ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 483 เพื่อนเก่า
ตอนที่ 483 เพื่อนเก่า
คลับเฮาส์แห่งนี้มีการทำธุรกิจแบบสุจริตแต่จริงๆ แล้วมันเป็นสาขาย่อยของแก๊งยามากุจิในประเทศรัสเซีย ซึ่งแก๊งยามากุจินั้นยังมีความหยิ่งผยองอย่างมากซึ่งพวกเขามีสาขาอยู่เกือบทั่วยุโรปและอเมริกา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กองกำลังที่ยิ่งใหญ่ในท้องถิ่นแต่ก็ไม่ควรประมาทเลยเพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าแก๊งยามากุจิจะมีอำนาจมากเพียงใดแต่ยังไงก็ยังถือว่าเป็นองค์กรที่เล็กอยู่เพราะในอเมริกาและยุโรปต่างก็มีมาเฟียที่หยั่งรากลึกเป็นของตัวเอง ดังนั้นแก๊งยามากุจิก็อยู่รอดได้แค่ในรอยร้าวท่ามกลางมาเฟียเหล่านั้นเท่านั้นและพวกเขาก็ไม่กล้าหยิ่งผยองเกินไป
ในประเทศจีนนั้นแก๊งยามากุจิก็อ่อนแออย่างมาเพราะรัฐบาลจีนปราบปรามและกวาดล้างองค์กรใต้ดินอย่างเคร่งครัดและประการที่สองเป็นเพราะความรู้สึกเกลียดชังของกองกำลังทหารผ่านศึกของจีน ยกตัวอย่างเช่นหงเหมินกรุ๊ปและแก๊งชิงของจีนที่เดิมทีพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่มีต่อชาววญี่ปุ่นดังนั้นแก๊งยามากุจิจึงสั่นสะท้านเช่นกันเมื่อพวกเขารอดชีวิตในประเทศจีน ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วพวกเขาจึงใช้ช่องทางการลงทุนทางการค้าตามปกติเพราะพวกเขาไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งจนเกินไป
ในมูร์มัคส์นั้นเดิมทีถูกปกครองโดยมาเฟียคูลอฟส์แต่เนื่องจากความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ของคูลอฟส์อังเดรจึงทำให้ถูกแทรกแซงโดยมาเฟียสลาดาร์และทำให้เกิดความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนเป็นช่องโหว่และเปิดโอกาสให้แก๊งยามากุจิเข้ามา ดังนั้นแก๊งยามากุจิจึงตั้งอาณาเขตของตนเองในมูร์มันสค์อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ระบบการแบ่งเขตแบ่งดินแดนที่นำมาใช้แต่ยังคงใช้รูปแบบที่ซ่อนอยู่ภายใต้ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง
ครั้งนี้เนื่องจากการตายของวลาดิเมียร์จึงทำให้มาเฟียสลาดาร์ตอบโต้มาเฟียคูลอฟส์อย่างดุเดือดและนี่ก็เป็นโอกาสทองของแพ๊งยามากุจิเพราะพวกเขาจะพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร? นั่นจึงส่งผลให้หัวหน้าแก๊งยามากุจิแทบจะไม่ต้องลังเลและรีบส่งกำลังพลจำนวนมากมาเพื่อช่วยเหลือเหล่ามาเฟียสลาดาร์ในการโจมตีมาเฟียคูลอฟส์อังเดร จุดประสงค์นั้นชัดเจนเพราะมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการกวาดล้างอำนาจของตระกูลคูลอฟส์ในเมืองมูร์มัคส์และกำจัดองค์กรสลาดาร์ให้หมดไปซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการรุกรานประเทศรัสเซียของแก๊งยามากุจิ
คลับเฮาส์นี้เป็นฐานของแก๊งยามากุจิในเมืองมูร์มันสค์และชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มาที่นี่เพื่อดื่มและเที่ยวและแน่นอนว่าต้องมีชาวรัสเซียและนักท่องเที่ยวบางส่วนเช่นกัน
