ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 505 เกินความคาดหมาย
ตอนที่ 505 เกินความคาดหมาย
คนที่ดูประหลาดใจที่สุดในที่แห่งนี้ก็คือหลินเฟิงเพราะเขาเคยได้ต่อสู้กับเย่เชียนเป็นการส่วนตัวอย่างจริงจังแล้วดังนั้นเขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ของเย่เชียน ซึ่งเขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าวันนี้ทักษะของเย่เชียนจะเพิ่มขึ้นถึงขนาดนี้ราวกับสิงโตขย้ำกระต่าย
ซึ่งสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าเองก็แปลกใจแต่เนื่องจากเย่เชียนนั้นทำได้ดีมากเพราะเย่เชียนรับมือกับการโจมตีบอสเบอร์นาร์ดสกี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบพวกเขาจึงไม่ได้กังวลอะไร
มีคนเคยเปรียบเทียบเย่เชียนกับหมาป่าผีไป๋ฮวยโดยกล่าวว่าเย่เชียนนั้นเป็นดั่งแม่ทัพที่เก่งในการควบคุมผู้คนส่วนหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นเป็นดั่งขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเย่เชียนกับหมาป่าผีไป๋ฮวยอย่างมากและเมื่อใดก็ตามที่เย่เชียนได้ยินคำพูดเหล่านี้เย่เชียนก็ไม่เห็นด้วยอย่างมากเพราะเขาไม่ใช่แม่ทัพและไป๋ฮวยก็ไม่ใช่ขุนศึกและทั้งสองต่างก็มีจุดแข็งเป็นของตัวเอง
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้นั้นทักษะการต่อสู้ทั้งหมดก็กลายเป็นแค่ความว่างเปล่า ซึ่งตอนนี้ทักษะการต่อสู้ที่นาร์ดสกี้มีนั้นมันไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เชียนได้เลยและความหวังในการเอาชนะเย่เชียนก็เป็นเรื่องที่ริบหรี่,ริบรี่อย่างยิ่งและตอนนี้เบอร์นาร์ดสกี้ก็มีเพียงความคิดเดียวและนั่นก็คือต้องต่อสู้กับเย่เชียนด้วยชีวิตและความตายและถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของเย่เชียนก็ตามแต่บางทีถ้าหากเขาทำให้เย่เชียนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้วเหล่าเขี้ยวหมาป่าอาจจะล้มเลิกการไล่ล่าสมาชิกคนอื่นๆ ของจิ้งจอกหิมะเพื่อหันไปช่วยเย่เชียนเป็นแน่
ความตั้งใจที่จะตายและการต่อสู้แบบไม่คิดชีวิตนั้นมักจะกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์และใช้พลังของมนุษย์ในระดับที่เป็นไปไม่ได้ให้มันเป็นไปได้และยิ่งมีความตั้งใจที่จะตายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแรงผลักดันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้นั้นมันไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดสำหรับทุกสิ่งเพราะบางครั้งยิ่งออร่าของใครคนหนึ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่เขาก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะได้มากขึ้นเท่านั้น
คนที่ตั้งใจที่จะต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถเผชิญหน้ากับความตายได้และนั่นก็เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์และครอบครัวและพวกพ้องซึ่งทั้งหมดนี่คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และมันจะทำให้คนคนนั้นยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเย่เชียนเคยสัญญากับหลินโรวโร่วเอาไว้ว่าเขาจะรอดชีวิตและกลับไปพบเธอและไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนหรือในการต่อสู้แบบใดก็ตามเย่เชียนก็สาบานว่าเขาจะต้องนำเขี้ยวหมาป่าออกจากเส้นทางที่เลวร้ายและมุ่งสู่จุดสูงสุดเพื่อก้าวข้ามผ่านทุกสรรพสิ่ง