดแย้งกันอย่างเปิดเผยซึ่งทำให้ผมกังวลว่าถ้าผมได้ร่วมมือกับคุณคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณจะไม่สนใจผลประโยชน์รวมไปถึงผลกระทบต่างๆ เลยน่ะสิ” เย่เชียนพูด
“ก็ถ้าวันนี้มิสเตอร์เย่มาแค่เพื่อคุยเรื่องภายในพวกนี้กับผมล่ะก็งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคุยอะไรกันอีกแล้ว..คุณกลับไปเถอะ!” อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟพูดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวและมืดมนอย่างมาก
อันที่จริงอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่ได้โกรธที่เย่เชียนพูดแบบนั้น แต่เขากลัวว่าในกรณีที่เขายังคงพัวพันกับปัญหาเช่นนี้ล่ะก็ด้วยความฉลาดและไหวพริบของเย่เชียนนั้นอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็กลัวว่าเขาต้องสูญเสียผลประโยชน์และข้อได้เปรียบอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นความมุ่งมั่นของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟในการจัดการทั้งสามฝ่ายภายใต้อำนาจของเขานั้นก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่โปดันโนว่ากล้าที่จะไปพบเย่เชียนลับหลังเขาและยังกล้าที่จะลอบสังหารเย่เชียนเช่นนั้นอีก ซึ่งในเมื่อโปดันโนว่าตกลงที่จะพบกับเย่เชียนแล้วสิ่งนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับโปดันโนว่าเพราะผู้หญิงคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟปล่อยให้เธอดูแลสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล่ามาเฟียของประเทศรัสเซียมาโดยตลอด ดังนั้นผลลัพธ์ก็คือเครือข่ายระหว่างผู้หญิงคนนี้กับเหล่ามาเฟียของประเทศรัสเซียก็ยิ่งหยิ่งผยองขึ้นจนพวกมาเฟียต่างก็ไม่เคารพและไว้หน้าเขาเหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป
.
.
.
.
.
.
.