สื่อลามกของจีนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากของประเทศรัสเซียเพราะถูกกฎหมายและระบบที่รัฐบาลนำมาใช้ก็ทำให้ธุรกิจด้านนี้เฟื่องฟูเช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากประเทศจีนที่ประชาชนมักจะเรียกร้องให้ปราบปรามอุตสาหกรรมเช่นนี้แต่รัฐบาลก็แอบสนับสนุนอุตสาหกรรมและสื่อลามกเช่นกันเพราะใครๆ ก็รู้ว่าจุดกำเนิดของอุตสาหกรรมลามกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนก็คือปักกิ่งหากอุตสาหกรรมสื่อสามกของเมืองปักกิ่งถูกปราบปรามก็จะทำให้ GDP ทั้งหมดของเมืองปักกิ่งลดลงอย่างน้อย 60%
เย่เชียนและหลินเฟิงก็มองหน้ากันและเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนทุกประเภทบางคนก็นัวเนียอยู่กับแฟนของพวกเขาและบางคนก็เต้นกันอย่างบ้าคลั่งบนฟลอร์ ฉากทั้งหมดสามารถอธิบายได้เพียงคำเดียวนั่นคือสวรรค์ที่ตกลงมา
เย่เชียนและหลินเฟิงก็ขยับร่างกายของพวกเขาเป็นจังหวะขณะที่เดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อผ่านทางเดินซึ่งทางเดินเหล่านั้นก็มีเพียงชายและหญิงสองสามคนเท่านั้นที่กำลังขยับร่างกายตามจังหวะดนตรีอย่างไร้ยางอาย ซึ่งผู้ชายหลายคนต่างก็มีรอยสักบนร่างกายและพวกเขาไม่ใช่คนที่ดูเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
ที่นี่เป็นสถานที่ของแก๊งยามากุจิจากประเทศญี่ปุ่นจึงทำให้คนเกือบทั้งหมดล้วนมีแต่รอยสัก ซึ่งสถานะของพวกเขานั้นยิ่งใครมีรอยสักมากเท่าไหร่สถานะก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น คนอย่างเย่เชียนที่มักจัดการกับกองกำลังชุดดำในประเทศญี่ปุ่นมามากมายจึงรู้ดีว่าทุกครั้งที่คนเหล่านี้ฆ่าคนพวกเขาจะมีรอยสักพิเศษบนร่างกายประทับเอาไว้เสมอ
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของความชั่วร้ายเป็นแหล่งเพาะปลูกความเลวทรามทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงหลายคนระหว่างทางก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและหลินเฟิงและลูบไล้พวกเขาซึ่งผู้หญิงที่นี่มีรูปร่างที่โดดเด่นและบางคนก็เดินตรงเข้าไปหาเย่เชียนและหลินเฟิง ซึ่งเย่เชียนนั้นรู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงทำตัวเป็นธรรมชาติมากแต่ทว่าหลินเฟิงนั้นแตกต่างออกไปเพราะสิ่งที่เขาทำคือการเป็นนักฆ่ามาโดยตลอดและเขามักจะทำเมื่อมีคนไม่กี่คนและเขาก็ไม่ค่อยเข้าสังคมคนหมู่มากเช่นนี้มาก่อนและดูเหมือนว่าเขาจะไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงเหล่านี้
เย่เชียนก็ยิ้มและตบบ่าหลินเฟิงเบาๆ แล้วพูดว่า “ผ่อนคลายเถอะ..พี่ดูเกร็งมาก..คนจากองค์กรเซเว่นคิลของพี่อยู่แถวๆ นี้แล้วหรือยัง..เพราะเมื่อเราเดินขึ้นไปข้างบนเราจะต้องถูกรายล้อมไปด้วยพวกยากูซ่า”