และทุกความเชื่อนั้นได้ยกระดับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเย่เชียนให้ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับความตายแล้วเบอร์นาร์ดสกี้จึงไม่หวั่นเกรงแต่กลับแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อเห็นเย่เชียนปล่อยหมัดเข้ามาเบอร์นาร์ดสกี้ก็ไม่เพียงแค่ไม่หลบหลีกแต่ยังรับหมัดของเย่เชียนอีกด้วยและในเวลาเดียวกันเขาก็ต่อยหน้าเย่เชียนด้วยหมัด ซึ่งการทำแบบนี้มันมีแต่แพ้กับแพ้อย่างสิ้นเชิงและยังเป็นการกระทำที่โง่เขลาอีกด้วย เขารู้ดีว่าจากการโจมตีที่รุนแรงของเย่เชียนในตอนนี้นั้นถ้าหากเขาถูกเย่เชียนชกเข้าที่ใบหน้าหรือจุดตายล่ะก็เขาก็จะไม่ลุกขึ้นยืนอีกแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่มีทางอื่นถ้าเขาไม่ใช้รูปแบบการต่อสู้แบบเผชิญหน้าแบบนี้แล้วเขาก็คิดว่าเขาจะถูกเย่เชียนโค่นล้มหากเขายังยื้อเวลาต่อไปอีกไม่ถึงสองสามนาที
เย่เชียนเองก็คาดเดาเจตนาของเบอร์นาร์ดสกี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติแต่เขาจะแพ้เบอร์นาร์ดสกี้ได้ยังไง? อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าหากเขาหลีกเลี่ยงหมัดของเบอร์นาร์ดสกี้เขาจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอนและด้วยวิธีนี้เบอร์นาร์ดสกี้ก็จะใช้ประโยชน์และเปลี่ยนการตั้งรับเป็นการไล่ล่าอย่างแน่นอนและมีแนวโน้มที่สถานการณ์จะพลิกกลับ
ทั้งหมดนี้หลินเฟิงที่อยู่ด้านข้างสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและเขายังมองดูเย่เชียนในสนามอย่างสนุกสนานซึ่งเขาอยากรู้ว่าเย่เชียนจะเลือกตัดสินใจยังไงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นโดยเสียงเรียกเข้าซึ่งดูเหมือนจะกระตุ้นการตัดสินใจของเย่เชียนได้และในทันใดนั้นเย่เชียนก็โยกหลบหมัดของเบอร์นาร์ดสกี้และหมุนตัวใช้ศอกฟาดเข้าไปที่คอของเบอร์นาร์ดสกี้และด้วยการปะทะครั้งนี้เย่เชียนก็ไม่ผ่อนแรงของเขาเลยแม้แต่น้อยและยังใช้พลังแฝงของเขาอีกด้วยและจากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียง “กรึก! ” กระดูกคอของเบอร์นาร์ดสกี้แตกและร่างใหญ่ๆ ดั่งภูเขาทั้งร่างก็ล้มลงกับพื้นไปอย่างช้า
เหล่าสมาชิกจิ้งจอกหิมะที่เห็นสถานการณ์นี้ก็ถึงกับตกใจและแทบอยากจะชักปืนออกมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง อย่างไรก็ตามนักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิลที่อยู่ในความมืดก็มองเห็นฉากนี้ได้อย่างชัดเจนในสายตาของพวกเขาและในขณะที่ชื่นชมทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนอยู่นั้นพวกเขาไม่ได้ละเลยการเฝ้าระวังจากสมาชิกจิ้งจอกหิมะเลย ซึ่งเมื่อเหล่านักฆ่าเห็นการกระทำของพวกเขาทันใดนั้นร่างเงาหลายร่างก็แวบออกมาจากป่าอย่างรวดเร็วและมีเพียงแสงสีขาวกะพริบผ่านไปและสมาชิกของจิ้งจอกหิมะมากกว่าครึ่งก็เสียชีวิตลงในทันที
ส่วนคนที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนก็ถูกสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าเอาปืนจ่อเอาไว้และไม่สามารถขยับได้เลย ซึ่งเย่เชียนก็เหลือบมองพวกเขาและพูดว่า “ในฐานะทหารรับจ้างนั้นผมก็ไม่ควรปล่อยพวกคุณไป..แต่ผมเห็นว่าหัวหน้าของพวกคุณเต็มใจที่จะตายเพื่อแลกกับชีวิตของพวกคุณเพราะงั้นผมจะปล่อยให้พวกคุณไปมีชีวิตตามที่ต้องการ..ส่วนการแก้แค้นให้หัวหน้าของพวกคุณนั้นพวกคุณก็มาได้เสมอ..ผมจะรอวันนั้น!” จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่จางจิวเหว่ยแล้วพูดว่า “ปล่อยพวกเขาไป!”
