ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 486 ความขมขื่นของอาร์ตัน
ตอนที่ 486 ความขมขื่นของอาร์ตัน
สาเหตุที่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไม่พอใจเย่เชียนเป็นเพียงเพราะเย่เชียนเพิกเฉยต่อสิ่งต่างๆ เพราะเดิมทีเขาเคยครอบครองเมืองมูร์มัคส์เกือบจะทั้งเมืองแต่ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงเขตเดียว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเย่เชียนกลัวสิ่งต่างๆ หรือเขาเป็นเพียงแค่คนที่ไม่มีความสามารถใดๆ และเรื่องราวในตำนานของราชาหมาป่าเย่เชียนก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงที่จอมปลอมเช่นนั้น
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่เย่เชียนได้กวาดล้างแก๊งยามากุจิเท่านั้นแต่เขายังบอกใบ้ด้วยว่าเขาจะจัดการกับสลาดาร์อาร์ตันภายในครึ่งเดือนดังนั้นความไม่พอใจในใจของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จึงถูกปัดเป่าออกไปอย่างหมดจน ตอนนี้เขามีความคิดเพียงอย่างเดียวนั่นคือการคุ้มกันเย่เชียนและไม่ปล่อยให้เย่เชียนประสบอุบัติเหตุใดๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างแน่นอน
เย่เชียนก็ไม่สนใจว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นคิดอะไรอยู่ในใจเพราะเย่เชียนแค่ต้องการบอกให้ชัดเจนว่าไม่ว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของคูลอฟส์อังเดรและไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฟังเพราะท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะกระจ่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “พูดตามตรงผมมีบางอย่างที่อยากให้คุณทำจริงๆ ..ผมไม่รู้ว่าคุณจะพอใจหรือเปล่า”
“ถ้ามิสเตอร์เย่มีอะไรก็พูดออกมาได้เลย” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดโดยไม่ลังเลเพราะตอนนี้เขาคิดว่าเย่เชียนอาจจะให้เขาไปกำจัดสลาดาร์อาร์ตันเป็นการส่วนตัวดังนั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็คิดที่จะทำมันแต่ไม่ใช่เพราะเขากลัวการโต้กลับแต่อย่างใดแต่เป็นเพราะตอนนี้เขาอาจจะได้กลายเป็นตำนานอย่างเย่เชียนเพราะหากคนอย่างเย่เชียนขอให้เขาทำเขาก็ต้องทำอย่างเคร่งครัดเท่านั้น
เย่เชียนก็พึงพอใจกับทัศนคติของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “คุณไปปล่อยข่าวโดยบอกว่าสลาดาร์อาร์ตันต่อสู้กับแก๊งยามากุจิเพื่อแย่งชิงเขตการปกครองขององค์กรคูลอฟส์ในมูร์มัคส์จนทำให้สมาชิกแก๊งยามากุจิถูกสังหารตายกันจนหมด”
“ไม่มีปัญหา! ” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดต่อ “แต่ว่าผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมมิสเตอร์เย่ถึงต้องการทำแบบนี้..มิสเตอร์เย่บอกเองไม่ใช่หรือว่าสลาดาร์อาร์ตันจะถูกกำจัดก่อนที่แก๊งยามากุจิจะมาถึง? ..และยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เราปลุกปั่นยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันแต่ก็คงจะไม่ต่างไปจากเดิมหรอก”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “การเป็นมนุษย์ควรมีวิสัยทัศน์ในระยะยาวเพราะถึงแม้ว่าสลาดาร์อาร์ตันจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังของแก๊งยามากุจิเพื่อเสริมเพื่อโจมตีเราก็ตามแต่สิ่งนี้ก็สามารถกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างแก๊งยามากุจิกับสลาดาร์อาร์ตันได้..