ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 473 การยั่วยุ
ตอนที่ 473 การยั่วยุ
ไม่ใช่ว่าเย่เชียนจงใจยั่วยุอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแต่อย่างใดและเย่เชียนก็ไม่ได้ต้องการให้ความร่วมมือดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นเช่นนั้น แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการร่วมมือเพราะตามสถานการณ์ปัจจุบันนั้นโปดันโนว่าจงใจต้องการกำจัดอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟและยิ่งไปกว่านั้นอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเองก็มีความตั้งใจที่จะจัดการกับทั้งสามฝ่ายและยังมีคนของตระกูลอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟที่เย่เชียนยังไม่รู้จักอีก
ทั้งสามฝ่ายนี้ขัดแย้งกันอย่างยุ่งเหยิงและดูเหมือนว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟที่เป็นผู้นำของอาณาจักรธุรกิจและเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดจะทำพลาดแต่สิ่งต่างๆ ได้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้วและหลายๆ อย่างก็ยากที่จะคาดเดา ซึ่งทำไมอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟถึงต้องอดกลั้นที่จะยังไม่จัดการกับพวกเขา? นี่แสดงว่าเขามีบางอย่างที่ต้องกังวลภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งถ้าเย่เชียนบอกข้อต่อรองทั้งหมดของเขาให้กับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟล่ะก็มันจะไม่เป็นอันตรายหรอกหรือ? ดังนั้นเย่เชียนจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้นอกจากนี้เย่เชียนก็ไม่ได้คาดคิดว่าประเทศรัสเซียจะสงบลงในเร็วๆ นี้มีเวลารอและรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมในการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถช่วยให้บางฝ่ายชนะเมื่อเวลาที่พวกเขาอ่อนแอได้ล่ะก็มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นสิ่งที่เย่เชียนต้องทำในตอนนี้ก็คือการวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของทั้งสามฝ่ายนี้อีกครั้งอย่างถี่ถ้วนและเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าใครเก่งที่สุดที่จะสามารถเอาชนะศึกครั้งนี้ได้ จากนั้นจึงตัดสินใจด้วยตัวเองอีกครั้งซึ่งด้วยวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ชาญฉลาดที่สุดในการตัดสินใจนั่นเอง
เนื่องจากอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไล่เขาดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อีกต่อไปไม่เช่นนั้นมันจะดูเหมือนว่าเย่เชียนมาประจบประแจงและอ้อนวอนเขาเช่นนั้น
หลังจากกล่าวคำอำลากับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟสั้นๆ แล้วเย่เชียนก็ออกจากบ้านของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไปอย่างช้าๆ ซึ่งเมื่ออเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเห็นเย่เชียนออกไปเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
ดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากแล้วและไม่มีความกล้าเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เป็นเพราะเหตุนี้เองที่นำสิ่งต่างๆ มาสู่สถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งเมื่อตระหนักเช่นนั้นอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพราะทั้งหมดทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาอายุมากจริงๆ ใช่ไหม? หรือที่จริงเขากลัวความตาย? หรือเป็นเพราะเขากลัวการสูญเสียสิ่งเหล่านี้ที่เขามีทั้งหมดจริงๆ น่ะหรือ?