หลินเฟิงก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “คนที่นี่บ้าไปแล้ว..พวกเขาเหมือนสัตว์ร้ายข้างถนนนายคิดเหมือนกันไหม?”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ “ผมไม่สนใจหรอก..ทำไมเราไม่ทิ้งระเบิดเอาไว้สักสองสามลูกตอนที่เราออกไปล่ะ..มันจะได้จัดการทีเดียวโลกจะได้สงบสักที”
“ฉันไม่ทำแบบนั้นแน่เพราะมันมีคนบริสุทธิ์อยู่ในนี้ด้วย..เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” หลินเฟิงโบกมืออีกครั้งและพูด
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ก็ได้ๆ ..เรื่องเลวๆ เดี๋ยวผมทำเองและถ้ามีใครอยากด่าพวกเราเลวก็มาด่าผมคนเดียว”
เมื่อพวกเขาเดินไปที่ประตูออฟฟิศในคลับเฮาส์แล้วเย่เชียนและหลินเฟิงก็มองหน้ากันและทั้งสองคนกะพริบตาและบีบคอของชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนคุมอยู่ที่ประตูและหักคอของพวกเขาอย่างรุนแรงและได้ยินเพียงเสียงกระดูกหักและชายหนุ่มทั้งสองก็ล้มลงไปกับพื้น ซึ่งเย่เชียนและหลินเฟิงก็ไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างในแต่เนื่องจากพวกเขานั่งอยู่ในห้องทำงานและมีลูกน้องเฝ้าระวังอยู่ข้างนอกพวกเขาจึงไม่ระวังตัวกันเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เตะเปิดประตูออฟฟิศเข้าไปและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะทำงานและมีชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเธอกำลังสนุกกับร่างกายของเธอและเมื่อได้ยินเสียงเตะประตูหญิงสาวก็ไม่เงยหน้าขึ้นมองเลยแม้แต่น้อยแต่ยังคงร้องครวญครางอย่างมีความสุขแต่ทว่าชายที่อยู่ข้างหลังเธอก็ถึงกับผงะและตะคอกว่า “แกเป็นใคร?”
เย่เชียนและหลินเฟิงก็มองหน้ากันแล้วหลินเฟิงก็หยิบปืนพกออกมาและยิงไปที่ชายคนนั้นโดยตรงและร่างของชายคนนั้นก็ล้มลงด้วยเสียงโครมครามและผู้หญิงก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดนตรีดังเช่นนี้นั้นไม่ว่าเธอจะตะโกนดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินเธออย่างแน่นอน
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และชักปืนพกออกมาและยิงผู้หญิงคนนั้นแต่ทว่าเย่เชียนไม่มีทางเป็นคนเลวดังนั้นลานฮอร์ดมิลฟ์จึงมอบปืนให้กับพวกเขาติดตัวเอาไว้ ซึ่งการที่เย่เชียนกับหลินเฟิงนั้นออกไปไหนมาไหนกันบ่อยๆ อัสลานฮอร์ดมิลฟ์จึงกังวลเรื่องความปลอดภัยดังนั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จึงมอบปืนพกให้พวกเขาเอาไว้ป้องกันตัวนั่นเอง
เย่เชียนก็เดินไปที่ด้านหลังโต๊ะทำงานและเปิดลิ้นชักโต๊ะออกมาซึ่งนอกจากปืนพกและกระสุนแล้วก็ยังมีระเบิดเวลาและเงินอีกสองสามกองอยู่ข้างใน แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ลังเลที่จะเก็บของทุกอย่างลงในกระเป๋าของเขาและในที่สุดเขาก็ออกมาทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้และเงินนั้นก็ถือว่าเป็นรายได้พิเศษ
หลินเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “จำเอาไว้ด้วยว่าหลังจากออกไปแล้วแบ่งเงินให้ฉันด้วย!”
