ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 479 ล่าถอย
ตอนที่ 479 ล่าถอย
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้คาดคิดว่าหลินเฟิงจะฆ่าวลาดิเมียร์เร็วขนาดนี้เขาจึงต้องเลื่อนการดำเนินการกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะไปก่อนและช่วยแก้ปัญหาของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ ไม่เช่นนั้นหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับเขามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจัดการกับองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เต็มใจที่จะใช้คนแค่ 20 คนของเขาเพื่อปะทะกับองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะที่มีมากกว่า 200 คน
ในวันต่อมาเย่เชียนก็ช่วยอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตระกูลมาเฟียคูลอฟส์ของวลาดิเมียร์ที่เหลืออยู่ เพราะท้ายที่สุดแล้วการฆ่าวลาดิเมียร์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยหากคุณไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ทั้งหมดมันจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคูลอฟส์อังเดรและคูลอฟส์อาสเชฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เย่เชียนต้องการเห็นเพราะสิ่งที่เย่เชียนหวังเอาไว้ก็คือการที่คูลอฟส์อังเดรสามารถสืบทอดความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ขององค์กรมาเฟียได้เพื่อที่เขาจะได้รับผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
การเบี่ยงเบนความสนใจไม่ใช่เรื่องยากอย่างไรก็ตามเพราะมีคนใหญ่คนโตและผู้อำนาจซ่อนอยู่และยิ่งไปกว่านั้นคูลอฟส์อังเดรก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเมืองเล็กๆ อย่างมุร์มัคส์มากนัก ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ปล่อยข่าวลือโดยบอกว่าเขาจะโจมตีองค์กรมาเฟียสลาดาร์และกวาดล้างคนของวลาดิเมียร์ที่เหลือ ดังนั้นจึงเกิดการขัดแย้งอย่างเป็นธรรมชาติ
องค์กรมาเฟียสลาดาร์นั้นเป็นมาเฟียเพียงองค์กรเดียวในประเทศรัสเซียที่เทียบได้กับองค์กรคูลอฟส์ ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่ได้เก่าแก่เท่าองค์กรคูลอฟส์แต่เพราะพวกเขากล้าหาญและหนักแน่นพวกเขาจึงพัฒนากันเร็วมากและถึงแม้ว่าจะถูกองค์กรคูลอฟส์ปราบปรามมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของพวกเขาเลย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าองค์กรคูลอฟส์จะตกต่ำลงแต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรสลาดาร์สามารถยั่วยุได้แต่อย่างใด
การตายของวลาดิเมียร์ไม่ได้เกิดจากองค์กรสลาดาร์และพวกเขาก็ไม่ต้องเคลื่อนไหวใดๆ เพราะในมุมมองของพวกเขาทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับองค์กรคูลอฟส์ในการเริ่มสงครามถึงแม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าการตายของวลาดิเมียร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแต่พวกฝ่ายอื่นๆ ก็คงจะไม่เชื่อ ดังนั้นสลาดาร์อาร์ตันผู้รับผิดชอบองค์กรมาเฟียสลาดาร์ในมูร์มัสค์ไม่เพียงแค่ไม่ให้อธิบายใดๆ แต่ยังใช้ประโยชน์จากการตายของวลาดิเมียร์เพื่อเริ่มต้นการแย่งชิงดินแดนครั้งใหญ่กับองค์กรคูลอฟส์ในเมืองมูร์มัคส์แห่งนี้
เดิมทีอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นต้องการเปิดฉากการโต้กลับทันทีและเขาก็แจ้งให้ส่งกำลังคนเพิ่มเติมใสแล้วแต่พวกเขาถูกคัดค้านโดยเย่เชียนเพราะหากต้องการเน้นประสิทธิภาพของบุคคลล่ะก็คนคนนั้นจะต้องมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาที่สำคัญซึ่งถ้าหากพวกเขาเริ่มกวาดล้างองค์กรสลาดาร์ในเมืองมูร์มัคส์ในทันทีล่ะก็มันจะไม่แสดงถึงความสามารถของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เลย