ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 487 สงครามกลางเมือง
ตอนที่ 487 สงครามกลางเมือง
อย่างไรก็ตามสลาดาร์อาร์ตันในตอนนี้ก็รู้สึกหดหู่ใจที่ปล่อยให้ตัวเองมาพัวพันกับเหล่านักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิล ซึ่งมันยากกว่าการบินขึ้นไปบนฟ้าเสียอีกเพราะแม้แต่ CIA และ FBI ของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่สามารถสืบหาข่าวคราวขององค์กรเซเว่นคิลได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับตัวเอง? ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาพบนักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิล? ซึ่งในเรื่องนี้นั้นสลาดาร์อาร์ตันก็ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยที่จะรับมือกับองค์กรเซเว่นคิล
สลาดาร์อาร์ตันก็ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องต่างๆ มันจะเป็นเช่นนั้นไม่เช่นนั้นเขาจะไม่รู้สึกกังวลและจะโจมตีอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อย่างบ้าคลั่งแน่นอน ซึ่งสลาดาร์อาร์ตันก็ไม่ใช่คนโง่เพราะเห็นว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นกลอุบายของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาขึ้นไปขี่หลังเสือเสียแล้วและถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงความยากลำบากข้างหน้าแต่เขาก็ต้องยืนหยัดจนหัวชนฝาให้ได้
ความหวังเดียวของเขาในตอนนี้คือการกำจัดอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อย่างรวดเร็วและครอบครองเมืองมูร์มัคส์ทั้งหมดเอาไว้ในกำมือของเขาและเมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าแก๊งยามากุจิจะปฏิเสธที่จะยอมรับแต่เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนักเพราะเมื่อนั้นแก๊งยามากุจิก็จะไม่กล้าเดินทางหลายพันไมล์มาเพื่อจัดการกับตัวเองเช่นนั้นใช่ไหม? ประการที่สองเมื่อเขากำจัดอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไปแล้วเขาก็จะยังเป็นวีรบุรุษขององค์กรและตระกูลสลาดาร์และหลังจากนั้นสมาชิกในครอบครัวของเขาจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องของตัวเองอีกต่อไป
ในประเทศรัสเซียนั้นตระกูลสลาดาร์มีความขัดแย้งแค่ตระกูลคูลอฟส์เท่านั้นเพราะถึงแม้ว่าแก๊งยามากุจิจะมีอำนาจและทรงพลังก็ตามแต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าสู้กับตระกูลสลาดาร์ในประเทศรัสเซียอยู่ดี ณ จุดนี้สลาดาร์อาร์ตันก็สามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับตระกูลคูลอฟส์นั้นหากเขาไม่สามารถกำจัดได้ล่ะก็มันไม่เพียงแค่ผู้นำของตระกูลและองค์กรจะต้องผิดหวังเท่านั้นแต่เมื่อไหร่ที่ตระกูลและองค์กรคูลอฟส์จับมือกันล่ะก็เหล่าองค์กรและตระกูลสลาดาร์ทั้งหลายจะไม่สามารถอยู่รอดในเมืองมูร์มัคส์ได้อีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทั้งหมดนี้คือเขาต้องกำจัดอัสลานฮอร์ดมิลฟ์โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามสลาดาร์อาร์ตันก็ไม่สามารถรอเวลานั้นได้อีกต่อไป
เหตุผลที่เย่เชียนเพิกเฉยต่อการโจมตีของสลาดาร์อาร์ตันและทำให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ล่าถอยไปทีละก้าวนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือเพื่อทำให้พลังของเขาอ่อนแอลงและทำให้ไม่สามารถรวบรวมพลังของเขาได้อีก เพราะถ้าหากสลาดาร์อาร์ตันไม่สนใจเขตการปกครองที่เขาดูแลเมื่อนั้นองค์กรคูลอฟส์ก็จะได้ทำการบุกโจมตีและจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสลาดาร์อาร์ตันไม่ฝักใฝ่อำนาจของเขาอีกต่อไป นั่นคงจะเป็นเรื่องยากที่จะรักษาอำนาจของเขาไว้ภายใต้การโจมตีแบบเทหน้าตักของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์
ในวันที่ 11 พฤษภาคมวันที่ถูกกำหนดไว้ในประวัติศาสตร์ของมูร์มัคส์ได้ดำเนินมาอย่างเงียบๆ และเชื่อว่าผู้ที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ลืมช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ไปอีกนาน เพราะวันนี้มันจะเป็นเวลาที่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ทำการจู่โจมเต็มอัตราศึกเพื่อทำให้เมืองมูร์มัคส์เป็นของตระกูลคูลอฟส์
เย่เชียนก็ระบุแผนการโจมตีทั้งหมดจากนั้นส่งมอบทุกอย่างให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์และบอกให้เขาสั่งการปฏิบัติการภาคสนามอย่างเคร่งครัด ซึ่งเย่เชียนมีหน้าที่มอบหมายสิ่งต่างๆ อย่างเดียวและนั่นคือต้องสังหารและกวาดล้างพวกเขาทั้งหมดโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการยึดครองเขตแดนและมุ่งเน้นการสังหารคนของตระกูลสลาดาร์ทั้งหมดนั่นคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
