ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 489 เผชิญหน้ากับสลาดาร์อาร์ตัน
ตอนที่ 489 เผชิญหน้ากับสลาดาร์อาร์ตัน
ในแง่หนึ่งกลยุทธ์การรับมือของสลาดาร์อาร์ตันนั้นก็ถูกต้องเพราะถ้าหากคนของเขากระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ เขาก็จะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ได้และผลสุดท้ายก็คือเขาจะพ่ายแพ้ไปอย่างช้าๆ และเป็นความพ่ายแพ้ที่สมบูรณ์แบบ
และตอนนี้พลังทั้งหมดก็ถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้คุณสามารถป้องกันการโจมตีที่บ้าคลั่งของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าการรวมกันของกำลังพลทั้งหมดอาจทำให้เสียหายอย่างมากแต่มันก็จะส่งผลดีต่อสถานการณ์โดยรวมเพราะตราบใดที่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พ่ายแพ้ไปอย่างสมบูรณ์ล่ะก็อันตรายที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกกำจัดโดยปริยาย
ซึ่งถึงแม้ว่าสลาดาร์อาร์ตันจะพ่ายแพ้ก็ตามแต่เขาไม่ต้องการแพ้ไปอย่างสิ้นหวังเพราะอย่างน้อยๆ เขาก็ต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัวอย่างเอาเป็นเอาตายกับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ให้ได้ อันที่จริงแล้วสลาดาร์อาร์ตันก็ตั้งหน้าตั้งตารอวันเช่นนี้มานานแล้วตั้งแต่เขามาที่มูร์มัคส์เขาก็อยากจะตัดสินกับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามการกระทำของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ทำให้เขาสิ้นหวังอย่างมากถึงแม้ว่าในใจเขายังสงสัยว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อาจปกปิดแผนการสมคบคิดบางอย่างเอาไว้จึงได้รับชัยชนะเช่นนี้ เพราะเขาคิดว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงจอมปลอมเช่นนั้น
ตอนนี้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ได้เริ่มการโต้กลับที่ดุเดือดเช่นนี้และเขาก็กลับมาต่อสู้ยืนหยัดอีกครั้งถึงแม้ว่าสลาดาร์อาร์ตันจะไม่ต้องการผลลัพธ์เช่นนั้นแต่ในที่สุดเขาก็สามารถทำตามสิ่งที่เขาหวังเอาไว้เมื่อก่อนได้คือการได้ต่อสู้กับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์อย่างแท้จริง
รวบรวมพลังและกำลังพลทั้งหมดของเขาเข้าด้วยกันและเข้าร่วมศึกการยึดครองเขตแดนกับอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ซึ่งมีโอกาสแค่ครั้งเดียวเพื่อพิสูจน์ว่าใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะเป็นผู้แพ้ และต่อให้แพ่แต่อย่างน้อยๆ เขาก็แพ้อย่ามีศักดิ์ศรีและไม่อึดอัดใจเหมือนก่อนอีกต่อไป
ในขณะนี้ด้านนอกบริเวณบ้านของสลาดาร์อาร์ตันนั้นเย่เชียนและหลินเฟิงก็อยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์สิ่งต่างๆ ส่วนลูกน้องของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นเย่เชียนได้บอกให้เขากลับไปก่อนถึงแม้ว่าเขาจะกังวลก็ตามแต่เนื่องจากเย่เชียนได้พูดไปแล้วเขาจึงไม่กล้าคัดค้านเพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนถึงเจตนาฆ่าที่เย็นชาที่ฉายอยู่ภายในดวงตาของเย่เชียนและในตอนนี้เขาไม่สงสัยเลยว่าถ้าหากเขาทำอะไรให้เย่เชียนไม่พอใจล่ะก็เย่เชียนก็คงจะฆ่าเขาจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะทำเช่นนี้จริงๆ ถึงยังไงอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ตะไม่ขุ่นเคืองเย่เชียนเพราะเขา ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่เขาจะเชื่อฟังและและนอกจากนี้ถึงแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เชียนแต่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ไม่สามารถโทษเขาได้อยู่ดี
“ใช่! ..ดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะต่อสู้ครั้งใหญ่แล้ว..พี่คิดว่าสลาดาร์อาร์ตันจะทำอะไรได้ไหม?” เย่เชียนถาม
