ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 502 สงครามกลางป่ากลางเขา
ตอนที่ 502 สงครามกลางป่ากลางเขา
สำหรับพลซุ่มยิงแล้วมือนั้นเปรียบเสมือนชีวิตของพวกเขา อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นลูกแกะที่ถูกฆ่าเมื่อไม่มีปืนสไนเปอร์ไรเฟิลแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าม่อหลงไม่มีปืนสไนเปอร์ไรเฟิลที่มีระยะหวังผลนั้นเขาก็ยังสามารถเอาชนะศัตรูได้
ต่อหน้าเขาแต่เขากลับปล่อยให้พลซุ่มยิงมาทำร้ายคู่หูของเขาซึ่งมันสร้างความอับอายให้กับม่อหลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นนี้พลซุ่มยิงที่ถูกโจมตีจะสูญเสียความได้เปรียบโดยธรรมชาติ ท้ายที่สุดม่อหลงก็กำลังมองหาตำแหน่งแต่อีกฝ่ายกลับซ่อนตัวอยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้นอยู่แล้ว ดังนั้นม่อหลงจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายกว่า
อย่างไรก็ตามม่อหลงก็รู้ดีว่าเหตุใดเย่เชียนจึงคิดกำจัดสมาชิกทั้งหมดขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะด้านนอกฐานปฏิบัติการของพวกเขา นั่นก็เพราะว่าเย่เชียนต้องการที่จะต่อสู้และแข่งขันกับจิ้งจอกหิมะอย่างสมเกียรติซึ่งมันเป็นการทดสอบสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าไปในตัวเพราะมันเป็นสงครามและการต่อสู้ที่แท้จริงและไม่ได้จำลองเหตุการณ์แต่อย่างใด
ในขณะที่หลีกเลี่ยงกระสุนของฝ่ายตรงข้ามม่อหลงก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเพราะโอกาสมักจะอยู่ในช่วงเวลานั้นที่สำคัญและต้องดูว่าเราจะเข้าใจได้ไหม เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงปืนเสร็จม่อหลงก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเปลี่ยนแม็กกาซีนใส่กระสุนเขาจึงรีบเอื้อมมือไปคว้าปืนพกที่เอว อย่างไรก็ตามในขณะนั้นม่อหลงก็ได้เข้ามาอยู่ข้างๆ เขาแล้วพร้อมกับกริชดาวตกในมือของและแทงเข้าไปที่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
การโจมตีเข้าที่หัวใจนั้นไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้ตายเพราะในระหว่างการต่อสู้มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการโจมตีไปที่หัวใจเพราะถึงแม้ว่ากระสุนจะทะลุหัวใจคนๆ นั้นไปถึงยังไงเขาก็จะไม่ตายในทันทีและอย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาสองถึงสามวินาทีและยิ่งไปกว่านั้นสำหรับทหารมืออาชีพแล้วเวลาเพียงแค่สองถึงสามวินาทีก็เพียงพอที่ปลิดชีพของคู่ต่อสู้แล้ว
ดังนั้นสำหรับม่อลองที่ผ่านการฝึกกายวิภาคของมนุษย์แบบพิเศษจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการโจมตีระบบประสาทส่วนกลางของคู่ต่อสู้ด้วยมีดเพียงเล่มเดียวเพราะเมื่อระบบประสาทส่วนกลางของฝ่ายตรงข้ามถูกทำลายถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังหายใจอยู่แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้ ถึงแม้ว่าม่อหลงจะไม่เหมือนกับเหล่านักฆ่าองค์กรเซเว่นคิลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการลอบสังหารก็ตามแต่เมื่อม่อหลงแทงเข้าไปในสมองระบบประสาทส่วนกลางของฝ่ายตรงข้ามนั้นอีกฝ่ายก็มองเขาด้วยความประหลาดใจและดวงตาของเขาคนนั้นก็เต็มไปด้วยความสยดสยองและความประหลาดใจ อย่างไรก็ตามเขาคนนั้นก็ไม่สามารถที่จะตอบโต้อะไรได้อีกต่อไป
จากนั้นม่อหลงก็ใช้กริชดาวตกปาดคอทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะต้องตายอย่างสมบูรณ์แบบ