หลังจากยึดอาวุธของสมาชิกจิ้งจอกหิมะแล้วเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าก็ปล่อยพวกเขาไป ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความไม่พอใจและโกรธในใจก็ตามแต่ตอนก็นี้ไม่มีทางอื่นเพราะพวกเขาจะสามารถเดินออกไปจากสมรภูมินรกนี้ได้อย่างไร้ความกังวล
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่จางจิวเหว่ยและส่งสัญญาณให้ทีมของเขาเคลียร์พื้นที่จากนั้นก็ยิ้มให้หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ในที่สุดผมก็ได้เห็นทักษะลับไร้เงาของนักฆ่าองค์กรเซเว่นคิลสักที..ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ”
“ก็นะชื่อมันคือลับไร้เงา..แต่มันเป็นการลอบสังหาร” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้านายไม่รีบโทรกลับไประวังผู้หญิงของนายจะคิดว่านายกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ล่ะ..แล้วนายจะเสียใจในภายหลัง”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะจากนั้นก็มองไปที่หลินเฟิงอย่างเปล่าแล้วพูดว่า “ไร้สาระหน่า!” หลังจากพูดแล้วเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาดูและพบว่าเป็นหลี่จื้อเทียนที่โทรเข้ามา ซึ่งเย่เชียนก็ถึงกับผงะเพราะหลี่จื้อเทียนนั้นแทบจะไม่ได้ติดต่อเขาเลยและครั้งสุดท้ายที่เขาติดต่อคือไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อขอให้เย่เชียนไปที่นั่นก่อนเวลาเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดคาสิโนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าหากจะให้เย่เชียนช่วยอะไรในตอนนี้มันก็สายไปแล้วใช่หรือไม่
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็ไม่กล้าที่จะรอช้าอีกต่อไปเขาก็พยักหน้าให้หลินเฟิงและเดินออกไปและโทรกลับไปที่เบอร์ของหลี่จื้อเทียนทันที ครู่หนึ่งเสียงของหลี่จื้อเทียนก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ว่า “น้องเย่! ..มีบางอย่างเกิดขึ้น!”
“มีอะไรเกิดขึ้นในคาสิโนหรอ..มีอะไรผิดปกติ? ” ความคิดแรกของเย่เชียนนั้นคือมันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในคาสิโน ไม่เช่นนั้นหลี่จื้อเทียนคงจะไม่โทรมาหาตัวเองดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เป็นแน่
“ใช่! ” หลี่จื้อเทียนพูดต่อ “ฉันเพิ่งจะได้รับข่าวจากรัฐบาลกลางว่าอุตสาหกรรมการพนันนั้นจะถูกยกเลิกและการพนันทุกรูปแบบก็ถูกสั่งห้าม..พูดให้เข้าใจก็คือคาสิโนของเราจะถูกแบน! ”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “รัฐบาลกลางได้ออกเอกสารเพื่อสนับสนุนให้มณฑลเหอหนานใช้การพนันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจไม่ใช่หรอกเหรอ..แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”
“ฉันเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ มักนัก..แต่ในการประชุมไม่กี่วันที่ผ่านมาคณะกรรมการกลางได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความคิดเห็นนี้” หลี่จื้อเทียนพูด “น้องเย่ฉันขอโทษจริงๆ ..เป็นเพราะฉันไม่ได้ติดตามข่าวสารของคณะกรรมการกลางจากวงใน..นี่ฉันทำงานในรัฐบาลยังไงเนี่ยแล้วฉันจะส่งเสริมอุตสาหกรรมการพนันได้ยังไง..ฉันประมาทไปเอง!”