นั่นก็เพราะว่าแก๊งมาเฟียของสลาดาร์อาร์ตันนั้นไม่เคยร่วมมือกับแก๊งยามากุจิและการทำแบบนี้มันสามารถลดจำนวนคู่ต่อสู้ขององค์กรคูลอฟส์ได้จำนวนมาก..และอีกอย่างในอนาคตบางทีแก๊งยามากุจิอาจจะช่วยเติมไฟให้กับเหตุการณ์ต่างๆ ได้แล้วถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเราไม่ทำล่ะ”
อัสลานฮอร์ดมิลฟ์หยุดไปชั่วขณะแล้วพูดว่า “ได้! ..ผมรู้ว่าต้องทำยังไง..เพราะงั้นไม่ต้องกังวลเรื่องง่ายๆ แบบนี้ผมทำได้ง่ายๆ เลย”
“อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะง่ายขนาดนั้นเพราะองค์กรสลาดาร์ทั้งแก๊งและแก๊งยามากุจิไม่ได้โง่..ถ้าคุณต้องการยั่วยุความสัมพันธ์ของพวกเขาล่ะก็คุณต้องลงข่าวให้ละเอียดและชัดเจนและแนบเนียนอย่างมาก” เย่เชียนพูด
อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์เย่วางใจได้เลย..ผมรับปากเลยว่าผมจะทำให้ดี” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูด ชายหนุ่มคนนี้กลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากเพราะในเวลานี้รอยยิ้มของเขาทำให้เขาดูเหมือนโง่อย่างแท้จริง
เนื่องจากอัสลานฮอร์ดมิลฟ์มั่นใจมากเย่เชียนจึงไม่กังวลอะไรอีกต่อไปเขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “อืม” ส่วนหลินเฟิงเขาหลับตาและนอนพิงหน้าต่างมาสักพักแล้วโดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพักผ่อนหรือคิดเรื่องต่างๆ
เมื่อเห็นคนสองคนข้างหลังเงียบไปอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ไม่กล้ารบกวนอีกและขับรถของเขาอย่างตั้งใจ อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถปกปิดความสุขในใจของเขาได้และเขาก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะบินไปที่บ้านทันทีจากนั้นก็เตรียมการต่างๆ เพื่อเตรียมเริ่มต่อสู้กับสลาดาร์อย่างเป็นทางการ
อัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นอยู่ในเมืองมูร์มัคส์มาประมาณเจ็ดหรือแปดปีแล้วและเขาก็ต่อสู้กับสลาดาร์อาร์ตันมาสามหรือสี่ปีแล้วสำหรับคู่ต่อสู้คนนี้นั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ต้องการกำจัดมานานแล้ว เขาอยากทำเพื่ออะไร? เขาต้องการเห็นความพ่ายแพ้ของสลาดาร์อาร์ตันและเขาก็หวังว่าจะได้เห็นความขมขื่นและความหดหู่ของสลาดาร์อาร์ตันและเขาก็หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าที่ไร้วิญญาณของสลาดาร์อาร์ตัน
และตอนนี้เขาก็ไม่ลังเลเลยเพราะว่าช่วงเวลานั้นๆ กำลังจะมาถึงแล้วและภายในครึ่งเดือนเขาก็เชื่อว่าตราบใดที่เย่เชียนอยู่ที่นี่ด้วยและยังยืนอยู่ฝั่งเขาและการที่เขาทำตามคำสั่งของเย่เชียนล่ะก็สิ่งที่เขาหวังเอาไว้มันก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
หลังจากกลับไปที่บ้านเพื่อพักผ่อนหนึ่งคืนเย่เชียนและหลินเฟิงก็ตื่นกันแต่เช้าและออกไปวิ่งจากนั้นแต่ละคนก็ติดต่อสมาชิกในทีมของตัวเองและบอกให้พวกเขารายงานสถานการณ์ปัจจุบันขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะให้ทราบ ซึ่งจากรายงานเห็นได้ชัดว่าพวกจิ้งจอกหิมะไม่รู้ว่าเย่เชียนและเขี้ยวหมาป่ามาถึงที่เมืองมูร์มันสค์แล้วและพวกเขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้เพราะพวกองค์กรจิ้งจอกหิมะยังคงสืบข่าวอย่างหมดหวังว่าใครเป็นคนฆ่าไมคาอินอฟรองหัวหน้าขององค์กรของเขาในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน
ในตอนเย็นเย่เชียนก็รักษาสัญญาโดยการพาหลินเฟิงและพี่น้องเขี้ยวหมาป่าสองสามคนไปที่ร้านอาหารที่พวกเขาไปเมื่อคืนและสำหรับคนที่เหลือเย่เชียนก็ยังอนุมัติให้พวกเขาหยุดพักเป็นพิเศษเพื่อที่พวกเขาจะได้ดื่มด่ำกับความสุขสักคืน ซึ่งเมื่อผู้จัดการภัตตาคารเห็นเย่เชียนเขาก็ตื่นเต้นมากเพราะเขากำลังรอเย่เชียนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะเขาได้ทำการสั่งซื้อไข่ปลาคาเวียร์เป็นจำนวนมากและเขาก็เกือบจะได้เห็นฉากที่เจ้านายของเขายกย่องตัวเองในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะการทำกำไรมากมายมหาศาลครั้งนี้ดังนั้นเขาควรจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่การกระทำของเย่เชียนทำให้ความฝันของผู้จัดการร้านพังทลายและเขาก็แทบจะกระอักเลือดตายทันที “ผมได้ยินมาว่าคุณมีหม้อไฟที่มีชื่อเสียงที่นี่..ช่วยแนะนำผมหน่อยว่ามีหม้อไฟอะไรให้เราบ้าง” เย่เชียนอย่างพูดช้าๆ
“เอ่อไม่…ไม่มีปัญหา..คุณต้องการสั่งอย่างอื่นด้วยไหม..ผมมีไข่ปลาคาเวียร์ที่นี่มีชื่อเสียงมากคุณต้องการให้ผมเสิร์ฟมันไหม?” ผู้จัดการถามอย่างอ่อนแรงเพราะถ้าเขาขายคาเวียร์ไม่ได้บางทีเขาอาจจะโดนเจ้านายไล่ออกก็เป็นได้
“ไม่! ..ผมไม่ชอบกินของแบบนั้น..ผมชอบหม้อไฟเพราะมันดีจริงๆ ” เย่เชียนโบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “เตรียมหม้อไฟมาเลยผมหิวจะตายอยู่แล้ว”
ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินเช่นนี้เลือดของเขาก็แทบคลั่งในสมองของเขาและเขาเข่าทรุดลงไปกับพื้นเสียงดังโครมครามจนเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าต่างก็ประหลาดใจ แต่เย่เชียนก็เพียงยักไหล่เบาๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา ส่วนหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเพราะการคาดเดาของเขานั้นถูกต้องจริงๆ ว่าผู้จัดการภัตตาคารแห่งนี้เป็นคนโง่เกินไปเพราะไม่ว่าใครจะร่ำรวยแค่ไหนแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถรับประทานไข่ปลาคาเวียร์ขนาดนั้นได้ตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน
ในวันต่อมาทั้งเย่เชียนและหลินเฟิงต่างก็รู้สึกผ่อนคลายมากเพราะนอกจากการเที่ยวเพื่อความสนุกสนานแล้วทั้งสองคนยังวิ่งไปที่โรงยิมเพื่อฝึกทักษะทุกวันอีกด้วย
พวกเขารู้สึกผ่อนคลายแต่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์กลับไม่กล้าที่จะพักผ่อนหย่อนใจเพราะเขาเตรียมตัวอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยจัดเตรียมการเพื่อตอบโต้สลาดาร์อาร์ตันรวมไปถึงการจัดกำลังพลและการเตรียมอาวุธและกระสุนและการเจรจากับรัฐบาลมูร์มัคส์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ จนเขาไม่ได้พักผ่อนเลย
อย่างไรก็ตามในความคิดของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ในตอนนี้มันก็คุ้มค่าที่จะเหนื่อยเพราะในไม่ช้าเขาจะได้เห็นความอับอายของสลาดาร์อาร์ตันต่อหน้าเขาและเห็นสลาดาร์อาร์ตันสิ้นหวังและเมื่อนึกถึงสถานการณ์นี้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็รู้สึกมีความสุขมากและร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทันที
อีกฝ่ายก็ยุ่งวุ่นวายมากเช่นกันเพราะสลาดาร์อาร์ตันเองก็ไม่ยอมลดละเนื่องจากเขาเพิ่งเข้ายึดเขตการปกครองของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ได้เมื่อไม่นานมานี้เขาจึงต้องส่งกำลังคนจำนวนมากเพื่อจัดระเบียบใหม่และยิ่งไปกว่านั้นผู้นำระดับสูงของอค์กรสลาดาร์ก็ยังออกคำสั่งให้เขากำจัดอัสลานฮอร์ดมิลฟ์โดยเร็วที่สุดและเปลี่ยนเมืองมูร์มัคส์ให้เป็นเขตการปกครองและสำนักงานใหญ่ขององค์กรโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามสลาดาร์อาร์ตันเองก็มีความขมขื่นเพราะอีกด้านหนึ่งเขาต้องแก้ไของค์กรใหม่และในทางกลับกันเขาต้องป้องกันการโต้กลับของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อีกและเขาก็ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีระลอกใหม่ของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อีก ซึ่งสิ่งนี้ทำให้สลาดาร์อาร์ตันปวดหัวอย่างมาก
ถึงแม้ว่าสมาชิกระดับสูงขององค์กรสลาดาร์จะบอกแล้วว่าพวกเขาจะส่งใครสักคนมาหนุนหลังแต่หลังจากรอมาหลายวันสลาดาร์อาร์ตันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนคนนั้น หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในครอบครัวมานานสลาดาร์อาร์ตันก็มีความชัดเจนโดยธรรมชาติและต้องเป็นสมาชิกระดับสูงของครอบครัวที่มีความขัดแย้งกับตัวเองและพวกเขาเหล่านั้นก็กลัวว่าตัวเองจะมีสิทธิ์มากเกินไปจึงไม่เต็มใจที่จะส่งคนมาช่วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีวิธีอื่นใดจนถึงตอนนี้เพราะมันคงจะไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอนที่จะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับคนข้างบนเพราะเขาต้องพยายามแก้ไขสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุดและด้วยวิธีนี้ในกรณีที่มีการโจมตีจากอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อีกครั้งหรือเพื่อป้องกันการโจมตีของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นอย่างน้อยๆ ก็จะมีพลังพอที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ
และสิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวก็คือการที่มีข่าวลือว่าแก๊งยามากุจิถูกกวาดล้างจนสลาดาร์อาร์ตันรู้สึกงุนงงอย่างมากและในอีกด้านหนึ่งเขาโทรไปอธิบายกับแก๊งยามากุจิและเขาก็ต้องการทราบข่าวขององค์กรเซเว่นคิลด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแก๊งยามากุจิละทิ้งและเพิกเฉยกับคำพูดของเขาและแก๊งยามากุจิก็ยืนกรานว่าเขาจะช่วยเหลือสิ่งต่างๆ ในมูร์มัคส์แต่ถ้าหากสลาดาร์อาร์ตันไม่ส่งคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ให้ล่ะก็ทุกอย่างก็จะถูกโยนไปที่หัวของเขาเอง
นอกจากนี้แก๊งยามากุจิก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่มีความขัดแย้งระหว่างองค์กรเซเว่นคิล และไม่มีความจำเป็นที่องค์กรเซเว่นคิลจะฆ่าคนของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่านี่เป็นการกระทำที่น่าสงสัยของสลาดาร์อาร์ตันแทน
.
.
.
.
.
.
.