ที่นี่ม่อหลงได้กำจัดพลซุ่มยิงของจิ้งจองหิมะไปแล้ว ในทางกลับกันเย่เชียนเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดุเดือดเช่นกันแต่เนื่องจากตำแหน่งเฝ้าระวังของเย่เชียนนั้นอีกฝ่ายจึงไม่สามารถปิดล้อมได้ ภายใต้คำสั่งของจางจิวเหว่ยนั้นทำให้สมาชิกเขี้ยวหมาป่าเป็นเหมือนหอกน้ำแข็งจากเทพเจ้า เพราะพวกเขานั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและพวกก็เขายังคงเคลื่อนพลกันต่อไปอย่างดุเดือด
แน่นอนว่านักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิลของหลินเฟิงก็เช่นกันเพราะในขณะนี้พวกเขาใช้ทักษะลับไร้เงาในการโจมตีศัตรู ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาได้อย่างสมบูรณ์เพราะสมาชิกหลายคนขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะได้เสียชีวิตไปอย่างลึกลับโดยไม่มีโอกาสได้ตอบสนอง ซึ่งวิธีการตายก็ยังแปลกและประหลาดมากและบางคนก็ถูกฆ่าด้วยวิธีการที่แปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ
องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับองค์กรนักซ่าเซเว่นคิลก็ได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรก ซึ่งการร่วมมือกันในการต่อสู้เช่นนี้พวกเขากลับสนับสนุนกันได้อย่างยอดเยี่ยมและเหล่านักฆ่าเลือดเย็นที่ดูเหมือนแทบจะไร้ความปรานีต่อศัตรูจนทำให้เลือดของพวกเขาเดือดพล่านจนเหล่าสมาชิกของเขี้ยวหมาป่ารู้สึกเป็นครั้งแรกถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘มิตรสหาย’ ซึ่งมันเป็นมิตรภาพที่ผ่านความเป็นและความตายด้วยกันอย่างแท้จริง
หลินเฟิงไม่ใช่คนที่แสดงออกมากนักถึงแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเย่เชียนเขาก็ไม่เคยพูดอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เข้าใจและรู้สึกได้ อย่างไรก็ตามสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลนั้นก็ไม่ชัดเจนเพราะในสายตาของพวกเขาหลินเฟิงมักจะเย็นชาและไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสและถึงแม้ว่าองค์กรเซเว่นคิลจะเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ทุกอย่างก็ถูกตรึงไว้บนพื้นฐานของการทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงและส่วนความรู้สึกระหว่างสมาชิกนั้นก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากนัก
สำหรับนักฆ่าแล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีเพราะถ้าหากนักฆ่ามีอารมณ์ต่างๆนาๆ มากเกินไปมันจะทำให้ความสงบเสงี่ยมและสมาธิในการฆ่าของพวกเขาลดลง ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่รู้สึกผิดอะไรกับสถานการณ์นี้เพราะเขารู้ว่ายังมีความเชื่อในหมู่นักฆ่าและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ระหว่างองค์กรแต่ด้วยชื่อของเซเว่นคิลแล้วพลังของพวกเขาก็จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากต่อสู้มานานเบอร์นาร์ดสกี้ก็เห็นได้ว่ามันไม่ใช่พวกมาเฟียที่โจมตีเขาแต่เป็นทหารมืออาชีพและนี่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากพลางคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลรัสเซียต้องการกวาดล้างองค์กรของเขา? แต่เห็นได้ชัดว่านี่เป็นไปไม่ได้แต่นอกเหนือจากนี้แล้วเบอร์นาร์ดสกี้ก็ไม่สามารถนึกถึงใครได้อีก
การเฝ้าดูสมาชิกในทีมของเขาตายไปทีละคนนั้นจึงทำให้ความเศร้าโศกและความโกรธเกรี้ยวในใจของเบอร์นาร์ดสกี้ไม่สามารถจินตนาการได้เลยเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะนำสมาชิกจิ้งจอกหิมะมากกว่าห้าสิบชีวิตออกมาตายเพราะภายในระยะเวลาอันสั้นกลับมีคนเหลืออยู่เพียงไม่ถึงยี่สิบคน ซึ่งการสูญเสียดังกล่าวนั้นมันสร้างความสยดสยองให้กับเหล่าสมาชิกจิ้งจอกหิมะอย่างมาก