การโจมตีดังกล่าวไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันขัดกับสามัญสำนึกของการต่อสู้ขององค์กรใต้ดินทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะการต่อสู้โดยทั่วไปขององค์กรใต้ดินส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การยึดครองเขตแดน แต่เย่เชียนนั้นต้องการล้างบางฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นนี่คือเป็นจุดประสงค์หลักและสิ่งนี้ก็ทำให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ประหลาดใจอย่างมากจนทำให้พวกเขาหนาวไปถึงกระดูก และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าล้างบางเช่นนี้โดยสิ้นเชิงและมันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามในมุมมองของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้วด้วยความยิ่งใหญ่ของเย่เชียนที่กล่าวขานกันมาก็ทำให้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ไม่มีข้อสงสัยเลยในเวลานี้และนอกจากนี้เขายังชัดเจนมากว่าแผนการของเย่เชียนนั้นมีความเป็นไปได้สูงและสามารถนำไปใช้จนเกิดประโยชน์ได้จริง เพราะถ้าหากโจมตีแค่ผิวเผินแล้วทำไมเขาถึงต้องทำเช่นนี้ล่ะ? และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขายึดครองเขตแดนเพียงอย่างเดียวสลาดาร์อาร์ตันก็มีความเป็นไปได้ที่จะโต้กลับได้ตลอดเวลา ดังนั้นการถอนรากถอนโคนออกไปนั้นถูกแล้วเพราะปัญหาในอนาคตก็จะถูกตัดขาดไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากอธิบายสิ่งเหล่านี้เย่เชียนและหลินเฟิงก็กลับไปที่บ้านของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อย่างสบายใจเฉิบเพื่อเล่นหมากรุกราวกับว่าพวกเขาเป็นแม่ทัพที่ควบคุมกองกำลังหลายพันคนและมั่นใจว่าพวกเขาต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ได้ระดมกำลังพลและมอบหมายสิ่งต่างๆ ให้กับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาจากนั้นก็ให้กำลังใจต่อพวกเขาแล้วจึงเริ่มลงมือ การกระทำนี้เป็นไปตามคำแนะนำของเย่เชียนและใช้วิธีการโจมตีแบบระลอกคลื่นโดยการเริ่มการโจมตีจากกลุ่มแรกแล้วต่อด้วยกลุ่มที่สองและตามตัวกลุ่มต่อๆ ไปเป็นระลอกคลื่น ซึ่งตอนนี้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็เชื่อฟังคำสั่งของเย่เชียนอย่างเคร่งครัดและเขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลยเขาปฏิบัติตามคำสั่งที่เย่เชียนกล่าวเอาไว้อย่างสมบูรณ์
เพื่อให้มั่นใจในความสำเร็จของการต่อสู้ครั้งนี้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เป็นการส่วนตัวและนอกจากนี้เขาก็เป็นคนที่ไต่เต้าขึ้นมาจากด้านล่างและเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่รู้ว่าจะนั่งในสำนักงานและชี้นำคนอื่นเท่านั้นแต่นั่นก็เป็นเพราะการใช้ทักษะภาคสนามที่โดดเด่นของเขาเพื่อทำให้คูลอฟส์อังเดรชื่นชมและได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากคูลอฟส์อังเดรนั่นเอง
การกระทำนี้ไม่ควรเกิดความผิดพลาดใดๆ ไม่เช่นนั้นมันไม่เพียงแค่ชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลายเท่านั้นแต่เขาจะไม่สามารถปกป้องได้แม้แต่ชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำและมันจะทำให้คูลอฟส์อังเดรขุ่นเคืองอย่างมาก ซึ่งสำหรับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้วเขาไม่สามารถทำให้คูลอฟส์อังเดรขุ่นเคืองได้เลย
การต่อสู้ด้านนอกเป็นไปอย่างดุเดือดแต่ภายในบ้านของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นกลับเงียบสงบ ซึ่งเย่เชียนกับหลินเฟิงก็นั่งเผชิญหน้ากันโดยมีเกมหมากรุกอยู่ตรงหน้าพวกเขาและชาร้อนๆ สองถ้วย ทั้งสองนั้นที่มีสถานะอยู่ในระดับเดียวกันและชีวิตของพวกเขาก็เหมือนหมากรุกและการต่อสู้ก็เหมือนหมากรุกตัวหมากรุกเช่นกัน ซึ่งหมากแต่ละตัวนั้นเป็นตัวแทนของคนและทั้งสองก็ดูเหมือนแม่ทัพที่สั่งให้กองทัพหลายพันคนต่อสู้อย่างดุเดือด
เมื่อเล่นหมากรุกเย่เชียนและหลินเฟิงต่างก็ใช้สมาธิกันอย่างมากและทั้งสองฝ่ายก็เฝ้าดูกระดานหมากรุกอย่างเงียบๆ โดยตระหนักถึงการเดินหมากครั้งต่อไปและครั้งต่อๆ ไป… เพราะเหตุนี้เย่เชียนและหลินเฟิงจึงมีความคล้ายคลึงกันอีกอย่างหนึ่งคือการที่ทั้งคู่มีสมาธิมากเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องใช้ความคิด
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานานเย่เชียนก็ยืดตัวขึ้นอย่างช้าๆ และจิบชาในถ้วยและฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “มันน่าเบื่อผมขี้เกียจเล่นแล้ว..เราเสมอกัน!”