“หืม..พี่พูดแบบนี้ได้ยังไง..พี่เป็นถึงผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลแล้วพี่จะทะเลาะกับผมเพราะเงินจำนวนเล็กน้อยแค่นี้น่ะหรอ..มันไม่น่าอายไปหน่อยรึไง? ” เย่เชียนกลอกตาไปมาและพูด
“แล้วทีนานล่ะเป็นถึงผู้นำของเขี้ยวหมาป่า..นายสามารถทำเงินได้มากกว่าฉันในทุกๆ ปีแล้วทำไมนายถึงได้ขี้เหนียวขนาดนี้ล่ะ?” หลินเฟิงพูด
“โถ่แล้วที่พี่กินไข่ปลาคาเวียร์ไปขนาดนั้นโดยใช้เงินของผมจ่ายล่ะ..ทำไมถึงไม่คิดตรงนั้นบ้าง” เย่เชียนพูด
“ถ้างั้นนายเอาไปหกส่วนฉันสี่ในสิบ! ..หยุดการต่อรอง!” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่! ..พี่เอาไปสามในสิบ..จะเอาไม่เอาก็แล้วแต่พี่”
“โถ่! ..นายมันขี้เหนียวจริงๆ ช่างมันเถอะ!” หลินเฟิงพูด
สองคนนี้ต่อรองราคากันราวกับอยู่ในตลาดผักอย่างไรก็ตามนี่อาจถือได้ว่าเป็นความสนุกสนานระหว่างพวกเขาเพราะถ้าหากเราต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเงินจริงๆ พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเงินจำนวนเล็กน้อยเช่นนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายก็มองว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะโต้เถียงกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากออกไปทั้งสองก็ลากร่างของชายหนุ่มทั้งสองข้างประตูเข้าไปในออฟฟิศจากนั้นก็ปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบน
ในเวลานี้ในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ที่ชั้นบนกลุ่มชายหนุ่มสวมเสื้อหนังก็กำลังหัวเราะพร้อมกับโอบแขนของพวกเขาไปรอบ ๆ ผู้หญิงอย่างสบายใจเฉิบและนี่อาจเป็นนิสัยที่ไม่ดีที่สุดของชาวญี่ปุ่นก็ว่าได้เพราะโดยทั่วไปแล้วหลังจากชัยชนะหรือความสำเร็จเพียงเล็กๆ น้อยๆ แล้วพวกเขาก็จะลืมทุกสิ่งและละทิ้งความระมัดระวังไปทั้งหมดและปล่อยใจไปกับการฉลองให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาต้องการ
ทันใดนั้นสุนัขพิตบลูข้างๆ พวกเขาก็เห่าหลายครั้งแล้ววิ่งออกไปจนทำให้ชายหนุ่มเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะเงียบกันและมองไปที่ทิศทางที่สุนัขวิ่งไปอย่างใจจดใจจ่อและเมื่อพวกมันวิ่งเลี้ยวไปก็มีเพียงเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานของสุนัขพิตบลูหลายครั้ง ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มเหล่านั้นก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและรีบหยิบปืนออกมาจากด้านข้างทันที
เย่เชียนคืออะไร? เขาคือราชาแห่งเหล่าหมาป่าและแม้แต่สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ตัวใหญ่เขาก็สามารถจัดการได้ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสุนัขเหล่านี้เลย เมื่อเฝ้าดูสุนัขทั้งสองตัววิ่งมาหาเย่เชียนและหลินเฟิงพวกเขาก็สามารถจัดการกับมันได้ง่ายๆ
เหล่าชายหนุ่มในห้องส่วนตัวก็มองไปที่ปลายสุดของทางเดินอย่างประหม่าและพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนเป็นบุคคลสำคัญของแก๊งยามากุจิในมูร์มัคส์และคราวนี้พวกเขาก็ได้ช่วยองค์กรสลาดาร์จัดการกับองค์กรคูลอฟส์ วันนี้พวกเขาได้ทำการต่อสู้และได้รับชัยชนะที่สวยงามและได้ครอบครองเขตที่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรคูลอฟส์อย่างง่ายดายแล้วจะไม่ทำให้พวกเขามีความสุขหรือ? ดังนั้นพวกเขาจึงดื่มด่ำกับชัยชนะที่นี่ในตอนกลางคืนและทำตามใจตัวเองสักคืนเพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าอีกไม่นานจะต้องมีงานที่สำคัญกว่าในวันข้างหน้า
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นสุนัขพิตบลูโผล่ออกมาจากสุดทางเดินและวิ่งกลับเข้ามาหาเขาและพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งพวกเขาก็ยังไม่คลายความระมัดระวังโดยยังคงเล็งปืนไปที่ฝั่งตรงข้ามสุดทางเดินเช่นเดิม
.
.
.
.
.
.
.