เบอร์นาร์ดสกี้ก็แทบทนไม่ไหวที่จะตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแต่มีเหตุผลหนึ่งที่บอกเขาว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการฝ่าวงล้อมออกไปและหนีออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นมันไม่เพียงแค่ตัวเองที่ต้องตายแต่สมาชิกจิ้งจอกหิมะจำนวนหนึ่งโหลที่เหลืออยู่จะต้องล้มตายกันเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นมันก็หมายความว่าองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่แนวหน้าในโลกของทหารรับจ้างจะต้องถูกลบออกไปจากรายชื่อและไม่มีองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะในโลกใบนี้อีกต่อไป
เบอร์นาร์ดสกี้ก็นำกองทหารของตัวเองถอยกลับขณะที่ต้านทานไปด้วย ซึ่งพวกเขานั้นไม่ได้ตระหนักถึงทุ่นระเบิดระหว่างทางที่เหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าติดตั้งกลไกต่างๆ เอาไว้ในป่าซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบแต่พวกเขาก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน เพราะทางด้านของสมาชิกเขี้ยวหมาป่านั้นมาที่เมืองมูร์มันสค์สักพักแล้วและเย่เชียนก็กำหนดแผนการรบและกลยุทธ์ให้พวกเขาโดยการติดตั้งกลไกกับดักระเบิดเอาไว้หลายแห่งในป่าแห่งนี้สำหรับการถ่วงเวลาและป้องกันการหลบหนีของเหล่าสมาชิกจิ้งจอกหิมะ
แน่นอนว่าเพราะกับดักที่เย่เชียนจัดเตรียมไว้ถ่วงเวลาเบอร์นาร์ดสกี้นั้นพวกเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากและความเร็วในการเคลื่อนพลก็ช้าลงแต่พวกเขาก็ค่อยๆ ปิดล้อมสมาชิกจิ้งจอกหิมะจนพวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้เลย
ยุทธวิธีในการโจมตีนั้นคือการขับเคลื่อนกองกำลังเป็นรูปตัว V และในช่วงเวลาหนึ่งจากรูปตัว V จะเปลี่ยนเป็นรูปตัว O เพื่อปิดล้อมศัตรูทั้งหมดให้อยู่ในนั้นด้วยการปิดล้อมแปดทิศทางพร้อมสมาชิกเขี้ยวหมาป่าจำนวนสิบหกคนและแบ่งออกเป็นสองคนในแต่ละทิศทางควบคู่ไปกับนักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิลจึงทำให้เหล่าทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะไม่สามารถหลบหนีได้เลย
เมื่อการปิดล้อมนี้ก่อตัวขึ้นแล้วจึงทำให้เหล่าจิ้งจอกหิมะช้าลงเนื่องจากยุทธวิธีดังกล่าวก็สามารถทำให้ตำแหน่งพลซุ่มยิงของม่อหลงเริ่มมีบทบาทอีกครั้ง ซึ่งการยิงต่อเนื่องของม่อหลงนั้นก็ได้สร้างความตกตะลึงและความหวาดกลัวอย่างมากเพราะในทุกๆ นัดของม่อหลงนั้นจะมีศัตรูจะล้มลงเสมอ เมื่อเห็นเช่นนี้เบอร์นาร์ดสกี้ก็ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะพลางคิดว่านี่เป็นพลซุ่มยิงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลย
มีองค์กรใดบ้างที่มีบุคคลที่เก่งกาจเช่นนี้? เบอร์นาร์ดสกี้ก็ถึงกับประหลาดใจเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยรับราชการในหน่วยรบพิเศษหมีขั้วโลกของประเทศรัสเซียและดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชากองพัน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับวิธีการรบของหน่วยรบพิเศษหมีขั้วโลก ซึ่งนั่นทำให้เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนของหน่วยรบพิเศษหมีขั้วโลก ซึ่งเบอร์นาร์ดสกี้เองก็ยังเชื่อด้วยว่าหากรัฐบาลรัสเซียต้องการจัดการกับเขาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดคือการส่งหน่วยรบพิเศษหมีขั้วโลกมาจัดการกับเขาไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการโจมตีทางอากาศเท่านั้น ดังนั้นเบอร์นาร์ดสกี้จึงเชื่อมั่นว่าคราวนี้ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่กองทัพหรือรัฐบาลของประเทศรัสเซียและไม่ใช่เหล่ามาเฟียด้วยเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีการฝึกฝนอย่างมืออาชีพเช่นนี้