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขายังยากลำบากนั้นเขาก็รอดชีวิตมาได้โดยตลอดแต่ทว่าตอนนี้เขากลับไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้? เมื่อคิดเช่นนั้นปากของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็กระตุกสองสามครั้งและกัดฟันแน่นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่เคยต้องกังวลเกี่ยวกับองค์กรของเขาเลยจนเขาส่งมอบอุตสาหกรรมทั้งหมดให้กับทั้งสามฝ่าย อย่างไรก็ตามทั้งสามฝ่ายนั้นก็ค่อยๆ ดูเหมือนจะพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเล็กน้อยและไม่สามารถควบคุมความโลภของพวกเขาได้จนพวกเขาเริ่มตั้งกลุ่มและพรรคพวกเป็นของตัวเองขึ้นมา นี่คือสิ่งที่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอนเพราะเขาต้องต่อสู้มานานหลายทศวรรษและไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้ว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเป็นผู้ที่ที่ประสบความสำเร็จดังนั้นเขาจะปล่อยให้ชื่อเสียงของเขาต้องมาพังทลายลงได้อย่างไรและยิ่งไปกว่านั้นเขาก็จะเป็นประเด็นที่ผู้คนต่างก็พูดว่าเขาตาบอดจนถูกหักหลังโดยคนของเขาเอง
ดังนั้นเขาจึงเริ่มค่อยๆ เข้ามาดูแลสิ่งต่างๆ และยังเริ่มจัดเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อจัดการกับทั้งสามฝ่ายนี้และจงใจยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามฝ่ายนี้เพียงเพื่อให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรงและขัดแย้งกันให้มากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้กำจัดทั้งสามฝ่ายไปพร้อมๆ กันนั่นเอง
การสนทนากับเย่เชียนในตอนนี้ทำให้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟตระหนักเรื่องต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งเขาไม่ควรหยุดมองไปข้างหน้าและข้างหลังและโจมตีโดยตรงเหมือนอย่างเย่เชียนใช่ไหม อย่างไรก็ตามหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีนักเขายังคงต้องรักษาสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนนี้ไว้ในขณะนี้และรอจนกว่าเขาจะสามารถกวาดล้างทั้งสามฝ่ายได้ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการถึงจะมีผลลัพฑ์ออกมาดีที่สุด
โชคดีที่การจัดเตรียมเริ่มมาตั้งแต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาและคนของเขาก็ได้รับการจัดเตรียมเอาไว้หลังจากมอบสิ่งต่างๆ ให้ทั้งสามฝ่าย ซึ่งสิ่งที่แย่นั้นก็เป็นเพียงแค่จังหวะและเวลาช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
หลังจากออกจากบ้านของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟแล้วเย่เชียนก็เรียกแท็กซี่และนั่งตรงไปที่โรงแรม ซึ่งระหว่างทางเย่เชียนได้โทรหาหลินเฟิงซึ่งเขายังคงเตรียมการกับเหล่านักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิลและไม่ได้ถามเย่เชียนว่ามีการเจรจาความร่วมมือหรือไม่ เพราะสำหรับหลินเฟิงแล้วความร่วมมือระหว่างเย่เชียนและอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะประสบความสำเร็จหรือไม่เขาก็ไม่สนใจเพราะถ้าไม่ใช่พี่น้องของเย่เชียนล่ะก็หลินเฟิงจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย
หลังจากวางสายไปเย่เชียนก็ได้โทรหาเซอร์เก้วิชพุชกินอีกครั้งซึ่งเซอร์เก้วิชพุชกินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและรีบถามเย่เชียนว่าการเจรจาความร่วมมือสำเร็จหรือไม่ เมื่อได้ยินเย่เชียนนั้นเย่เชียนก็ยิ้มและบอกว่าการพูดคุยไม่ประสบความสำเร็จและดูเหมือนว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟจะทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
เมื่อเย่เชียนพูดเช่นนั้นเซอร์เก้วิชพุชกินก็ถึงกับผงะและรีบถามว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่คืออะไร ซึ่งเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันจะต้องเป็นการที่อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของเขาที่พร้อมจะจัดการกับโปดันโนว่าซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขามีความสุขและดีใจอย่างมาก
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย..แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกวาดล้างทั้งสามฝ่ายภายใต้อำนาจของเขาและต้องการกำจัดพวกคุณทีละคน”
เซอร์เก้วิชพุชกินก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและเขาก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหัวหน้าของเขาต้องการกำจัดตัวเอง เพราะเขาภักดีต่ออเล็กซานเดอร์มาโดยตลอดแล้วทำไมอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟถึงอยากจัดการกับเขา? หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “มิสเตอร์เย่คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า..หัวหน้าของผมจะกำจัดผมได้ยังไง?”