“บอกไม่ได้หรอก..เขากังวลและกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน” หลินเฟิงชี้ไปที่บ้านของสลาดาร์อาร์ตันและพูด
“พี่นี่เหมือนดาราหนังเลยนะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ค่อยดูหนัง?” หลินเฟิงตอบอย่างว่างเปล่า
“แล้วปกติเวลาว่างพี่ทำอะไร..พี่ไม่มีงานอดิเรกเลยเหรอ?” เย่เชียนถาม
“ก็อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันแก่และเงินหมดฉันก็จะเขียนชีวประวัติเกี่ยวกับตัวเอง..ฉันคิดว่ายอดขายมันคงไม่น่าจะแย่เกินไปหรอก” หลินเฟิงพูด
“นี่เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน..เมื่อผมแก่ตัวลงผมจะหาคนมาช่วยเขียนชีวประวัติบางทีพี่อาจจะยังมีชื่อเสียงในวงการนี้ก็ได้” เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า
“ชื่อของพวกต้องคงอยู่ตลอดกาล..ฉันคิดว่าวีรกรรมของพวกเราจะคงอยู่มากว่าหมื่นปี” หลินเฟิงพูด
“ตอนนั้นพวกเราก็ตายกันไปหมดแล้วเพราะงั้นไม่ว่าใครจะพูดอะไรถึงยังไงเราก็ไม่ได้ยินอยู่ดี” เย่เชียนก็ยักไหล่และมองอย่างไม่แยแส หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปแล้ว..ป่ะเราไปกันเถอะ..ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ผมคิดว่าเราคงจะไม่มีโอกาสอื่นแล้ว”
“นายไปเถอะฉันแค่มาดู..ฉันไม่อยากทำให้มันเกิดปัญหา” หลินเฟิงโบกมือของเขาและปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าและพูด
“มาเถอะอย่าแกล้งผมเลย..ผมคิดว่าสลาดาร์อาร์ตันต้องอยากเจอพี่แน่ๆ ..ผมอยากเห็นว่าเขาจะเป็นยังไงเมื่อเห็นพี่” เย่เชียนจับแขนของหลินเฟิงและกระโดดลงจากต้นไม้
“ฉันจะไปรบกวนเขาได้ยังไง..เขาไม่รู้จักฉันและฉันก็ไม่ได้อยากทำให้เขาขุ่นเคืองสักหน่อย” หลินเฟิงแสร้งพูดด้วยความประหลาดใจ
“ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกแก๊งยามากุจิตายด้วยน้ำมือของพี่..ถ้าผมเดาไม่ผิดหัวหน้าแก๊งยามากุจิต้องกดดันสลาดาร์อาร์ตันและบอกให้สลาดาร์อาร์ตันหาคนลงมือให้ได้แบบนั้นอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายเป็นคนทำทั้งหมดเลยมันไม่ใช่เรื่องของฉัน..ฉันไม่อยากโดนนายใช้เป็นเหยื่อล่ออีกแล้ว” หลินเฟิงพูด
“ดูสิ่งที่พี่พูดสิมันคืออะไร..พวกเรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม..ไปเถอะไปทำทุกอย่างให้มันจบๆ ไป..พี่คงไม่อยากให้ผมเจอปัญหาหรอกใช่ไหม?”
โดยไม่รอให้หลินเฟิงพูดเย่เชียนก็จับแขนของหลินเฟิงแล้วเดินไปที่บ้านของสลาดาร์อาร์ตันและเมื่อการ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นทั้งสองพวกเขาก็รีบยกปืนขึ้นและตะโกนว่า “หยุด! ..นั่นใคร? ”
เย่เชียนนั้นไม่เข้าใจภาษารัสเซียแต่เย่เชียนสามารถเดาได้ว่าพวกเขาพูดอะไรโดยดูจากการแสดงออกของพวกเขา แต่หลินเฟิงนั้นเข้าใจภาษารัสเซียเขาจึงเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองก็มองหน้ากันและหยุดแล้วยกมือขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากนั้นบอดี้การ์ดก็เดินไปข้างหน้าและตรวจค้นเย่เชียนกับหลินเฟิงและหยิบปืนพกออกไปจากนั้นก็ถามว่า “พวกแกเป็นใครมาทำอะไรที่นี่? ”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและหันไปมองหลินเฟิงและหลินเฟิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เรามาที่นี่เพื่อพบหัวหน้าของพวกคุณ..สลาดาร์อาร์ตัน”
“กลับไปเถอะ..หัวหน้าของเราไม่มีเวลามาเล่นกับพวกแกหรอก” หนึ่งในนั้นกระแทกปืนของเขาไปที่เย่เชียนและหลินเฟิงและพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“พี่หลินช่วยบอกเขาทีว่าให้พวกเขาไปบอกหัวหน้าของพวกเขาและถามสลาดาร์อาร์ตันว่าอยากรู้ไหมว่านักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิลนั้นอยู่ที่ไหน” เย่เชียนยิ้มให้หลินเฟิงและพูด