ดังนั้นต้องรอจนกว่าองค์กรสลาดาร์จะคิดว่าเมืองมูร์มัคส์นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาแล้วจึงทำการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อให้องค์กรคูลอฟส์ทั่วประเทศรับรู้ถึงความสามารถของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้องค์กรและตระกูลคูลอฟส์ไว้วางใจในตัวคูลอฟส์อังเดรมากขึ้นและสามารถเพิ่มความน่าเกรงขามของคูลอฟส์อังเดรได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรเขาแค่ขอให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์อดทนและถอยออกไปและปล่อยให้สลาดาร์อาร์ตันเข้ายึดครองดินแดนขององค์กรคูลอฟส์อังเดร อย่างไรก็ตามอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ต้องปกป้องคนของตัวเองไม่ให้ต่อต้านอย่างดื้อรั้นและให้ปล่อยผ่านทุกอย่าง
อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไม่รู้ว่าทำไมแต่เนื่องจากคำสั่งของคูลอฟส์อังเดรเขาจึงต้องทำและท้ายที่สุดคูลอฟส์อังเดรก็ได้พูดอย่างชัดเจนว่าการกระทำทั้งหมดในมูร์มัคส์นั้นจะต้องได้รับการอนุมัติและรับคำสั่งจากเย่เชียนอย่างเด็ดขาดและถึงแม้ว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จะไม่เต็มใจเล็กน้อยและบางคนก็ไม่รู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงต้องโผล่มาในเวลานี้แต่พวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของเย่เชียนอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้
สำหรับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นการที่วลาดิเมียร์ตายไปเขาก็หวังว่าพลังทั้งหมดจะอยู่ในกำมือของเขาเองเพราะมันเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนไม่ได้คิดเช่นนั้นเป็นเพราะวลาดิเมียร์เพิ่งเสียชีวิตไปและถึงแม้ว่าคนของเขาจะไม่มีท่าทีขัดขืนในขณะนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำอะไรที่ร้ายกาจในระหว่างการต่อสู้และถ้าหลังจากองค์กรสลาดาร์เข้ายึดครองดินแดนที่เดิมเป็นขององค์กรคูลอฟส์แล้วพวกเขาก็จะสามารถกระตุ้นความเดือดดาลของศัตรูฝ่ายอื่นๆ ในปัจจุบันได้และในเวลานั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะสามารถโจมตีแบบถาโถมได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลที่จะพูดถึงเรื่องนี้และไม่ต้องกังวลที่จะชี้แจงแผนการของเขากับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ อย่างไรก็ตามตราบใดที่สิ่งเหล่านี้รอจนกว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมา ซึ่งอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็จะเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติว่าทำไมเขาถึงต้องทำมันตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไม่ใช่เพื่อนหรือพี่ชายของเย่เชียนนั้นเย่เชียนไม่ได้อธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจน เมื่อพูดถึงการใช้ประโยชน์เย่เชียนและอัสลานฮอร์ดมิลฟ์และแม้แต่คูลอฟส์อังเดรนั่นต่างก็พึ่งพากันและกัน ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นพันธมิตรกันแต่พันธมิตรครั้งนี้ก็ยังไม่ได้รับการทดสอบและไม่ควรถือว่าเป็นความจริงแต่อย่างใด
ในเวลาเพียงสามวันสลาดาร์อาร์ตันก็ได้ครอบครองทรัพย์สินและดินแดนส่วนใหญ่ที่เดิมทีเป็นขององค์กรคูลอฟส์ซึ่งทำให้เขารู้สึกสูญเสียบ้างในขณะที่เขารู้สึกยินดีในคราเดียวกัน เป็นเวลานานเขายังคงตระหนักถึงความสามารถของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เป็นอย่างดีเนื่องจากการแทรกแซงของวลาดิเมียร์ในอดีตอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่แต่ในขณะนี้วลาดิเมียร์ได้เสียชีวิตไปแล้วจึงเป็นเหตุผลว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์น่าจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ไม่เช่นนั้นเขาจะครอบครองเขตแดนและคนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?