“เอ่อ..ผมอาจจะได้ยินมาไม่ชัดเจน” เย่เชียนพูดอย่างคลุมเครือเพราะเขาต้องการกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างอเล็กซานเดอร์และเซอร์เก้วิชพุชกินแต่เขาก็ไม่ควรรีบร้อนเกินไปไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการต่อต้าน ดังนั้นหลังจากที่เย่เชียนให้คำใบ้เขาก็บอกทันทีว่าเขาได้ยินมันไม่ชัดเจน ส่วนที่เหลือนั้นก็ขึ้นอยู่กับเซอร์เก้วิชพุชกินที่จะพิจารณาสิ่งต่างๆ
บางทีมันอาจจะเป็นการหลอกลวงตัวเองแต่ทว่าเซอร์เก้วิชพุชกินก็ค่อนข้างที่จะเชื่อว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟผู้เป็นหัวหน้าของเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นหลังจากฟังคำพูดของเย่เชียนแล้วเขาก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “มิสเตอร์เย่คงจะเข้าใจผิด..เพราะผมน่ะภักดีต่อหัวหน้ามาตลอดเพราะงั้นเขาจะปฏิบัติกับผมแบบนั้นได้ยังไง? ..มิสเตอร์เย่ไม่ต้องกังวลเรื่องความร่วมมือเพราะมันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบาก..เดี๋ยวผมจะไปคุยกับหัวหน้าหลังจากที่ผมเสร็จธุระ..และผมก็มั่นใจเลยว่าหัวหน้าจะยอมตกลง”
เย่เชียนยิ้มอย่างลับๆ พลางคิดว่าเซอร์เก้วิชพุชกินคนนี้เป็นคนที่น่าสงสารและน่าสมเพชจริงๆ เพราะเขาภักดีกับหัวหน้าของเขาจนเหมือนคนงี่เง่า ซึ่งหลังจากเงียบไปชั่วขณะเย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมและหลังจากกล่าวคำลาแล้วเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป
เย่เชียนก็เชื่ออย่างยิ่งว่าถึงแม้ว่าคำพูดในวันนี้จะไม่ทำให้เซอร์เก้วิชพุชกินและอเล็กซานเดอร์ขัดแย้งกันแต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความคิดและทัศนคติของเซอร์เก้วิชพุชกินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและอาจทำให้อเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟเกิดความสงสัยไม่มากก็น้อย
ทันทีที่เขาวางสายจู่ๆ โทรศัพท์เย่เชียนก็ดังขึ้นอีกครั้งแล้วเขาก็รับสายและเสียงของโปดันโนว่าก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งว่า “มิสเตอร์เย่เป็นยังไงบ้างการเจรจาความร่วมมือเป็นยังไงบ้าง? ”
ครู่หนึ่งเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หืม..มิสโปดันโนว่าเองหรอ..ผมดีผมเพิ่งจะออกมาจากบ้านของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของคุณน่ะ..ว่าแต่มิสโปดันโนว่านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่สามารถยืนหยัดจนได้ครอบครองตำแหน่งในทุกวันนี้”
“ฉันคิดว่ามิสเตอร์เย่คงเข้าใจอะไรผิด…มันเป็นเพราะฉันภักดีต่อหัวหน้าของฉันมาโดยตลอด..แต่ถึงยังไงฉันจะไปแทนที่หัวหน้าของฉันได้ยังไง” โปดันโนว่าพูด
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ เพราะโปดันโนว่าบอกว่าเย่เชียนนั้นเข้าใจผิด ซึ่งท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายและโปดันโนว่าก็ไม่สามารถยอมรับเช่นนั้นได้ “มิสโปดันโนว่าดูซื่อสัตย์และจริงใจมาก..แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้ความคิดของอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของคุณ” เย่เชียนพูด
“มิสเตอร์เย่หมายความว่าไง? ..ที่คุณพูดมาแบบนั้นหรือว่าหัวหน้าของฉันพูดอะไรบางอย่างกับคุณ?” โปดันโนว่าขมวดคิ้วแน่นเพราะท้ายที่สุดแล้วในใจของโปดันโนว่าเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดโปดันโนว่าก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเพราะเธอกลัวว่าเธออาจจะประเมินอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟต่ำเกินไป
“อ๋อ..มันไม่มีอะไรผมก็แค่พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับหัวหน้าของคุณและเขาก็พูดถึงทั้งสามฝ่ายภายใต้อำนาจของเขา” เย่เชียนพูด
แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบโพรดูโนว่าก็ขัดจังหวะเย่เฉียนและพูดว่า “คุณเย่คุณพูดอะไรกับฉันต่อหน้าเจ้านายของเราหรือเปล่า? ”
เย่เฉียนหัวเราะเบาๆและพูดว่า “มิสโปดันโนว่าจะกระวนกระวายหรือว่าคุณกลัวว่าผมจะพูดถึงคุณต่อหน้าอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟหัวหน้าของคุณ?”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น..มันทำให้ฉันรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับบุคลิกของมิสเตอร์เย่เพราะตามความคิดของฉันมิสเตอร์เย่น่ะเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าคุณมักจะพูดอะไรลับหลังและคลุมเครือตลอดเวลา” โปดันโนว่าพูด
.
.
.
.
.
.