“เฮ้! ..นี่พวกคุณเป็นใคร..ทำไมพวกคุณถึงได้โจมตีองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจิงหิมะของเรา” เบอร์นาร์ดสกี้อดทนอดกลั้นต่อความสงสัยในใจไม่ไหวเขาจึงตะโกนถามอย่างเสียงดังเพราะสำหรับเบอร์นาร์ดสกี้นั้นมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมากถ้าหากเขาไม่รู้แม้แต่คู่ต่อสู้ของเขานั้นเป็นใคร
จากนั้นจางจิวเหว่ยก็สั่งให้สมาชิกเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดหยุดการโจมตีและในทันใดนั้นป่าแห่งนี้ก็เงียบงันทันที หลังจากนั้นจางจิวเหว่ยก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและแปลคำพูดของเบอร์นาร์ดสกี้ให้เขาฟัง ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและตะโกนว่า “สวัสดีมิสเตอร์เบอร์นาร์ดสกี้..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เบอร์นาร์ดสกี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะมันช่างคุ้นเคยและเขาก็คุ้นเคยกับภาษาจีนอยู่บ้าง ซึ่งเบอร์นาร์ดสกี้นั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครและเขาจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ราชาหมาป่าเย่เชียน? ” คราวนี้เบอร์นาร์ดสกี้ใช้ภาษาจีนและถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มาตรฐานมากนักแต่เย่เชียนก็พอเข้าใจได้
นี่เป็นการปฏิรูปครั้งยิ่งใหญ่หลังจากที่เขี้ยวหมาป่าโค่นล้มองค์กรทหารรับจ้างเสือดาวหิมะและได้ขึ้นเป็นราชาแห่งโลกของทหารรับจ้าง ซึ่งในการประชุมรวมทหารรับจ้างชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกนั้นเย่เชียนก็บอกให้การสนทนาทั้งหมดเป็นภาษาจีนเพราะท้ายที่สุดแล้วเขี้ยวหมาป่าก็เป็นถึงราชาแห่งโลกทหารรับจ้างดังนั้นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างคนอื่นๆ ก็ต้องเรียนภาษาจีน
“มิสเตอร์เบอร์นาร์ดสกี้มีความจำที่ดีมาก..คุณจำผมได้!” เย่เชียนพูด
มุมปากของเบอร์นาร์ดสกี้ก็กระตุกสองสามครั้งจากนั้นเขาก็พูดว่า “มิสเตอร์เย่..จิ้งจอกหิมะกับเขี้ยวหมาป่าของคุณน่ะเราก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาโดยตลอดและผมเองก็เคารพคุณเสมอ..เพราะงั้นผมก็อยากจะรู้ว่าผมไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองจนถึงกับต้องยกทัพเขี้ยวหมาป่ามาเพื่อจัดการกับจิ้งจอกหิมะของผม!”
“ผมคิดว่ามิสเตอร์เบอร์นาร์ดสกี้คงจะจำเซอร์เก้วิชพุชกินได้ใช่ไหม? ..คราวนั้นคุณได้ส่งไมคาอินอฟพร้อมกับเหล่าทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะไปยังประเทศจีนและไม่ใช่แค่คุณไม่ทักทายหรือขออนุญาตจากผมเท่านั้นแต่พวกของคุณยังทำร้ายพี่น้องของผมอีกด้วย..เพราะงั้นคุณคิดว่าผมควรมาแก้แค้นไหมล่ะ?” เย่เชียนพูดต่อ “มิสเตอร์เบอร์นาร์ดสกี้คงจะยังไม่ลืมสินะว่าในการประชุมร่วมขององค์กรทหารรับจ้างจากทั่วทุกมุมโลกในครั้งแรกนั้นผมได้บอกทุกคนไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าหากใครต้องการเข้ามาเหยียบแผ่นดินจีนหรือต้องการปฏิบัติภารกิจในประเทศจีนล่ะก็พวกคุณต้องมาทักทายหรือขออนุญาตจากผมก่อน! ..ดูเหมือนว่ามิสเตอร์เบอร์นาร์ดสกี้คงจะลืมคำเตือนของผมไปแล้วสินะ”
นิสัยของเย่เชียนนั้นเป็นที่รู้จักกันดีเพราะเขาเป็นคนที่ไม่สามารถยอมรับความร้าวฉานได้และไม่ว่าใครจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าเหตุผลมันจะเป็นอย่างไรใครก็ไม่สามารถทำให้เย่เชียนต้องขุ่นเคืองได้ ซึ่งประเด็นนี้เบอร์นาร์ดสกี้เองก็ชัดเจนมากเช่นกัน
.
.
.
.
.
.
.