คนอื่นอาจไม่รู้แต่สลาดาร์อาร์ตันนั้นรู้ดีว่าความตายของวลาดิเมียร์ถ้าไม่ใช่เพราะอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้วจะเป็นใครไปได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครที่คิดมากไปกับเรื่องนี้เพราะมันเกิดขึ้นแล้วดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสลาดาร์อาร์ตันจะรู้สึกแปลกๆ ในครั้งนี้แต่ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ว่าเขาอยู่ในวงการนี้เขาจึงต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งผู้นำระดับสูงขององค์กรสลาดาร์ก็ชื่นชมการยึดครองดินแดนขององค์กรคูลอฟส์เช่นกัน เพราะมันมีการบรรลุข้อตกลงภายในเพื่อปรับปรุงตัวเองในตอนนี้และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามีเสืออยู่บนภูเขาพวกเขาก็ต้องไปที่ภูเขาอยู่ดี
เนื่องจากการเสียชีวิตของวลาดิเมียร์นั้นรัฐบาลเมืองมูร์มัคส์ทั้งหมดก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เนื่องจากองค์กรคูลอฟส์และองค์กรสลาดาร์มีอำนาจมากในประเทศรัสเซียพวกเขาจึงไม่สามารถเอนเอียงไปทางข้างใดข้างหนึ่งได้พวกเขาต้องเปิดตาข้างเดียวและปิดตาข้างหนึ่งและส่วนใหญ่จะมีการส่งตำรวจออกลาดตระเวนในระหว่างวันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่าย
มาเฟียรัสเซียนั้นแตกต่างจากการต่อสู้ขององค์กรยักษ์ใหญ่ทั้งสามในประเทศจีนที่มีแค่มีดกับไม้และตราบใดที่พวกเขาถูกส่งออกไปพวกเขาล้วนเป็นเสมือนอาวุธปืนและหลังจากนั้นพวกเขาก็สลายหายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเมืองมูร์มัคส์ในช่วงเวลานี้ก็อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายอย่างมากแต่ทว่าเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นดูเหมือนจะไร้ความกังวลตลอดทั้งวันเพราะพวกเขาเพียงแค่เดินไปรอบๆ และพวกเขาก็ไม่กลัวอะไรใดๆ แต่ทว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็เป็นห่วงพวกเขามากเพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับสองคนนี้ในมูร์มัคส์ล่ะก็ชีวิตและตำแหน่งของเขาก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้
ต้นตระกูลขององค์กรคูลอฟส์นั้นอยู่ในประเทศรัสเซียมาหลายร้อยปีแล้วแต่ตอนนี้กลับถูกปราบปรามโดยตระกูลสลาดาร์และยิ่งไปกว่านั้นคูลอฟส์อังเดรก็มักจะบอกกับคูลอฟส์อาสเชฟว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาเมืองมูร์มัคส์จะเป็ฯ เช่นนี้ได้ที่ไหนกัน?
ซึ่งคำพูดดังกล่าวคูลอฟส์อาสเชฟก็ถึงกับพูดไม่ออกดังนั้นคูลอฟส์อังเดรจึงต้องดูแลสิ่งต่างๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องการสืบหาว่าใครถูกและใครผิดก่อนหน้านี้เพราะมีเพียงประโยคเดียวนั่นคือไม่ว่าตระกูลคูลอฟส์จะใช้วิธีใดก็ตามถึงยังไงคูลอฟส์อังเดรก็จะต้องตอบโต้ตระกูลสลาดาร์โดยเร็วที่สุดเพื่อให้พวกเขารู้ว่าตระกูลคูลอฟส์นั้นเป็นผู้นำที่แท้จริงของเหล่ามาเฟียในประเทศรัสเซียแห่งนี้
แม้ว่าคนในตระกูลคูลอฟส์จะไม่ได้บอกว่าพวกเขาจะสนับสนุนคูลอฟส์อังเดรและพวกเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะให้สิทธิแก่คูลอฟส์อังเดรมากขึ้นแต่ทว่าคูลอฟส์อังเดรก็สามารถทำได้เพราะตราบใดที่เรื่องต่างๆ ได้รับการแก้ไขอย่างดีในครั้งนี้นั้นศักดิ์ศรีของเขาในตระกูลก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่เพียงแค่เขาจะได้รับความสนใจจากต้นตระกูลเท่านั้นแต่ยังทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดชื่นชมเขาด้วยและด้วยวิธีนี้การขึ้นสู่ตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่จึงใกล้เข้ามาแล้ว
ใครได้รับประโยชน์จากทั้งหมดนี้? แน่นอนว่าเป็นเย่เชียนและคูลอฟส์อังเดรที่ได้รับประโยชน์อันมหาศาลที่เขาจะได้รับจากการร่วมมือกันในครั้งนี้และนี่ก็ทำให้คูลอฟส์อังเดรเขามั่นใจในการร่วมมือกับเย่เชียนมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือวิธีจัดการกับตระกูลและองค์กรสลาดาร์ซึ่งหากปัญหาต่างๆ ในเมืองมูร์มัคส์ไม่สามารถแก้ไขได้ล่ะก็ทุกอย่างก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ดังนั้นหลังจากการประชุมตระกูลแล้วคูลอฟส์อังเดรก็กำลังจะโทรไปหาเย่เชียนแต่ทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาคูลอฟส์อาสเชฟก็เดินมาหาเขาพร้อมกับหัวเราะเยาะและพูดว่า “อังเดร..เอ็งนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเอ็งต่ำเกินไป”
คูลอฟส์อังเดรก็แสร้งทำเป็นไม่รู้และพูดว่า “ลุงอาสเชฟผมไม่เข้าใจว่าลุงหมายถึงอะไร?”
.
.
.
.
.
.
.