เย่เชียนนั้นไม่ได้กังวลอะไรเลยเพราะเขาไม่ได้ใช้เงินสำหรับการลงทุนในครั้งนี้เพราะมันมาจากเงินในกระเป๋าของหลี่จื้อเทียนเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เข้าใจเนื่องจากรัฐบาลกลางไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรในมณฑลเหอนานแล้วเหตุใดสถานการณ์ต่างๆ จึงเป็นเช่นนี้
เย่เชียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลกลางถึงจงใจเผยแพร่ข่าวสารและดูดซับเงินจำนวนมากเข้าสู่มณฑลเหอหนานหรือเพราะรัฐบาลกลางรู้ว่าเย่เชียนร่วมมือกับหลี่จื้อเทียนดังนั้นพวกเขาจึงจงใจปราบปรามตัวเอง อย่างไรก็ตามถ้าคุณคิดอย่างรอบคอบมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลกลางก็ไม่ได้ออกเอกสารอย่างเป็นทางการที่อนุญาตให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมในมณฑลเหอหนานและทุกอย่างก็เป็นเพียงเรื่องซุบซิบและคิดกันไปเอง ซึ่งคนที่อนุมัติเรื่องทั้งหมดนี้ต้องเป็นรัฐบาลกลางเพราะพวกเขาจะต้องเห็นด้วยที่จะมีเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่มณฑลเหอหนาน จากนั้นรัฐบาลกลางก็ออกเอกสารห้ามการพนันซึ่งจะทำให้นักลงทุนเหล่านั้นสูญเสียเงินไปทั้งหมดในภายหลังจากนั้นนักลงทุนเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนไปลงทุนอื่นอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นการลงทุนทั้งหมดในมณฑลเหอหนานก็จะไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
มันต้องเป็นกลเม็ดอย่างแน่นอนเพราะประการแรกมันเป็นเคล็ดลับในการล่องูออกจากหลุมจากนั้นก็สูบดงินจากนักลงทุนเหล่านั้นด้วยเสียงปรบมือและแม้แต่คนอย่างหลี่จื้อเทียนที่มีเครือข่ายมากมายเพราะในความเป็นจริงคาสิโนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นโรงแรมและถ้าหากมีการออกเอกสารห้ามการพนันล่ะก็นักลงทุนเหล่านั้นจะต้องแปลงคาสิโนทั้งหมดเป็นโรงแรมและเพื่อที่จะกู้คืนค่าเสียหายทั้งหมดในการลงทุนและพวกเขาก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จากนั้นเมื่อรัฐบาลกลางจัดสรรผลตอบแทนจากการลงทุนแล้วพวกเขาก็จะดึงนักลงทุนเหล่านั้นเอาไว้ในกำมือของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
“แล้วตอนนี้เรามีวิธีแก้ไขปัญหาไหม?” เย่เชียนถาม ถึงตอนนี้อาจจะเป็นเช่นนั้นและต่อให้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกลลวงของรัฐบาลกลางก็ตามแต่มันก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับและยืนหยัดเอาไว้ให้ได้ไม่เช่นนั้นการลงทุนจำนวนมากมายมหาศาลก็จะไม่ได้รับการกู้คืนเลย
“ฉันทำได้แค่เปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นได้เท่านั้น..ฉันจะเปลี่ยนคาสิโนให้เป็นโรงแรมก่อนและลงทุนในเรื่องของการท่องเที่ยว..อันที่จริงสภาพแวดล้อมของมณฑลเหอหนานก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว..เพราะงั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความบันเทิงก็มีแนวโน้มที่ดี..ฉันต้องการสร้างโรงภาพยนตร์ที่นี่และหลังจากนั้นก็สร้างบริษัทที่ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์และสตูดิโอทั้งหมด..ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถกู้คืนการลงทุนได้!” หลี่จือเทียนพูด
“ครั้งนี้คุณเสียไปเท่าไหร่?” เย่เชียนถาม
“คาดว่าน่าจะราวๆ 300 ล้านหยวน!” หลี่จื้อเทียนพูดต่อ “โชคดีที่จะมีผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศและการลงทุนทางการเงิน..ไม่งั้นฉันอาจจะต้องสูญเสียอย่างหนักในครั้งนี้..ไม่ต้องกังวลไปเพราะครั้งนี้มันเป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจของฉันเอง..ฉันจะรับความสูญเสียทั้งหมดเอง”
“เราเป็นหุ้นส่วนกันเพราะงั้นก็คนละครึ่งจาก 300 ล้านหยวนก็ได้..แล้วคุณก็ไปจัดทำแผนสำหรับการดำเนินงานต่อๆ ไป..ส่วนผมจะไปที่นั่นในอีกไม่กี่วันนี้แล้วเราค่อยคุยกัน” เย่เชียนพูด
.
.
.
.
.
.
.