หลินเฟิงกลอกตาไปมาแต่ก็ยังคงแปลคำพูดของเย่เชียนอย่างซื่อสัตย์และจริงจังและหลังจากฟังคำพูดของหลินเฟิงแล้วมาเฟียคนที่อยู่หน้าประตูบ้านก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและหลังจากนั้นมองดูเย่เชียนและหลินเฟิงอีกครั้งแล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปข้างใน
อันที่จริงถ้าเย่เชียนและหลินเฟิงต้องการเข้าไปในบ้านของสลาดาร์อาร์ตันมันก็เป็นแค่เรื่องง่าย แต่พวกเขาได้เลือกวิธีการที่สง่างามแบบนี้เนื่องจากเขากำลังรับมือกับการโจมตีของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จึงทำให้ไม่มีคนอยู่ในบ้านมากนักและในขณะนี้ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
เย่เชียนและหลินเฟิงนั้นก็สามารถแอบเข้ามาโดยไม่รู้ตัวแต่พวกเขาก็มั่นใจเช่นกันว่าภายใต้การปิดล้อมของคนเหล่านี้ถึงยังไงพวกเขาก็ยังคงปลอดภัย ดังนั้นทำไมต้องแอบเข้ามาล่ะ? นอกจากนี้สลาดาร์อาร์ตันก็ยังไม่รู้ตัวตนของพวกเขาและไม่กล้าโจมตีพวกเขาอย่างไม่เลือกหน้าแน่นอน
เย่เชียนก็ไม่ได้คาดคิดแต่หลังจากนั้นไม่นานมาเฟียเหล่านั้นก็เดินออกมาอีกครั้งและโบกมือให้มาเฟียอีกสองคนที่เฝ้าเย่เชียนและหลินเฟิงเอาไว้และทั้งสองก็พาเย่เชียนและหลินเฟิงไปที่บ้านของสลาดาร์อาร์ตัน
เมื่อเห็นเย่เชียนและหลินเฟิงแล้วสลาดาร์อาร์ตันก็คิดอยู่พักหนึ่งและตระหนักว่าเขาไม่รู้จักคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็โบกมือให้พวกเขาปล่อยเย่เชียนและหลินเฟิงจากนั้นก็ถามว่า “สุภาพบุรุษทั้งสองมาจากประเทศที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า..หรือประเทศเกาหลี..หรือประเทศจีน?”
“ชาวจีนผู้สืบสายเลือดมังกร!” หลินเฟิงตอบ
“สุภาพบุรุษทั้งสองรู้เบาะแสขององค์กรเซเว่นคิลหรือเปล่า? ” สลาดาร์อาร์ตันถามประโยคๆนี้เป็นภาษาจีนดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถเข้าใจได้เช่นกัน
“รู้สิผมรู้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วคุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น..ผมไม่เคยไปบอกคนนอกว่าพวกเรากำลังหาคนขององค์กรเซเว่นคิลอยู่..บอกมาซะว่าพวกคุณเป็นใครไม่อย่างนั้นผมจะส่งคุณไปนรกทันที” สลาดาร์อาร์ตันรีบตะโกนอย่างรวดเร็ว
“ไอ้บ้านี่ฉันบอกว่าฉันแค่มาดูเฉยๆ ทำไมนายต้องพาฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยล่ะ..แล้วตอนนี้นายจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง?” หลินเฟิงมองเย่เชียนและพูดอย่างขี้เล่น
“พี่พูดอะไรเนี่ยเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอ..เราก็ต้องเจอความยากลำบากเหมือนกันสิ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปจ้องไปที่สลาดาร์อาร์ตันและพูดว่า “คำถามนี้มันง่ายมากเลยเพราะมีข่าวลือว่ามิสเตอร์สลาดาร์อาร์ตันไปฆ่าล้างบางแก๊งยามากุจิ..เพราะงั้นมิสเตอร์สลาดาร์อาร์ตันจึงถูกแก๊งยามากุจิบอกให้ไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังมาไม่งั้นชีวิตของคุณคงจะไม่ปลอดภัยสินะ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งสลาดาร์อาร์ตันก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพวกคุณสองคนเลย..เอาล่ะมาเถอะผมต้องทำยังไงพวกคุณถึงจะบอกที่อยู่ของนักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิล”
“แบบนี้แหละถึงจะสมกับเป็นผู้นำองค์กรมาเฟียสลาดาร์..ความแน่วแน่ของคุณเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
สลาดาร์อาร์ตันจะเหมาะสมกับคำชมเชยเหล่านั้นได้อย่างไรเพราะเขาเป็นเพียงสมาชิกของตระกูลที่ถูกผู้หลักผู้ใหญ่กีดกัน และตอนนี้สถานการณ์ของเขาก็เสี่ยงอันตรายมากเช่นกันดังนั้นเขาจะน่าชื่นชมได้อย่างไร “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะรู้มากเกี่ยวกับผมนะ..ไม่ทราบว่าสุภาพบุรุษทั้งสองชื่ออะไรกันบ้าง? ” สลาดาร์อาร์ตันพูด
.
.
.
.
.
.
.