“จะชนะหรือแพ้มันก็ไม่สำคัญเพราะสิ่งที่สำคัญก็คือความสนุกในการเล่นหมากรุก!” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็กลอกตาไปมาและพูดว่า “คาดไม่ถึงเลยพี่หลินก็เหมือนผมที่ชอบวิธีการมากกว่าผลลัพธ์..ดูเหมือนว่าพี่หลินจะเป็นคนที่ยิดเยี่ยมจริงๆ ..การซ่อนตัวอยู่ในความมืดก่อนหน้านี้มันช่างเสียเปล่า” อันที่จริงเหตุผลที่เย่เชียนอยู่บนเส้นทางสู่การมีอำนาจในฐานะผู้นำองค์กรทหารรับจ้างนั้นก็เพื่ออนาคตของพี่น้องเขี้ยวหมาป่าแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำไปเพื่อตัวเขาเองเช่นกันเพราะเขาชอบการเป็นผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่งของโลก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดคือหลินเฟิงนั้นจะเหมือนกับตัวเขาเองเช่นนี้โดยพึงพอใจกับวิธีการมากกว่าผลลัพธ์ ซึ่งในความคิดของเย่เชียนนั้นนักฆ่าอย่างหลินเฟิงควรจะใส่ใจกับผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการเพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับนักฆ่าผลลัพธ์ของงานนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ขั้นตอนการดำเนินงานและวิธีการที่นำมาใช้ ดังนั้นเย่เชียนจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเฟิงเช่นนี้
“นายคิดแบบนั้นหรอ” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่หลินเป็นมังกรที่ต้องผงาดแล้วพี่จะอยู่ในความมืดตลอดไปได้ยังไง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเย่เชียนก็ยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาข้อมือและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นยังไงบ้าง..ผมหวังว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
“นายอย่ากังวลอย่างไม่มีเหตุผลสิ” หลินเฟิงพูด “นั่นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เลยนะเขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างแน่นอน..ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราในครั้งนี้ฉันก็คิดว่าสลาดาร์อาร์ตันนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย..เพราะงั้นนายอย่าคิดมากสิ..อยากออกไปเล่นสนุกกันสักหน่อยไหม?”
เย่เชียนฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ..พี่หลินก็รู้จักผมดีกว่าใครว่าผมชอบความตื่นเต้น..ผมอยู่ที่มูร์มัคส์มาหลายวันแล้วผมยังไม่รู้เลยว่าสลาดาร์อาร์ตันเขาเป็นคนแบบไหน..เราควรออกไปทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขานั้นไปอยู่ในดินแดนของเทพเฮดีสแล้ว”
“พวกรัสเซียไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งความตายเฮดีสหรอก” หลินเฟิงพูด
“เอาเถอะ..นานๆ ทีจะมีเวลาสบายๆ แบบนี้..เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้วเราต้องเริ่มดำเนินการเรื่องจิ้งจอกหิมะอีกครั้ง..แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบใช้เวลาอย่างมีความสุขเพราะเราจะไม่มีเวลาแบบนี้อีกในอนาคต” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่รอให้หลินเฟิงตอบกลับใดๆ
ในความเป็นจริงเย่เชียนก็เข้าใจดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกหลินเฟิงแต่พี่ชายคนนี้ก็จะทำตามตัวเองอย่างแน่นอน เพราะเขากลัวว่าการเล่นหมากรุกมันจะน่าเบื่อเกินไปเย่เชียนจึงอยากที่จะออกไปข้างนอก ซึ่งหลินเฟิงนั้นมีความอดทนมากกว่าเย่เชียนอย่างมากในเรื่องนี้
“คุณรู้จักที่อยู่บ้านของสลาดาร์อาร์ตันไหม? ..ขับรถพาพวกเราไปที” เย่เชียนพูดกับมาเฟียคนหนึ่งที่เป็นลูกน้องของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกของบ้าน
.
.
.
.
.
.
.
.